ผ่าคดี ผอ.สวนสัตว์ ลุยจี้สอบเก้งเผือกหาย โยงขโมยขายตลาดมืด แฉถูกร้องทุจริต21เรื่อง

เปิดปมฆ่าผอ.สวนสัตว์ ลุยจี้สอบเก้งเผือกหาย โยงขโมยขายตลาดมืด แฉถูกร้องทุจริต21เรื่อง

ที่มีผู้สงสัยว่าเชื่อมโยงกับขบวนการค้าสัตว์ป่าในตลาดมืดหรือไม่ โดยผู้ที่ลงมือก็คือนายสัตวแพทย์ ประจำสวนสัตว์สงขลานั่นเอง ซึ่งหลังจากก่อเหตุก็ได้ยิงตัวตายหนีความผิด

แต่ก็ยังทิ้งปมสงสัยว่าสาเหตุแค่เก้งเผือกเท่านั้นหรือที่เป็นชนวนสังหารโหดครั้งนี้

ซึ่งก็มีการวิเคราะห์กันว่าเป็นเพราะผู้ก่อเหตุแค้นที่ถูกสั่งย้ายโดยไม่ได้เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามเมื่อสืบสวนลึกลงไปกลับพบประเด็นความขัดแย้งมากกว่านั้น

เมื่อมีข้อมูลว่านายสัตวแพทย์ผู้ตาย เคยร้องเรียนผอ.องค์การ สวนสัตว์ในหลากหลายประเด็น ถึง 21 เรื่อง ซึ่งจำนวนนั้นมีเรื่องทุจริตรวมอยู่ด้วย

กลายเป็นข้อถกเถียงกันว่าเป็นการลงมือด้วยโทสะ หรือเตรียมแผนก่อเหตุไว้นานแล้ว

และข้อขัดแย้งที่แท้จริง มีมากกว่าเรื่องเก้งเผือกหรือไม่

โหดยิง 19 นัดดับผอ.สวนสัตว์

เหตุการณ์สลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายวันที่ 3 ต.ค. พ.ต.อ.เอกณรงค์ สวัสดิกานนท์ ผกก.สภ.เมืองสงขลา รับแจ้งเหตุยิงกันตาย ภายในที่ทำการสวนสัตว์สงขลา เขตเทศบาลเมืองเขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ

จุดเกิดเหตุเป็นห้องทำงานของผอ.สวนสัตว์สงขลา พบร่างนายสุริยา แสงพงค์ อายุ 58 ปี ผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนพื้นกลางห้อง สภาพร่างถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. หลายนัด ลักษณะกระหน่ำยิงทั้งที่ศีรษะและลำตัว พบปลอกกระสุนปืน 9 ม.ม. ตกอยู่ในห้องถึง 19 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ น.สพ.ภูวดล สุวรรณะ อายุ 50 ปี เป็นสัตวแพทย์หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ วิจัยและสุขภาพสัตว์สวนสัตว์สงขลา หลังก่อเหตุออกจากห้องกลับไปยังบ้านพักที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร ขึ้นไปเก็บตัวอยู่ในห้องนอนของลูกชายบนชั้นสอง

แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่ปิดล้อมและพยายามกล่อมให้นายภูวดล ออกมามอบตัว ก็ได้ยินเพลงเศร้าเปิดจากโทรศัพท์มือถือ จากนั้นจึงมีเสียงยิงปืนดังขึ้น 1 นัด ตรวจดูก็พบว่านายภูวดลใช้อาวุธปืน 9 ม.ม. จ่อยิงที่ศีรษะฆ่าตัวตาย

หนีความผิด ตายไปเป็นศพที่ 2!??

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เร่งคลี่คลายสาเหตุการฆาตกรรม พบว่าก่อนหน้านี้นายสุริยา ที่เพิ่งรับตำแหน่งผอ.องค์การสวนสัตว์ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องเก้งเผือกสายพันธุ์พระราชทาน หายไปอย่างมีเงื่อนงำ 2 ตัว และเรียกนายเฉลิมวุฒิ เกษตรสมบูรณ์ ผอ.สวนสัตว์สงขลา และน.สพ.ภูวดลเข้าไปสอบถามเรื่องนี้

ระหว่างนั้นน.สพ.ภูวดลบอกให้นาย เฉลิมวุฒิ ออกมาจากห้อง เพราะต้องการคุยกับนายสุริยาเป็นการส่วนตัว

สักพักจึงเกิดการยิงกันขึ้น และน่าจะมีสาเหตุมาจากนายภูวดลไม่พอใจที่ถูกนายสุริยาสั่งย้ายกะทันหันเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา และให้มีผลในวันที่ 5 ต.ค.นี้ โดยให้ไปปฏิบัติงานในหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญสวนสัตว์ สังกัดสำนักอนุรักษ์และวิจัยแทน

ขณะที่พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 ระบุว่าสาเหตุการฆาตกรรมน่าจะเกี่ยวข้องกับลูกเก้งเผือก แต่จะเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าสัตว์ป่ามากน้อยเพียงใด ต้องตรวจสอบ แต่ให้สืบสวนแล้วว่าจำนวนสัตว์ของสวนสัตว์สงขลามีจำนวนเท่าใดกันแน่

ส่วนนายชวลิต ชูขจร ระบุว่า รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสั่งดูแล 2 ครอบครัวให้ดีที่สุด รวมทั้งขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ด้วย คาดว่าเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบเพราะการสื่อสารกันน้อยไป น.สพ.ภูวดลเข้าใจว่าถูกสั่งย้ายขาด แต่จริงๆ เป็นแค่การย้ายชั่วคราว

จนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

พบสัตวแพทย์ร้องเรียน 21 เรื่อง

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เกิดเหตุเบื้องต้น จะระบุว่าเป็นเรื่องเก้งเผือก แต่ก็เริ่มจะไม่แน่เสียแล้ว เมื่อฝ่ายสืบสวนพบว่าเรื่องเก้งเผือกอาจจะเป็นแค่ปลายเหตุเท่านั้น และไม่ใช่แค่บันดาลโทสะซึ่งหน้า

เนื่องจากพบว่าตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 61 มีการร้องเรียนนายสุริยา สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งรองผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ไปยังกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในนามของ “องค์กรสวนสัตว์ก่อการดี” ที่มีน.สพ.ภูวดลเป็นหนึ่งในแกนหลักและเป็นคนร่างเรื่องร้องเรียนทั้งหมด โดยการร้องเรียนอ้างว่าสงสัยในพฤติกรรมที่ส่อทุจริตและประพฤติมิชอบ ทั้งในฐานะ รองผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และสมัยที่เป็นผอ.สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

อาจเชื่อมโยงกับการลงมือครั้งนี้!??

นอกจากนั้น เมื่อสืบสวนลงลึกในรายละเอียดการบริหารงานภายในสวนสัตว์สงขลา พบว่านอแรดขาวในสวนสัตว์สงขลาหายไป โดยเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2555 หลังจากที่แรดขาวของสวนสัตว์สงขลาตายไป 1 ตัว ทางสวนสัตว์ได้ตัดเอานอแรดออกไปทั้ง 2 นอ แบ่งเป็นนอที่งอกออกมาแล้ว หรือนอแหลม 1 นอ และนอที่อยู่ใต้ผิว หรือนอทู่ อีก 1 นอ จากนั้นได้นำมาเก็บไว้ที่คณะวิทยาศาสตร์ ม.อ.วิทยาเขตหาดใหญ่

ต่อมาวันที่ 11 มิ.ย. 2561 สวนสัตว์สงขลาได้มาติดตามนอแรด 2 นอ ที่เก็บรักษาไว้ที่ ม.อ. ปรากฏว่าได้มีเจ้าหน้าที่สวนสัตว์สงขลาเบิกคืนนอแรดทั้งสองไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. 2556 แต่กลับทำเอกสารเท็จเบิกนอแรดไป 1 นอเท่านั้น

ทางสวนสัตว์สงขลาก็ได้ติดตามสืบหานอแรดที่หายไปกระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 2 คน คนหนึ่งเป็นผู้เบิกนอแรดจากคณะวิทยาศาสตร์ ม.อ. และอีกคนหนึ่งคือผู้รับไป จึงไล่ออกและสืบหานอแรดต่อจนสามารถนำกลับคืนมาได้ 1 นอ ซึ่งเป็นนอทู่ ส่วนนอแหลมยังไร้ร่องรอย โดยนอแรดมีมูลค่าสูงถึงกว่า 1 ล้านบาท

นอกจากนี้เหตุนกแก้วมาคอว์หายไป 13 ตัว ทางสวนสัตว์ติดตามคืนมาได้ 2 ตัว พร้อมกับผู้ต้องหา 1 คน เป็นผู้ที่นำนกแก้วมาโพสต์ขายออนไลน์ สำหรับคดีดังกล่าวศาลได้ยกฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาลักทรัพย์ เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่านกแก้วมาคอว์เป็นของสวนสัตว์สงขลาจริง เพียงแค่ดำเนินคดีครอบครองสัตว์ป่าเท่านั้น

ทั้งหมดล้วนเกี่ยวพันกับคดีเลือดครั้งนี้ ซึ่งรอการคลี่คลายต่อไป

ผ่าปมเก้งเผือกหาย 2 ตัวซ้อน

สำหรับเก้งเผือกสายพันธุ์พระราชทาน ที่เพาะพันธุ์ได้ที่สวนสัตว์สงขลา หายไปจากส่วนจัดแสดง 2 ตัว ซึ่งบอร์ดองค์การสวนสัตว์ ตั้งนายอภิเดช สิงหเสนี รองผอ.องค์การสวนสัตว์ เป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริง

ซึ่งพบข้อเท็จจริงว่า ‘คุณภูมิ’ เก้งตัวแรกหายไปเมื่อวันที่ 19 ก.พ. แต่สาเหตุการหายไปยังไม่ได้สรุปผลว่าเป็นเพราะถูกขโมย หรือถูกสัตว์อื่นกิน ต่อมาพบโครงกระดูกเก้ง เมื่อเดือนเม.ย. ถูกใบไม้ทับถมในส่วนจัดแสดง อยู่ระหว่างตรวจสอบจากเซลล์ว่าเป็นเก้งเผือกจริง หรือเก้งธรรมดา

ส่วน ‘คุณภาค’ เก้งอีกตัวหายไปเมื่อวันที่ 22 ก.ย. แต่ทางสวนสัตว์สงขลาไม่แจ้งกรณีดังกล่าว ต่อมาระบุว่าถูกงูเหลือมกินไป แต่ก็อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง แต่ระหว่างนั้นก็มีข่าวสับสนจนทำให้เข้าใจผิดว่าเก้งตัวที่งูเหลือมกินเป็นเก้งตัวแรก จนข้อมูลไม่ตรง เข้าใจไปว่ามีการบิดเบือนข้อมูล

จนกระทั่งมีคำสั่งย้ายนายเฉลิมวุฒิ เกษตรสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา นายพิเชษฐ์ ทัปนวัชร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา น.สพ.ภูวดล สุวรรณะ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์วิจัยและสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์สงขลา และนายอุทัย พูลยรัตน์ หัวหน้าโภชนาการสัตว์ รักษาการหัวหน้าฝ่ายบำรุงสัตว์ สวนสัตว์สงขลา

โดยมีคำชี้แจงภายหลังให้ย้ายไปชั่วคราวเพื่อไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าช่วยเหลือกัน เมื่อผลสอบออกมาระบุว่าไม่เกี่ยวข้องก็จะคืนตำแหน่งให้

สำหรับเก้งเผือกมีขนาดลำตัวเท่ากับเก้งธรรมดา สีขาวปลอดทั้งตัว มีตาสีแดง จมูกสีชมพู มีต่อมน้ำตาขนาดใหญ่ และแอ่งน้ำตาลึก มีเขาขนาดเล็ก และสั้น ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร และมีแขนงเล็กๆ แตกออกข้าง ละสองกิ่ง มีเขี้ยวยาวยื่นออกมานอกริมฝีปากเพื่อป้องกันตัว ปกติชอบอยู่ตามลำพัง ตัวเดียว หากินตอนเย็นถึงเช้าตรู่ นิสัย ปราดเปรียว กลางวันหลบนอนตามพุ่มไม้ เวลาตกใจจะส่งเสียงร้องคล้ายเสียงสุนัขเห่า ในประเทศไทยพบทุกภาค อินโดจีน อินโดนีเซีย จีนตอนใต้ ศรีลังกา อินเดีย เริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุประมาณ 1 ปีครึ่ง ฤดูผสมพันธุ์อยู่ในช่วงฤดูหนาว ตั้งท้องนาน 6 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว อายุเฉลี่ย 15 ปี กินอาหารประเภทหญ้า ใบไม้ ผลไม้

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ยังมีทฤษฎีว่าอาจเป็นการลักลอบเอาไปขายตลาดมืดหรือไม่ เพราะในตลาดมืดสัตว์เผือกมักมีราคาแพงกว่าสัตว์ปกติ อย่างไรก็ตามในตลาดมืดไม่นิยมซื้อขายเก้ง เพราะถือเป็นสัตว์ใหญ่คนไม่นิยมเลี้ยง ส่วนนำเนื้อไปบริโภคก็ยังไม่เคยพบว่านิยมกินสัตว์ชนิดนี้

รอผลสรุปว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร กันแน่