แมลงวันในไร่ส้ม /เข้าสู่ยุค ‘บิ๊กบี้’ จับตา ‘กองทัพบก’ ยุค ‘การเมืองร้อนมาก’

แมลงวันในไร่ส้ม

เข้าสู่ยุค ‘บิ๊กบี้’

จับตา ‘กองทัพบก’

ยุค ‘การเมืองร้อนมาก’

 

ขึ้นปีงบประมาณใหม่ ในภาคราชการ คือการเริ่มต้นเข้ารับตำแหน่งใหม่ของผู้นำส่วนราชการต่างๆ

ที่จับตามองกันมากที่สุด นอกเหนือจากการเปลี่ยน ผบ.ตร. จาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แล้ว

การเปลี่ยนแปลงผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. จาก “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ มาเป็น พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ หรือ “บิ๊กบี้” ก็เป็นอีกไฮไลต์ของการเปลี่ยนผู้นำกองทัพ ที่ว่ากันว่าจะเป็นบุคคลสำคัญที่สุด หากจะมีการปฏิวัติรัฐประหาร

สำหรับ ผบ.ทบ.ป้ายแดง ถือว่าเป็นทหารอาชีพที่ไม่ข้องแวะกับการเมือง การเข้ารับหน้าที่สำคัญในขณะที่สถานการณ์ในประเทศผันผวนด้วยเรื่องเศรษฐกิจ และการเมือง

จึงเกิดการวิเคราะห์วิจารณ์ว่า กองทัพในยุคนี้จะวางตัวอย่างไร

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

และเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก “บิ๊กบี้” หรือ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แถลงข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรง ในระดับผู้บัญชาการและชั้นนายพลครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง เพื่อมอบนโยบายให้กับกำลังพล และกล่าวถึงจุดยืนของกองทัพ เป็นการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก

พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้กองทัพบกปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน 4 เสาหลักของประเทศ

พร้อมทั้งสานต่องานที่อดีตผู้บัญชาการกองทัพบกทำไว้และปฏิบัติภารกิจงานที่หลากหลายมากขึ้นที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในโลกโลกาภิวัตน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ขณะนี้

ได้เน้นย้ำการดูแลเรื่องสิทธิกำลังพลให้ชัดเจนถูกต้องมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผู้บังคับบัญชาต้องเข้าถึงผู้ใต้บังคับบัญชาในการรักษาปัญหาดูแลเรื่องสิทธิสวัสดิการให้ทั่วถึง

ส่วนการปฏิรูปกองทัพในด้านต่างๆ แก้ไขสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ปรับปรุงพัฒนาให้เกิดความเหมาะสมในทุกๆ ด้าน แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา ไม่ใช่ใช้เวลาเพียงระยะสั้นๆ

บางเรื่องอาจใช้เวลาเท่าหรือไม่เท่ากันในแต่ละเรื่องแตกต่างกันไป ขอประชาชนให้โอกาสการปฏิรูปเรื่องสวัสดิการที่กองทัพได้ให้มืออาชีพเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ

อย่างเช่น สวนสนประดิพัทธ์ที่ให้ผู้มีความเชี่ยวชาญเข้ามาดูแลมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ก็เกิดความพึงพอใจ

นอกจากนี้ ในภาคประชาชนให้ทุกหน่วยช่วยเหลือประชาชนให้มากที่สุดที่ประสบปัญหาในด้านต่างๆ โดยเฉพาะโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกว้างและภัยพิบัติต่างๆ ที่จะต้องช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

รวมถึงเรื่องยาเสพติดและแรงงานต่างด้าวที่ยังมีการลักลอบเข้ามาในประเทศไทยตามแนวชายแดนต่างๆ ในช่วงนี้ เพราะทหารมีหน้าที่ป้องกันภัยต่างๆ ที่จะเข้ามาในทุกรูปแบบ ทหารมีหน้าที่รับใช้ประชาชนเพื่อประเทศชาติและประชาชน

 

ที่น่าสนใจก็คือ การตอบคำถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องการเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า วางนโยบายของกองทัพบกต่อเรื่องการเมืองเป็นอย่างไร ผบ.ทบ.กล่าวว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ตนเป็นข้าราชการประจำ ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง เพราะฉะนั้น จะปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีกลาโหมรวมถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด

เมื่อถามว่า การรัฐประหารจะให้คำมั่นอย่างไรต่อสังคมว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นในยุคของ ผบ.ทบ.

บิ๊กบี้กล่าวว่า โอกาสทั้งหมดเป็นศูนย์หมด แต่ว่าทุกฝ่ายต้องอย่าสร้างปัญหาที่รุนแรง ความขัดแย้งที่กระทบต่อความเดือดร้อน เมื่อวานผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็ได้ตอบไปแล้วว่า ไม่มีความคิดนี้อยู่ในหัว อยากจะขอทุกคนช่วยกันกำจัดเงื่อนไขต่างๆ ออกไปให้มันติดลบ ศูนย์ก็ไม่พอ แต่จะติดลบได้ทุกเรื่องต้องช่วยกัน ทำอย่างไรก็ตาม ขจัดเงื่อนไขต่างๆ เหล่านั้นให้หมดไปจากประเทศไทย

เมื่อถามถึงการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า ในหัวตนมี 4 อย่างนี้ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ตนจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาความมั่นคงของ 4 อย่างนี้

แต่ทำอย่างไร ตนไม่บอก แต่ยืนยันจะทำทุกอย่างตามอุดมการณ์ของกองทัพบก และตามแนวของตนเองที่เป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ามา เป็นสิ่งที่ตนจะยึดมั่น เพื่อทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด

เมื่อถามถึงการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน-นักศึกษา ผบ.ทบ.กล่าวว่า ได้รับรายงานมาส่วนหนึ่งและพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขตามที่เรียกร้อง เพราะสังคมเราอยู่บนพื้นฐานความแตกต่างของความคิดที่ต้องเรียนรู้ปฏิรูปและแก้ไขกันไป

“กำลังพลกองทัพบกมี 3 แสนคน มีการทำงาน วิธีปฏิบัติไม่เหมือนกัน ยอมรับไม่มีใครสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ตรงไหนที่มีความผิดพลาดก็ต้องทบทวนแก้ไขกันใหม่ นี่คือการปฏิรูป เราต้องอยู่ในสังคมที่มีความแตกต่างในหลายๆ ด้านร่วมกันได้ เพราะเป็นทหารแล้วต้องเสียสละ เมื่อเข้ามาทำหน้าที่นี้แล้วต้องอุทิศตัวเพื่อประเทศชาติและประชาชน” ผู้บัญชาการทหารบกกล่าว

เมื่อถามถึงสถานการณ์ขณะนี้มีความห่วงกังวลอย่างไรบ้างหรือไม่ในฐานะเป็นผู้บัญชาการกองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดูแล เช่น การชุมนุมเชื่อว่าตำรวจดูแลสถานการณ์ได้ และไม่เชื่อว่าจะเกิดจลาจล เพราะคนไทยจะไม่ใช้ความรุนแรง เพราะความรุนแรงไม่มีประโยชน์ต่อใครหรือต่อโลก ส่วนปัญหายาเสพติดทุกคนก็ต้องช่วยกัน

ส่วนเรื่องการทำหน้าที่ ส.ว.นั้น ยืนยันว่าเป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ก็ต้องไปทำหน้าที่ แต่ในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างต้องดูข้อเท็จจริงเพราะเราไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะยกมือหมดทุกอย่าง ต้องดูเหตุผล ดูข้อเท็จจริงต่างๆ ด้วยว่ามีประโยชน์หรือไม่ และจะไม่รับเงินเดือน 2 ทางแน่นอน

แต่ไม่ทราบว่าจะสามารถลาออกจาก ส.ว.ตามข้อเรียกร้องได้หรือไม่

 

ขณะที่การเมืองของเดือนตุลาคมในปีนี้ อุณหภูมิร้อนแรงและท้าทายผู้มีอำนาจหน้าที่พอสมควร

โดยเฉพาะในวันที่ 14 ตุลาคม จะมีการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อทวงถามข้อเรียกร้องจากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการแก้รัฐธรรมนูญที่รัฐบาลซื้อเวลา ตั้ง กมธ.ศึกษา ก่อนลงมติ และข้อเรียกร้องให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่

พล.อ.ณรงค์พันธ์ได้กล่าวแล้วว่า เราไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะยกมือไปเรื่อย ก็น่าคิดสำหรับการเมืองไทยๆ ที่มีการกดปุ่มสั่งการ เป็นเรื่องรู้ๆ กันอยู่

และทำให้การเมืองในห้วงเวลาต่อไปนี้ น่าจะมีข่าวสารที่น่าสนใจมากขึ้นอีก