ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 ตุลาคม 2563 |
---|---|
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร
จุดยืน ท่าทีแน่วแน่ เซียวจิ่งเหยียน (66)
การตั้งข้อสังเกตของเหมยฉางซูสำคัญ “องค์ชายเคยคิดหรือไม่ คดีของซิงกั๋วกงหากลงโทษอย่างเฉียบขาด ต่อไปบัญชีแค้นต่างๆ มากกว่าครึ่งของแต่ละพื้นที่ก็จะยึดเอาคดีนี้เป็นบรรทัดฐาน
ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นที่ทำการอำเภอหรือศาลาว่าการเมืองล้วนไม่รับเรื่องร้องเรียนลักษณะนี้
แต่ต่อไปก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ หรือท่านมั่นใจว่าจะสามารถจัดการความยุ่งเหยิงที่ตามมาหลังจากนี้ได้”
“ข้าศึกบุก ขุนพลต้าน น้ำไหลหลาก ดินอุดถม มีอันใดจัดการไม่ได้”
“ไห่เยี่ยน” ไขว่า เหมยฉางซูมาเยือนในวันนี้จุดประสงค์แรกเริ่มคือปลอบขวัญให้กำลังใจจิ้งหวังอย่าได้หวั่นเกรงในอุปสรรค แต่ดูจากสภาพ ณ เบื้องหน้า คนผู้นี้ยังคงรักษาเนื้อแท้
“มองความขรุขระดังพื้นราบ” ไว้ได้ดังเดิม
“องค์ชายมีความมั่นใจถึงเพียงนี้แม้น่านิยมชมเชย แต่วิธีการรับมือในสถานการณ์จริงยังคงสมควรต้องแตกต่างอย่างลุ่มลึก”
นี่ย่อมเป็นการมองในเชิง “ยุทธวิธี” นี่ย่อมเป็นการมองในเชิง “กลยุทธ์”
คําเตือนของเหมยฉางซูจึงดำเนินไปอย่างจริงจัง “พวกตระกูลใหญ่ทั้งหลายแม้ที่ผ่านมาดูเหมือนต่างคนต่างอยู่ แต่นั่นเป็นเพราะยังไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องร่วมมือกัน
ดังนั้น ขณะที่จัดการกับคดีที่แตกต่างกันอาจใช้กลเม็ดเพื่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำเล็กน้อย
เช่นนี้แล้วแต่ละตระกูลย่อมได้ผลลัพธ์ไม่เท่าเทียม เมื่อไม่มีหลักการหนึ่งหลักการใดเป็นที่ตั้งย่อมไม่ก่อเกิดเป็นพันธมิตรลุกฮือขึ้นต่อต้านทางการ
นี่ไม่เพียงสามารถหยุดยั้งพฤติกรรมการยึดครองที่ดิน
หากแต่ยังสามารถยับยั้งการรวมตัวต่อต้านของพวกผู้ดีมีตระกูล เมื่อชาวไร่ชาวนาสงบสุข จำนวนคนลี้ภัยไร้ที่อยู่อาศัยก็จะลดลง ขอเพียงทุกอย่างดำเนินไปอย่างสอดคล้องตามนโยบายที่ฝ่าบาทวางไว้
นั่นจะทำให้พระองค์หันมาทอดพระเนตรองค์ชาย”
“ได้ยินคำพูดชุดใหญ่ของเหมยฉางซูดังนั้น เซียวจิ่งเหยียนถึงกับอดตื่นตะลึงมิได้ หลังนิ่งอึ้งเนิ่นนานค่อยกล่าวออกมาประโยคหนึ่ง “วาจาท่านซูถูกต้องที่สุด เพียงรู้จัก ‘เมตตาอย่างเท่าเทียม’
ซึ่งนั่นคงไม่ใช่หนทางไปสู่การบรรลุเป้าหมายสูงสุด”
การสนทนาระหว่างเหมยฉางซูกับเซียวจิ่งเหยียนสำคัญ ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นจุดต่างระหว่างคนทั้ง 2 หากยังสะท้อนกระบวนการในทางยุทธศาสตร์ กระบวนการในทางยุทธวิธี
“ในเมื่ออวี้หวังมีจิตคิดช่วยเหลือท่านอีกแรง
ท่านก็อย่าได้เฉยชาเกินไป หากบังเอิญเจอคนของเขากระทำผิด เลือกออกมาสักคนสองคนตัดสินให้เบาลงเพื่อเป็นการแสดงน้ำใจตอบแทน”
คิ้วเข้มของจิ้งหวังกระตุกวูบ โพล่งถามอย่างประหลาดใจ
“เขาควรปกป้องซิงกั๋วกงอย่างสุดกำลังถึงจะถูก ไฉนกลายเป็นเฉือนเนื้อก้อนโตของตัวเองมาแสดงไมตรีต่อก้อนศิลาเช่นข้า”
“เพราะเขาตระหนัก ครั้งนี้ไม่อาจฝืนพระประสงค์ของฝ่าบาทอย่างเด็ดขาด”
เหมยฉางซูยื่นมือออกไปอังเหนือเปลวไฟ แววตาสาดแสงวิบวับ “ต้องเสียซิงกั๋วกงไปยังไม่พอ หนำซ้ำสืบรู้มาอีกว่าเซี่ยอวี้มีใจให้ฝ่ายตรงข้าม ไฉนเลยไม่หวาดหวั่นได้
สำหรับเขาในเวลานี้ท่านกลับมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดทีเดียว”
คําของจิ้งหวังไม่ควรมองข้าม “ได้รับคำชี้แนะเรื่องซิงกั๋วกงจากท่าน อีกทั้งยังเปิดโปงโฉมหน้าของเซี่ยอวี้ ทำให้ข้าดูมีความสำคัญขึ้นมา” จิ้งหวังแค่นเสียงเย็นชาดังเฮอะ
“ต้องขอบคุณจริงๆ”
“อย่างไร องค์ชายไม่เต็มใจจดบันทึกความดีความชอบของกระหม่อม” แม้จะรู้อยู่เป็นอย่างดีในตัวตนของจิ้งหวัง แต่เหมยฉางซูก็ยังตั้งคำถาม
เป็นการตั้งคำถามเพื่อให้คำตอบอธิบาย
“ข้าแค่ไม่อยากให้ผู้คนคิดว่า ข้ากับอวี้หวังเป็นพวกเดียวกัน” นี่คือความแจ่มชัดในทางความคิดของเซียวจิ่งเหยียน
“รัชทายาทกับอวี้หวัง ไม่ว่าคนไหนข้าล้วนไม่อยากยืนด้วย”