ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 ตุลาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
ต่อสู้ ทางความคิด
ของ คณะราษฎร 2563
กับ ‘พัฒนาการ’
พลันที่มีการส่งหน่วยคอมมานโดปราบจลาจลนับร้อยบุกเข้าจับกุมตัวไผ่ ดาวดิน จากเวทีบนรถยนต์ในบริเวณใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
สถานการณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2516 ก็หวนกลับมา
เป็นสถานการณ์ที่การแถลงข่าวของกลุ่มเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ณ อนุสาวรีย์ทหารอาสา หน้าโรงละครแห่งชาติ จากนั้นก็เดินแจกใบปลิวบนท้องถนน
และก็ถูกรวบตัวระหว่างเดินแจกที่ประตูน้ำ
มีการตั้งข้อหามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ต่อผู้ต้องหาที่เรียกในเวลาต่อมาว่า “13 กบฏ” และได้กลายเป็นชนวนแห่งการชุมนุมอันนำไปสู่สถานการณ์วันที่ 14 ตุลาคมในที่สุด
สถานการณ์จับไผ่ ดาวดิน ก็เหมือนสถานการณ์จับธีรยุทธ บุญมี
ไม่เพียงแต่ยืนยันว่า การจับกุมแกนนำด้วยเป้าหมายต้องการสยบและยุติการเคลื่อนไหว การจับอาจประสบผลสำเร็จ แต่แรงสะท้อนอันตามมาก็เหนือความคาดคิดในทางการเมือง
ยืนยันว่าพลังที่เหลืออยู่ คือ พลังในทาง “ความคิด” อันมากด้วยพลานุภาพ
พลานุภาพ ความคิด
ต้องการ รัฐธรรมนูญ
สถานการณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2516 อันนำไปสู่การเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 14 ตุลาคม ก็คือ สถานการณ์การเรียกร้องต้องการ “รัฐธรรมนูญ”
เป็นการเรียกร้องจากรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร
เพราะรัฐประหารเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2514 ไม่เพียงแต่ฉีกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2511 ทิ้ง หากแต่ยังนำประเทศไปอยู่ใต้ร่มเงาแห่งธรรมนูญการปกครอง พ.ศ.2515
นี่ก็ตรงกับความเรียกร้องต้องการของ “คณะราษฎร 2563”
การเคลื่อนไหวผ่านปรากฏการณ์ “เยาวชนปลดแอก” เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาคือ ความเรียกร้องต้องการรัฐธรรมนูญใหม่มาแทนที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
แทนที่รัฐธรรมนูญจากการรัฐประหาร แทนที่รัฐธรรมนูญเพื่อการสืบทอดอำนาจ
แทนที่ “ระบอบประยุทธ์” จะเปิดใจกว้าง รับฟังเสียงร้องจากสังคม ตรงกันข้าม กลไกอำนาจรัฐไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่า 250 ส.ว.กลับเตะถ่วง หน่วงเวลา
และลงเอยด้วยการสลายการชุมนุม จับกุมแกนนำเข้าขัง ณ คุก
บทเรียน การจับกุม
การเคลื่อนไหว ก็ยังอยู่
ทั้งๆ ที่ข้อเรียกร้องสำคัญข้อหนึ่งอันมาจาก “เยาวชนปลดแอก” คือ หยุดคุกคามประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่เรียกร้องต้องการเห็นการเปลี่ยน
แต่คำตอบจากรัฐบาลกลับเป็นการเพิกเฉย ไม่แสดงความสนใจ
ยิ่งกว่านั้น ยังเพิ่มมาตรการในการสกัดขัดขวาง ตั้งแต่การบุกเข้าข่มขู่คุกคามถึงบ้าน ถึงครอบครัว และพัฒนากระบวนการเข้มข้นถึงขั้นมีการออกหมายจับและจับกุม
จับกุมนายอานนท์ นำพา นายภาณุพงศ์ จาดนอก นายพริษฐ์ ชิวารักษ์
โดยตั้งเป้าหมายว่า หากข่มขู่คุกคามและเพิ่มความรุนแรงจนถึงขั้นมีการจับกุมจะสามารถสลายและทำให้การเคลื่อนไหวของเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ยุติลง
แต่จากเดือนสิงหาคมมายังเดือนตุลาคมกลับตรงกันข้าม
เพราะไม่เพียงแต่ทำให้แกนนำเหล่านั้นยังคงเดินหน้า หากแต่ในท่ามกลางการเคลื่อนไหวอันเกิดขึ้นในขอบเขตทั่วประเทศกลับบ่มเพาะและสร้างแกนนำใหม่ขึ้นมาอีกเป็นจำนวนมาก
นั่นเนื่องจากการแพร่กระจายในทางความคิดได้แสดงบทบาท
การต่อสู้ ความคิด
ท่ามกลาง การจับ
กระบวนการสกัดขัดขวางอันมาจากรัฐบาล โดยผ่านกลไกอำนาจรัฐที่มีอยู่มากมายทั้งที่เป็นตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองถือได้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวในทางกายภาพ
เป็นการคุกคามและสร้างความหวาดกลัว
อาจทำให้เป้าหมายถูกจำกัดบนพื้นที่ในการเคลื่อนไหว กระทั่งบางคนถูกอำนาจในทางกฎหมายบีบคั้นและควบคุมอย่างแข็งกร้าว
แต่ก็มิได้ทำให้เป้าเหล่านั้นเปลี่ยนในทางความคิด
เนื่องจากกลไกที่รัฐบาลใช้มิได้อยู่ในกระบวนการถกแถลง แลกเปลี่ยนกันในทางความคิด หากแต่หวดกระบองแห่งความรุนแรงกระหน่ำเข้าใส่อย่างไม่ปรานี
อาจทำให้เกิดความกลัว แต่ไม่มีผลในทางที่จะเปลี่ยนแปลง
เพราะเรื่องของรัฐธรรมนูญ เรื่องของการชุมนุมทางการเมือง เป็นปฏิบัติการอันเป็นเงาสะท้อนในทางความคิดเพื่อเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูป สร้างนวัตกรรมใหม่ในทางการเมือง
คุกขังในทางกายได้ แต่ความคิดกลับเบ่งบาน ชูช่ออรชร
47 ปี 14 ตุลาคม
44 ปี 6 ตุลาคม
การใช้ชื่อ “คณะราษฎร 2563” มิได้เป็นเงาสะท้อนแห่งพัฒนาการของการเคลื่อนไหวที่ปรากฏขึ้นในเดือนกรกฎาคม และต่อเนื่องมายังเดือนตุลาคมเท่านั้น
หากแต่ยังเป็นการสืบทอดในทาง “ความคิด”
โดยรากฐานแล้วคือความประทับใจต่อสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงอันเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2475 ของ “คณะราษฎร”
และต่อมาย่อมเป็นบทเรียนของคนรุ่นต่อมาก่อนหน้านี้
ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนจากสถานการณ์เดือนตุลาคม 2516 ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนจากสถานการณ์เดือนตุลาคม 2519 ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนจากสถานการณ์เดือนพฤษภาคม 2553
ภาพทางความคิด ภาพทางการเมืองล้วนดำรงอยู่ใน “คณะราษฎร 2563” ครบถ้วน