ฟ้า พูลวรลักษณ์ | ฉันเห็นคนหลายคนที่มีอัตตาแก่กล้า

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๗๒)

๑โดยทฤษฎี ทหารคือผู้ที่จะมาปกป้องประชาชน ซึ่งเป็นผู้แบกรับค่าใช้จ่ายให้พวกเขามีตัวตนอยู่ มีชีวิตอยู่

แต่ในความเป็นจริง บางประเทศ ทหารคือผู้ปกป้องคนกลุ่มหนึ่ง

และที่แสบยิ่งกว่าคือ ในการปกป้องคนกลุ่มหนึ่งนี้ ทหารได้เป็นศัตรูกับประชาขน หรือบางครั้งก็ทำร้ายประชาชนตรงๆ

จะเห็นว่าทฤษฎีกับความเป็นจริงตรงข้ามกันเลย นี้เป็นเพียงตัวอย่างของสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้

๒โลกของเรานี้มี Robin Hood

ซึ่งฟังเผินๆ เหมือนจะดี คนที่เป็นโจร ปล้นคนรวยมาให้คนจน

เหมือนรัฐที่แจกเงินคนจน พวกเขากำลังทำหน้าที่เป็นโรบินฮู้ด

หากโลกนี้มีโรบินฮู้ด สิ่งตรงข้ามของมันก็ต้องมีอยู่ คือแอนตี้โรบินฮู้ด หรือคนที่เป็นโจรปล้นคนจนมาให้คนรวย สิ่งนี้ก็ไม่น่าจะถูกต้องไปได้ คือคนที่ขูดรีดคนจน มาให้คนรวย

แต่โรบินฮู้ดก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน แม้ฟังเผินๆ เหมือนจะดี วูบแรกดูจะดี เพราะหากว่าโรบินฮู้ดดี แอนตี้โรบินฮู้ดก็ต้องดีด้วย นี้เป็นกฎแห่งฟิสิกส์

ชื่อว่าโจร ไม่ดีทั้งนั้น ขึ้นชื่อว่าการขูดรีด ไม่ดีทั้งนั้น

สิ่งที่รัฐควรทำมากกว่า คือการหางานให้คนจน การหางานคือการสร้างผลผลิต ไม่ใช่การแจกเงิน ซึ่งมีผลร้ายอย่างลึกซึ้งต่อประเทศ ในระยะยาวมันทำลายประเทศลงได้

เราหาแอนตี้โรบินฮู้ดได้ยาก เรารู้ว่ามันมีอยู่ แต่จับต้องไม่ได้แน่ชัด มันอาจเป็นแค่กฎหมายบางข้อก็ได้ ที่เป็นการปล้นคนจน คนละบาทสองบาท แต่รวมกันก็เยอะ แต่มันแปลกประหลาด จับต้องได้ยาก

ฉันว่ามันไม่ดีทั้งคู่ เพียงแต่คนหนึ่งเหมือนเราถูกสะกดจิตมาช้านาน ให้คิดว่าดี เราจงมาปล้นคนรวย มาแจกจ่ายคนจนกันเถอะ

๓เรามากระตุ้นเศรษฐกิจกันเถอะ ด้วยการกระตุ้น เร่งเร้าให้คนออกมาท่องเที่ยว ให้คนออกมาใช้จ่าย อย่างน้อยให้แหล่งท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าบางกลุ่มมีรายได้ นี้คือการกระตุ้นที่ฉาบฉวย ระยะสั้น ไม่ช้าคนท่องเที่ยวเหล่านั้นก็เงินหมด

เช่นเดียวกับการแจกเงิน มันง่ายดี ขอเลขบัญชีมา แล้วก็โอนเงินเข้าบัญชี พริบตาเดียว

แต่หากประเทศไม่เพิ่มการผลิต ไม่ช้าคลังก็เงินหมด

อยากให้เศรษฐกิจดีขึ้น ง่ายนิดเดียว ปล่อยให้ทุกอย่างเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ หากประชาชนอยากได้อะไร ก็ให้เป็นไปตามนั้น หากพวกเขาอยากเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ ก็เปลี่ยน หากพวกเขาอยากยุบสภา ก็ยุบสภา หากอยากเลือกตั้งใหม่ ก็เลือกตั้งใหม่ หากอยากล้มศาลรัฐธรรมนูญ ก็ล้ม

ปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน ทันใดนั้น เศรษฐกิจจะเปลี่ยน เพราะไม่มีแรงกดดัน ไม่มีแรงมาครอบ มันจะเป็นไปตามธรรมชาติ

ไม่ต้องมาปกป้องคนกลุ่มหนึ่ง ก็เท่านั้นเอง

แต่แน่ละ สิ่งนี้ขัดแย้งกับความเป็นจริง บางอย่างจะออกมาสกัดกั้น บางอย่างที่เรียกว่าอำนาจ ที่เรียกว่าอัตตา ที่เรียกว่าคอร์รัปชั่น ที่เรียกว่าความโง่เขลา ที่เรียกว่าความเก่า

๔เพิ่งเข้าใจว่าโลกที่ฉันอยู่ อยู่ภายใต้หลักปรัชญาของอัตตามานานมาก สิ่งนี้จะเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอย่างเชื่องช้า นานเป็นพันปี แต่ที่แปลกคือวันนี้ ฉันเห็นมันเคลื่อนไหว มันกำลังสลายตัว

อัตตาเคลื่อนไหวช้าเหมือนภูเขาน้ำแข็ง มันคือ ice berg ที่อาจจะอยู่ตรงนั้น นานเป็นหลายพันปี ขยับตัวแค่นิดเดียว

แต่ทว่า อยู่ๆ ในสภาวะโลกร้อน มันก็ละลายในช่วงเวลาไม่กี่ปี

สิ่งที่มีย่างก้าว แต่ละก้าวเป็นพันปี หดตัว ลดลงเหลือไม่กี่ฤดู

น่าตื่นตะลึง อัตตาก็ลดลง หมดความหมายลงได้ มันน่าตกตะลึงสำหรับคนอย่างฉัน ที่ตั้งแต่เกิดก็เห็นความอลังการ ความยิ่งใหญ่ ความเป็นอมตะของอัตตา มันปรากฏตัวอยู่รอบกายของฉัน มองไม่เห็นทางลงของมันได้เลย แต่แล้ววันหนึ่ง มันก็ลดน้อยลง ยังไม่ถึงกับหายไปเลย แต่มันลดลงได้ขนาดนี้ ฉันแปลกใจเป็นอันมาก

แค่เพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงราวกับสายฟ้าแลบ ฉันไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย

๕ในโลกปรัชญาที่ครอบคลุมด้วยอัตตา พวกเขาก็มีสิ่งที่เรียกว่าอนัตตา สิ่งที่กว้างใหญ่กว่า เป็นจักรวาล เป็นอนันตกาล แต่เหมือนคำว่าอนัตตานี้ เป็นเพียงชื่อเรียกที่ถูกสร้างขึ้นมากกว่า เพราะใช้ประโยชน์จริงได้ยาก หาตัวตนได้ยาก

และวิธีการที่จะเข้าถึงอนัตตา คือการสร้างอัตตาให้ยิ่งใหญ่ขึ้น เพิ่มทวีคูณ จนถึงจุดสุด แล้วจึงค่อยทำลายอัตตา จึงจะเข้าถึงอนัตตา

ดังนั้น คนสมัยก่อนจึงมีอัตตาแรงกล้า คนเหล่านี้เอง ที่ใกล้อนัตตา ซึ่งฟังดูก็ขัดแย้งกัน แต่ปรัชญาของมันก็เป็นแบบนี้

ฉันเห็นคนหลายคนที่มีอัตตาแก่กล้า พวกเขาอาจแสดงปัญญาด้วยการเปล่งความนอบน้อมถ่อมตน ว่าตัวเองเป็นแค่หิ่งห้อยกระดกก้น เพื่อเตือนให้คนฟังรู้ว่า ตัวเองรู้อยู่แก่ใจ ว่าตัวเองเป็นเพียงแค่พลทหารที่หนีศึก ที่วิ่ง ๕๐ ก้าว แล้วหัวเราะเยาะคนที่วิ่ง ๑๐๐ ก้าว ว่าขี้ขลาด แต่ที่จริงก็วิ่งหนีเหมือนกัน แค่วิ่งช้ากว่าหน่อย

การเปล่งประกายให้รู้ ว่าฉันรู้ นี้คือปัญญา แต่ทว่ามันก็แค่ประปราย ส่วนใหญ่เขาก็ยังคงอยู่กับโลกอัตตา ยังตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ยังกระหึ่มกึกก้อง สนุกสนาน แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะโลกของเรานั้น ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอัตตา

แต่แล้วอยู่ๆ วันหนึ่งโลกนี้ก็เปลี่ยนไป มันเปลี่ยนไปเพราะเทคโนโลยี ซึ่งตัวมันเองเป็นกลาง ไม่มีจิตเจตนาใดๆ ไม่มีปัญญาใดๆ เหมือนสมัยก่อน เราจะเดินทางไปยังดวงดาวไกลโพ้น แต่ทว่ายานอวกาศของเรา ยังวิ่งช้ามาก ต้องใช้เวลานานเป็นหมื่นๆ ปี กว่าจะไปถึง

แต่เมื่อวันหนึ่ง เรามีเทคโนโลยีที่สร้างยานที่วิ่งเร็วกว่าได้ ทันใดนั้นการเดินทางก็ไม่ได้นานเป็นหมื่นๆ ปีอีกแล้ว มันอาจเพียงแค่ไม่กี่ปีก็ถึง หรือไม่กี่เดือน ไม่กี่สัปดาห์

โลกของเรากำลังเปลี่ยนแปลง เด็กรุ่นใหม่พวกนี้วางแผน ขยับตัว คิด สิ่งที่พวกเขาทำ มันขยับเข้าหาอนัตตา โดยไม่รู้สึกตัว แปลกมาก แต่นี่แหละคือความน่าพิศวง พวกเขาไม่ได้มีปัญญาอันมหึมา ไม่ได้กว้างใหญ่ แต่พวกเขาไปถึงได้ ด้วยเพราะโลกได้เปลี่ยน หมดยุคอัตตา