รายงานพิเศษ / เช็กสเตตัส นิว ผบ.เหล่าทัพ วัดระยะห่าง ‘บิ๊กแก้ว-บิ๊กบี้’ – 3 ป. สายตรง ‘บิ๊กแดง’ จับตา ‘ทหารเสือฯ-บูรพาพยัคฆ์จูเนียร์’ สาย ‘บิ๊กตู่’

รายงานพิเศษ

 

เช็กสเตตัส นิว ผบ.เหล่าทัพ

วัดระยะห่าง ‘บิ๊กแก้ว-บิ๊กบี้’ – 3 ป.

สายตรง ‘บิ๊กแดง’

จับตา ‘ทหารเสือฯ-บูรพาพยัคฆ์จูเนียร์’ สาย ‘บิ๊กตู่’

ไม่ใช่เรื่องแปลก หากผู้บัญชาการเหล่าทัพที่คุมกำลังกองทัพ จะเป็นน้องรักสายตรง “3 ป.” เพื่อความมั่นใจในความมั่นคงของรัฐบาล และการเป็นฐานอำนาจที่แข็งแกร่ง

แต่ทว่า ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่นี้กลับไม่ได้เป็นสายตรง 3 ป.เช่นที่ผ่านๆ มา

แม้ว่าบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นทั้งนายกรัฐมนตรี และเป็น รมว.กลาโหมด้วยก็ตาม

ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่เข้มข้น ร้อนแรง กับความพยายามที่จะล้มรัฐบาล และการปฏิรูปสถาบัน ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ที่เปลี่ยนมาพร้อมกันถึง 5 คน จึงถูกจับตามอง

 

หากไล่ดูตั้งแต่บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่ ที่มีอายุราชการถึง 2566 แล้ว รู้กันดีในกองทัพว่าเป็นทหารม้าคอแดง น้องรัก ตท.21 และเป็นเสมือนเพื่อนรุ่นน้องของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการพระราชวัง และอดีต ผบ.ทบ.

และกล่าวได้ว่า พล.อ.อภิรัชต์เป็นผู้ผลักดันสำคัญให้ พล.อ.เฉลิมพลเติบโตจาก ผบ.พล.ม.2 รอ. จนเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก รอง เสธ.ทบ. และเป็นพลเอก และข้ามห้วยไปขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

ฝ่ากระแสต้านภายในกองทัพไทย ที่มีการวางตัวนายทหารหลายคนเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ต่อเนื่องกันไว้แล้วหลายคน

แต่ด้วยสถานะพิเศษของ พล.อ.อภิรัชต์ในเวลานั้น ที่นอกจากจะเป็น ผบ.ทบ.แล้ว ยังเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย จึงทำให้สามารถส่ง พล.อ.เฉลิมพลข้ามจากกองทัพบก มาเป็นเสนาธิการทหารก่อน 1 ปี และขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดในปัจจุบันได้อย่างราบรื่น

และกลายเป็นนายทหารคอแดง จาก ฉก.ทม.รอ.904 คนแรกที่ได้เป็น ผบ.ทหารสูงสุด บุกเบิกเส้นทางเติบโตของทหารคอแดงรุ่นต่อๆ ไปใน บก.ทัพไทย

 

ด้วยเพราะ พล.อ.อภิรัชต์เป็นน้องรักสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงสามารถพูดคุยเจรจาในการจัดวางตัวบุคคลในกองทัพได้

โดยเฉพาะบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.คนใหม่ ที่ได้ไฟเขียวตั้งแต่เป็น ผบ.พล.1 รอ. ขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 แม่ทัพภาคที่ 1 ผช.ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ทบ.

แบบที่รุ่นพี่ รุ่นเพื่อน ตท.22 ต้องหลบทาง หลีกทาง และแยกไปเติบโตในตำแหน่งอื่น

โดยมี พล.อ.อภิรัชต์เป็นกำลังหลักในการเนรมิตให้ทุกอย่างเป็นไปตามไฟเขียวนั้น

อีกทั้งโดยส่วนตัว พล.อ.อภิรัชต์สนิทสนมกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์อย่างมาก เพราะเป็นเสมือนเพื่อนรุ่นน้อง เพราะแม้ พล.อ.อภิรัชต์จะเป็นรุ่นพี่ ตท.20 แต่ก็เรียนเอาเพื่อนแบบสบายๆ เลยได้มาเรียนพร้อม ตท.21 และสอบเข้าเรียน รร.เสนาธิการทหารบกได้พร้อมรุ่น ตท.21 ของ พล.อ.เฉลิมพล และ ตท.22 ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เพราะสมัยก่อนจะเข้าเรียน เสธ.ทบ.ได้ต้องสอบผ่าน อ่านท่องตำรา 10 เล่ม

จึงไม่แปลกที่ในยุคของ พล.อ.อภิรัชต์ นายทหาร ตท.20-21-22 จะได้ดี และบางตำแหน่ง ตท.21-22 ได้ตำแหน่ง แทนที่จะเป็นเพื่อน ตท.20 เพราะเป็นรุ่นที่ช่วยเดินงานให้ พล.อ.อภิรัชต์มาตลอด

 

ยิ่งกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่เติบโตมาใน พล.1 รอ.ด้วยกัน แม้ต่างหน่วย เพราะ พล.อ.อภิรัชต์โตจาก ร.11 รอ. เป็นทหารเมืองกรุง ส่วน พล.อ.ณรงค์พันธ์โตจาก ร.31 รอ. ลพบุรี

แต่ที่สุดก็ลงไปอยู่ชายแดนใต้ ในนาม ฉก.14 ที่ธารโต จ.ยะลา ในปี 2547-2548 ด้วยกัน อยู่ฐานเดียวกัน ปลูกกระท่อมนอนในวัด อยู่ใกล้ๆ กัน

พล.อ.อภิรัชต์ยังเคยพา พล.อ.ณรงค์พันธ์ตอนเป็น ผช.ผบ.ทบ.กลับไปเยี่ยมธารโต ยะลาด้วยกันมาแล้ว และรำลึกถึงความหลังเสมอๆ

นอกจากได้ไฟเขียวแล้ว เพราะคุณสมบัติต่างๆ ที่ พล.อ.อภิรัชต์เฝ้ามอง พล.อ.ณรงค์พันธ์มาตลอด ก็ทำให้เขาสนับสนุนอย่างเต็มที่ ให้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

แม้จะมีข่าวบางกระแสว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์เป็นนายทหารที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และจะไม่ตกอยู่ในอาณัติของ พล.อ.อภิรัชต์ก็ตาม

เพราะหากจะเทียบความสนิทสนมแล้ว พล.อ.อภิรัชต์จะแนบแน่นกับ พล.อ.เฉลิมพลกว่าก็ตาม

แต่กล่าวได้ว่า ทั้ง พล.อ.เฉลิมพล และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ถือเป็นน้องรักสายตรงของ พล.อ.อภิรัชต์

ยิ่งเมื่อตอนนี้ พล.อ.อภิรัชต์มีสถานะเป็นรองเลขาธิการพระราชวัง และยังคงมีบทบาทสำคัญต่อไป

 

ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ โดยเฉพาะ ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.ทบ. จึงไม่ใช่สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ และรุ่นห่างกันมากขึ้นๆ จาก ผบ.หน่วยที่คุมกำลัง

พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมทหาร 12 จปร.23 ส่วน พล.อ.เฉลิมพล ตท.21 จปร.32 พล.อ.ณรงค์พันธ์ ตท.22 จปร.33

แม้ครั้งหนึ่ง พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเคยรับราชการใน พล.ร.2 รอ. ถิ่นบูรพาพยัคฆ์ เช่นเดียวกับพี่น้อง 3 ป.ก็ตาม

เมื่อครั้งที่เคยเป็นผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 พัน 2 รอ.) แต่ในเวลานั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรอง ผบ.ร.12 รอ. แม้จะกองพลเดียวกัน แต่คนละกรม ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ตอนนั้นอยู่ ร.21 รอ. ทหารเสือราชินี และกำลังจะไปเรียน เสธ.ทบ.

จึงเรียกได้ว่า แม้จะเคยอยู่ พล.ร.2 รอ. แต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก็ไม่ได้สนิทสนมใกล้ชิดพี่น้อง 3 ป.เท่าใดนัก

แต่ได้มาทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์เมื่อครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 1 จนเป็น ผบ.ทบ.

โดยเฉพาะในเหตุการณ์กระชับพื้นที่คนเสื้อแดง ที่ตอนนั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์เป็น ผบ.ร.31 รอ.แล้ว

จึงเรียกได้ว่า ได้เห็นหน้า สัมผัสกันมา แม้จะไม่ได้สนิทแนบแน่นเช่นที่ พล.อ.อภิรัชต์ กับ พล.อ.ประยุทธ์ก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นขั้วฝ่ายเดียวกัน เพราะในระยะหลัง พล.อ.ณรงค์พันธ์มาเติบโตใน พล.1 รอ. สายวงศ์เทวัญ เสียมากกว่า

 

พล.อ.ณรงค์พันธ์เป็นนายทหารที่มีความจงรักภักดีสูงยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อประกาศว่า “ผมจะทำทุกอย่างเพื่อพิทักษ์รักษา 4 สถาบัน คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน”

ขณะที่ พล.อ.เฉลิมพลก็ยกรัฐธรรมนูญมายืนยันหน้าที่ของกองทัพในการปกป้องสถาบันกษัตริย์ ที่ทรงเป็น “องค์จอมทัพไทย” และดูแลความมั่นคง แม้แต่จะเกี่ยวพันทับทาบกับการเมือง แต่ถัามีผลต่อความมั่นคง ก็เป็นหน้าที่ของทหารโดยไม่ต้องมีผู้ใดมาสั่ง

จึงเรียกได้ว่า ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ทั้ง ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. ที่ขึ้นมานี้ ล้วนเป็นสายรอยัลลิสต์ ที่มีจุดยืนปกป้องสถาบันอย่างแน่วแน่

จะเห็นได้ว่า แม้ว่าทั้ง พล.อ.เฉลิมพล และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จะมีอายุราชการอีก 3 ปี หากเป็นสมัยก่อน อาจจะให้นายทหารรุ่นพี่ที่เกษียณก่อน ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด หรือ ผบ.ทบ.ก่อน แบบที่เรียกว่า สมบัติผลัดกันชม

กระนั้น พล.อ.อภิรัชต์ก็ดันทั้ง พล.อ.เฉลิมพล และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ขึ้นคุมกองทัพเลย เพื่อให้นั่งนาน 3 ปี ที่ยิ่งทำให้เก้าอี้มั่นคง

แต่จะเป็นหลักประกันให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ตลอดอายุรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์สมัยแรกนี้ รวมถึงอนาคตของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่ยังคงถูกจับตามอง

 

ดังนั้น แม้ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้จะไม่ใช่สายตรงนายกฯ หรือแม้แต่บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่น้อง 3 ป.ที่โตมาจากทหารเสือราชินี และบูรพาพยัคฆ์ แต่ก็ไม่ใช่ต่างขั้ว

อีกทั้งตราบใดที่สายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง 3 ป. โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.อภิรัชต์ ยังคงแนบแน่นเช่นเดิม ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะกองทัพก็ยังคงสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป

ก่อนหน้านี้ ในช่วงการจัดโผนายพลครั้งใหญ่ เคยมีความพยายามในการผลักดันบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) น้องรักสายตรง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตอนนั้นเป็นรอง ผบ.ทบ. ให้เป็น ผบ.ทบ. หรือ ผบ.ทหารสูงสุด 1 ปีก่อนมาแล้ว

ครั้งนั้นถึงขั้นที่ พล.อ.อภิรัชต์เรียกทั้ง พล.อ.เฉลิมพล และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เพื่อให้เตรียมใจพร้อมรับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์

แต่ในที่สุดก็ไม่อาจฝ่าด่าน พล.อ.อภิรัชต์ไปได้ เพราะ ผบ.ทบ.จะต้องเป็นนายทหารคอแดง และต้องเป็น พล.อ.ณรงค์พันธ์เท่านั้น

เช่นเดียวกัน แม้ตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด ไม่มีประเพณี ธรรมเนียมใหม่ใด หรือข้อกำหนดใดให้ต้องเป็นทหารคอแดงก็ตาม แต่ พล.อ.ณัฐพลก็ไม่อาจฝ่าด่านนี้ได้ เพราะมีการวางตัว พล.อ.เฉลิมพลไว้แล้ว

แต่ก็ถือว่าเป็นความพยายามที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงให้ พล.อ.ณัฐพลน้องรักได้เห็นว่าพยายามแล้ว

 

สะท้อนได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ให้ความสำคัญกับ พล.อ.อภิรัชต์อย่างมาก ทั้งในฐานะน้องเลิฟ และทั้งสถานะพิเศษของ พล.อ.อภิรัชต์ที่ยังคงถูกจับตามองถึงอนาคตการเมือง

เพราะแม้แต่ตำแหน่ง ผบ.ทร.นั้น นอกจากการที่บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.ในเวลานั้น เสนอชื่อบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผช.ผบ.ทร. ขึ้นมาเป็น ผบ.ทร.คนใหม่แล้ว

การที่ พล.ร.อ.ชาติชายเป็นเพื่อนสนิท ตท.20 ของ พล.อ.อภิรัชต์ ก็มีส่วนทำให้ผ่านฉลุย ไม่ถูกล้วงเปลี่ยน เช่นที่นายทหารในกองทัพเรือคาดคิดกันก่อนหน้านี้

พล.ร.อ.ชาติชายให้ความสำคัญกับการปกป้องสถาบันสูงสุด โดยยกเป็นนโยบายหลัก ที่ว่า กองทัพเรือต้องปฏิบัติหน้าที่ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ

ให้สมกับคำว่า “กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ”

พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ

ส่วนบิ๊กแอร์ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ.นั้น ก็เป็น ตท.21 รุ่นเดียวกับ พล.อ.เฉลิมพล และด้วยความที่บิ๊กนัต พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ อดีต ผบ.ทอ. ยอมเสียเพื่อน แล้วสนับสนุนให้ขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ. ก็เชื่อกันว่า จะยังมีเพาเวอร์ต่อ พล.อ.อ.แอร์บูล

พล.อ.อ.มานัตก็เป็นเพื่อนรัก ตท.20 ของ พล.อ.อภิรัชต์ด้วย และเชื่อกันว่า เขาขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ. ส่วนหนึ่ง พล.อ.อภิรัชต์ก็มีส่วนสนับสนุน

แต่หากวัดระยะห่างระหว่าง พล.อ.อ.แอร์บูล กับ 3 ป.ก็มีอยู่ไม่นัอย เพราะต่างเหล่า และห่างรุ่น

ที่สำคัญที่สุด พล.อ.อ.แอร์บูลก็ได้ชื่อว่าเป็นนักบินเครื่องบิน C-130 พระที่นั่ง ถวายงานมาหลายพระองค์ ตลอดเวลาที่อยู่กองบิน 6 ดอนเมือง ตั้งแต่เป็นนักบิน และเป็นผู้บังคับฝูงบิน 601 และผู้บังคับการกองบิน 6

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข

ขณะที่บิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.คนใหม่นั้นก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.20 ของ พล.อ.อภิรัชต์ แบบที่เรียกว่า เพื่อนซี้ก๊วนเดียวกันเลย รวมทั้งกับบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.

จึงทำให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ได้สนิทสนม และเป็นนายตำรวจสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ ประกอบกับฝีมือในการทำงานและเป็นตำรวจตงฉิน จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์สนับสนุนให้เป็น ผบ.ตร.

ที่อาจเรียกได้ว่า ในบรรดา ผบ.เหล่าทัพใหม่ ก็มี พล.ต.อ.สุวัฒน์ที่เป็นสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์

และยังมีบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ เป็นปลัดกลาโหม เป็นปีที่ 3 ที่ยังถือว่าเป็นสายตรงได้ เพราะ พล.อ.ณัฐเป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตรพี่ใหญ่ แบบที่เรียกว่า เป็นท็อปไฟว์ ที่เป็นน้องรักของบิ๊กป้อมเลยทีเดียว และเป็นเพื่อนรัก ตท.20 ของ พล.อ.อภิรัชต์อีกด้วย

แต่แม้ ผบ.เหล่าทัพส่วนใหญ่จะไม่ได้ใกล้ชิด สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ เหมือน พล.อ.อภิรัชต์ก็ตาม

แต่เรียกได้ว่า ก็รู้จักคุ้นเคยกันมาทั้งนั้น แม้จะไม่ถึงขั้นมองตารู้ใจ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็มีทั้งเบอร์โทร และไลน์ของทุกคน อีกทั้งได้เรียกมาพบ พูดคุยกันที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว

โดยเฉพาะกับ พล.อ.เฉลิมพลนั้น พล.อ.ประยุทธ์เคยเรียกพบคุยส่วนตัว ที่ทำเนียบมาก่อนแล้ว

แม้จะมีระยะห่างในความสัมพันธ์ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องกังวล เพราะนายทหารในกองทัพ โดยเฉพาะ ทบ.รุ่นเด็กๆ ที่กำลังจะเติบโตขึ้นมาจาก ร.21 รอ. และ พล.ร.2 รอ. ก็ขยับไล่ขึ้นมา

โดยเฉพาะแม่ทัพต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องรักสายทหารเสือราชินีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่ ร.21 รอ.ด้วยกันมา ที่ขึ้นมาคุมกำลังสำคัญ คุมขุมกำลังรบ

และเป็นความหวังของทหารเสือฯ สาย พล.อ.ประยุทธ์ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์

พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์

พล.ท.เจริญชัยเป็นนายทหารคอแดง รอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 เคยเป็น ผบ.ร.21 รอ. และ ผบ.พล.ร.2 รอ. และรองแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพน้อยที่ 1 ก่อนขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และคาดว่า ปีหน้าจะขึ้น 5 เสือ ทบ. จ่อเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป

และต้องจับตานายทหารสายทหารเสือฯ และบูรพาพยัคฆ์ ที่จ่อขึ้นมา ทั้งรองหนุ่ย พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ. (ตท.24) ที่ขยับจาก ผบ.พล.ร.2 รอ. มาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เข้าไลน์สู่แม่ทัพภาคที่ 1 แถมมีอายุราชการถึง 2569 สามารถขยับต่อคิว พล.ท.เจริญชัยในอนาคตได้

รวมถึง ผบ.ใหญ่ พล.ต.อมฤต บุญสุยา (ตท.27) ผบ.พล.ร.2 รอ.คนใหม่ ที่ก็เป็นน้องรัก พล.อ.ประยุทธ์ เคยเป็น ผบ.ร.21 รอ. และมาเป็นหัวหน้าทีม รปภ.ทหารเสือฯ ของนายกฯ ประยุทธ์

พล.ต.อมฤต บุญสุยา
พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน

แม้ว่าจะต้องเบียดแข่งกับเพื่อน ตท.27 อีกหลายคน ทั้ง ผบ.เนี้ยว พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน ผบ.พล.1 รอ. ที่เป็นกำลังหลักของ ฉก.ทม.รอ.904 จากสาย ร.31 รอ. เช่นเดียวกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และ ผบ.ตั้ง พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.มทบ.11 จากสาย ร.11 รอ. ของ พล.อ.อภิรัชต์

รวมทั้งรุ่นเล็กระดับผู้การกรม พันเอกพิเศษ ใน พล.ร.2 รอ. ที่กำลังโต

 

ในคำสั่งล่าสุด ทั้งผู้การไก่ พ.อ.วรยส เหลืองสุวรรณ (ตท.28) ผบ.ร.2 รอ. ที่ขยับมาเป็นรอง ผบ.พล.1 รอ. เสธ.เทพ พ.อ.เทพพิทักษ์ นิมิตร (ตท.31) เสธ.พล.ร.2 รอ. มาเป็น ผบ.ร.2 รอ. ผู้การเสก พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ (ตท.28) ผบ.ร 12 รอ. มาเป็นรอง ผบ.พล.ร.2 รอ.

พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ

และโดยเฉพาะเสธ.เอ พ.อ.ไชยปราการ พิมพ์จินดา (ตท.33) รอง ผบ.ร.21 รอ. ข้ามมาเป็นเสธ.พล.ร.2 รอ. ที่เป็นน้องรักบิ๊กตู่ และทำหน้าที่ทีม รปภ.นายกฯ วงในใกล้ชิดอีกด้วย

เรียกได้ว่า เป็นการวางแผนระยะยาว ยิ่งหากพี่น้อง 3 ป.ยังต้องการครองอำนาจรัฐไปต่อเนื่อง

เพราะสถานการณ์การเมืองเช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ต้องการนายทหารน้องรักน้องเลิฟที่เป็นสายตรง แนบแน่น มองตารู้ใจ วางใจได้พันเปอร์เซ็นต์ มาเป็น ผบ.เหล่าทัพ และคุมกำลังสำคัญ

     เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางการเมือง ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างทางได้นั่นเอง…