อุรุดา โควินท์ / ทางรอดอยู่ในครัว : ปลาอินทรีขึ้นบก

เชียงรายไกลทะเล เด็กเชียงรายอย่างฉันจึงรู้จักปลาอินทรีในนามของปลาเค็มชิ้นเล็กๆ แต่กินได้ทั้งบ้าน แถมบางมื้อไม่หมด

แม่ซอยพริก ซอยหอม บีบมะนาวลงไป ให้เราตักกินกับข้าวต้ม บางมื้อแม่เอามาผัดกับคะน้า แน่นอน ใส่ไม่เต็มชิ้น เพราะมากกว่านั้นคือเค็มไป

เมื่อได้ยินคำว่าปลาอินทรี ในลิ้นชักความทรงจำของฉัน จึงมีแต่รสเค็ม ซึ่งแตกต่างจากปลาอินทรีจานนี้มาก

อา…ในที่สุดฉันก็ได้ทำ

ฉันถามเขา “เหมือนอาจารย์ทำวันนั้นมั้ย”

“รสเข้มกว่าหน่อย แต่อร่อยแล้วนะ”

 

ตอนที่กินครั้งแรก เรากินกับเบียร์ซึ่งเข้ากันเหลือเกิน ใช่ เธอทำรสนิ่มนวล เหมาะที่จะกินคำใหญ่กว่านี้ ตามด้วยผักกระเฉด ฉันยังจำรสได้ติดลิ้น อีกทั้งไม่เคยลืมน้ำใจของเธอ

ฉันนับถือเธอจากที่ไกลๆ ฉันมองเห็นเธอ รู้จักเธอ ติดตามเธอด้วยความชื่นชม ฉันไม่เคยคิดว่าวันหนึ่ง เธอจะมาพักที่บ้านของเรา

เธอขนกระเป๋าเสื้อผ้าไปไว้ที่ห้อง แล้วขนกล่องโฟมสองกล่องมาให้ฉันในบาร์

กล่องแรกเป็นคราฟต์เบียร์สัญชาติไทย กล่องที่สองมีอาหารที่เธอทำมาจากบ้าน เธอเรียกมันว่า ตำปลาอินทรี เคียงข้างกันคือผักกระเฉด ซึ่งเธอคัดแต่ยอดอ่อน ผักเดินทางมาเกินครึ่งวัน แต่ยังดูสด เพราะเธอใส่น้ำแข็งมาในลังโฟมมากพอ

“ฝากไว้ในตู้เย็นก่อนนะคะ ไว้เราค่อยกินด้วยกันตอนเย็นค่ะ” เธอบอก

ฉันเก็บทั้งอาหารและเบียร์ไว้ในตู้เย็น โดยไม่คาดหวังนัก-ประสาแม่ครัวผู้ที่ติดรสมือตัวเอง จากใจจริง ฉันไม่เคยตื่นเต้นอยากกินรสมือใคร

แต่เธอทำให้ฉันประหลาดใจ ตำปลาอินทรีของเธออร่อยจริงๆ ลบความทรงจำเกี่ยวกับปลาอินทรีไปเสียสิ้น

 

ฉันกินคำแรก คำที่สอง คำที่สาม แล้วฉันก็ถามเธอ ว่าทำอย่างไร

วิธีทำนั้นเรียบง่าย คล้ายน้ำพริกปลาทูแห้งๆ แบบทางอีสาน แต่ให้รสชาติอีกแบบ ต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อว่าใช้เครื่องปรุงเหมือนกันเกือบทุกอย่าง

น้ำพริกนั้น แน่นอนว่าเน้นพริก หัวหอม และกระเทียม เพื่อให้รสเด่นชัด แต่อาหารจานนี้เน้นรสของปลา โดยใช้เครื่องปรุงเพิ่มมิติ เผ็ดนิดหน่อย แบบใครๆ ก็กินได้ เค็ม เปรี้ยว อย่างนัวๆ

จะบอกว่าเป็นเนื้อปลาอินทรีตำก็ไม่ใช่ จะเป็นน้ำพริกปลาอินทรีก็ไม่ถูกต้องนัก

เมื่อเอาปลาอินทรีมาทอดและปรุงแบบนี้ ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเนื้อสัตว์ชนิดใหม่ ราวกับไม่ใช่สัตว์น้ำ

หอม พริก และกระเทียม เธอเอามาคั่วกับน้ำมันที่เหลือจากทอดปลาอินทรี โดยเอาน้ำมันส่วนใหญ่ออก ให้เหลือพอติดกระทะ คั่วกระทั่งพริก หัวหอม และกระเทียมสุก

ฉันทำต่างจากเธอนิดหน่อย แต่ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน นั่นก็คือ ฉันย่างไฟอ่อนบนกระทะจนวัตถุดิบทั้งสามอย่างสุก แล้วทิ้งไว้ให้เย็น

ระหว่างรอฉันทอดปลาอินทรีด้วยไฟอ่อน ปลาอินทรีเป็นวัตถุดิบสำคัญ หากไม่ได้ปลาอินทรีน่ากิน ฉันจะไม่ทำ

นี่เป็นเหตุผลที่ฉันดองเมนูนี้ไว้หลายเดือน

 

ใช้ปลาอินทรีแบบสดหรือแดดเดียวก็ได้ แต่ควรชิ้นใหญ่ และไม่เค็ม ทอดให้สุกอย่างทั่วถึง แกะก้างออก แล้วเอาเนื้อปลามาตำ ตักใส่ถ้วยไว้

พริก หอม และกระเทียม เธอใส่ไม่มาก ฉันแอบเพิ่มปริมาณนิดหน่อย เพราะตั้งใจจะกินกับข้าว อยากได้ความเข้มข้นอีกหนึ่งระดับ

ใช้กระเทียมจีน เพื่อได้เนื้อกระเทียมเยอะ ใช้หอมแดงไทยลูกเล็ก และพริกขี้หนู ลอกเปลือกออก แล้วตำให้ละเอียด จากนั้นก็เทปลาอินทรีที่ตำแล้วตามลงครก ใช้สากบดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และตัดน้ำตาล พอให้มีรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ตามลำดับ

เธอบอกว่า ถ้าอยากกินกับผักกระเฉดเหมือนที่เธอจัดมา ให้ฉันทำรสเปรี้ยวนำนิดหน่อย

ได้รสที่ชอบแล้ว ฉันตักใส่จาน แช่ตู้เย็นไว้พักหนึ่งก่อนเสิร์ฟ

“ทำง่ายมาก” ฉันบอกเขา “เอาแช่ตู้เย็นด้วย อร่อยขึ้นอ่ะ”

เขาหัวเราะ “จริงเหรอ เกี่ยวกันเหรอ”

“ตอนที่กินครั้งแรก เรากินแบบเย็นนิดๆ ไง โคตรอร่อยเลย อยากกินแบบนั้นอีกน่ะ” ฉันตักเข้าปากหนึ่งคำ ถามเขา “คิดว่าไง”

“ตอบไม่ได้หรอก ไม่เคยกินก่อนแช่ตู้เย็น บอกได้แต่ว่า ตอนนี้โอเคแล้ว เข้ากับผักกระเฉดมาก” พูดแล้วเขาก็หยิบยอดผักกระเฉดเข้าปากเคี้ยว

“แม้จะไม่มีเบียร์” ฉันต่อให้

เขาพยักหน้าอย่างเซ็งๆ

เรากินเป็นมื้อกลางวัน ขืนดื่มเบียร์ อ่านหนังสือไปสัก 10 หน้าก็คงหลับ ยังมีงานค้างอีกเยอะ แถมบ่ายแก่ๆ ต้องพาหมาไปให้หมอล้างหู

 

“บ้านเราคงขาดปลาอินทรีไม่ได้แล้วละ ต้องหามาเตรียมไว้ในตู้เย็น” ฉันบอกเขา

ฉันสั่งมาจากเพจหนึ่ง เพราะเชียงรายหาซื้อยาก ค่าปลาไม่เท่าไร แต่พอบวกค่าขนส่งแบบรถแช่เย็นเข้าไป มีหนาวเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อผลลัพธ์ออกมาดี ที่จ่ายไปถือว่าคุ้ม

เขายกนิ้วโป้งให้ หมายถึงเห็นด้วย แน่ละ เขาน่ะชอบกินปลามาก ยกเว้นปลาดุก

ฉันชี้จาน “ตั้งชื่อใหม่แล้วด้วย ปลาอินทรีขึ้นบก ฝากบอกต้นตำรับด้วยนะ”