ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 สิงหาคม 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | คนของโลก |
เผยแพร่ |
“คุณต้องมีผิวหนังที่หนาเหมือนกับแรด”
เอเลเนอร์ รูสเวลต์ อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งผู้มีชื่อเสียง ภรรยาของ แฟรงคลิน ดี รูสเวลต์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 32 ผู้ล่วงลับ เคยกล่าวเอาไว้ถึงคุณสมบัติที่จำเป็นจะต้องมี สำหรับผู้หญิงที่ต้องการจะโลดแล่นในเวทีการเมืองสหรัฐ
ประสบการณ์ 40 ปีในโลกการเมืองของ ฮิลลารี คลินตัน สะท้อนวลีดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
“ฉันมีบาดแผลที่จะพิสูจน์มันได้” ฮิลลารี ระบุในช่วงหนึ่ง ขณะออกเดินทางหาเสียงไปทั่วประเทศ สะท้อนสิ่งที่เคยเจอย้อนกลับไปตั้งแต่ก้าวเท้าสู่บทบาทบุคคลสาธารณะ
ทั้งการถูกกล่าวหาว่าเป็นคนคดโกง ทุจริต
หรือแม้แต่การถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สร้างเรื่องอื้อฉาวระหว่าง บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีผู้เป็นสามี กับนักศึกษาฝึกงานทำเนียบขาวเสียเอง
แน่นอนว่าการถูกสาดโคลนทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่ออีกฟากฝั่งจากรีพับลิกัน มีชายอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังเป็นตัวเก็งคนสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ฮิลลารี ในวัย 68 ปี ได้ก้าวสู่หน้าประตูทำเนียบขาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครต สร้างประวัติศาสตร์เป็นตัวแทนหญิงคนแรกที่ได้เป็นตัวแทนพรรคใหญ่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
“ฉันจะเป็นประธานาธิบดีเพื่อพรรคเดโมเครต เพื่อพรรครีพับลิกัน เพื่อพรรคอิสระ” คลินตันระบุระหว่างการประกาศรับตำแหน่งตัวแทนพรรค
และว่า “เพื่อคนที่ดิ้นรน คนที่ต่อสู้ และผู้ประสบความสำเร็จ เพื่อคนที่โหวตให้ฉันและคนที่ไม่ได้โหวตให้ฉัน เพื่อชาวอเมริกันทุกคน”
ฮิลลารี ไดแอน รอดแฮม เกิดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ปี พ.ศ.2490 ในครอบครัวชนชั้นกลาง ในเมืองพาร์คริดจ์ ชานนครชิคาโก
ฮิลลารี เล่าใน “ลิฟวิ่ง ฮิสทรี” หนังสืออัตชีวประวัติของตัวเอง ว่าตนรักโดโรธี ผู้เป็นแม่มาก และก็ได้รับนิสัยตระหนี่ถี่เหนียว เสียงหัวเราะอันดังก้อง และความเชื่อในอุดมการณ์ของพรรครีพับลิกันในสมัยยังเป็นวัยรุ่น มาจาก ฮิวจ์ รอดแฮม ผู้เป็นพ่อ ผู้ซึ่งฮิลลารีอธิบายว่าเป็นหัวหน้าคนงานที่เข้มงวด
ฮิลลารี เข้าเรียนในวิทยาลัยเวลเลสลีย์ วิทยาลัยเอกชนหญิงล้วนชั้นนำในรัฐแมสซาชูเซตส์ และที่นี่เองที่ ฮิลลารีได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียน บทบาทผู้นำครั้งแรกของสาวจากชิคาโก
ฮิลลารี ได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนต่อในด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยเยล เมื่อปี 2514 ก่อนที่อีกสองปีต่อมาจะคบหาดูใจกับ บิล คลินตัน หนุ่มจากรัฐอาร์คันซอ ผู้ที่จะเปลี่ยนชีวิตของฮิลลารีไปตลอดกาล
หลังจากแต่งงานกันในปี 2518 ฮิลลารี กลายเป็นสตรีหมายเลข 1 แห่งรัฐอาร์คันซอ และของสหรัฐอเมริกา เมื่อ บิล คลินตัน ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอ ก่อนจะได้รับชัยชนะในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2535
การก้าวผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายอย่างเรื่องอื้อฉาวของ บิล คลินตัน มาได้ด้วยผลสำรวจคะแนนนิยมของฮิลลารีที่สูงถึง 67 เปอร์เซ็นต์ บวกกับแรงกดดันจากเพื่อนฝูงและที่ปรึกษาส่งผลให้ฮิลลารีก้าวสู่เวทีการเมืองอย่างเต็มตัวก่อนจะได้รับเลือกให้เป็นวุฒิสมาชิกของนครนิวยอร์กในปี 2543
8ปีต่อมา ฮิลลารี ตัดสินใจลงชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครต กับเพื่อนวุฒิสมาชิกอย่าง บารัค โอบามา ซึ่งแม้จะพ่ายแพ้แต่ก็ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่สร้างชื่อให้ฮิลลารีอย่างมากในฐานะ “รัฐมนตรีต่างประเทศ”
แม้ต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งจากเหตุโจมตีสถานกงสุลสหรัฐในกรุงเบงกาซี ประเทศลิเบีย เมื่อปี 2555 รวมถึงการถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้อี-เมลส่วนตัวขณะดำรงตำแหน่ง แต่ผลงานในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศก็ทำให้ฮิลลารีกลายเป็นผู้หญิงผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของสหรัฐ และกลายเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตอย่างเป็นทางการในการประชุมใหญ่พรรคเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ซูซาน ซาโลมอน ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา อดีตเพื่อนร่วมหอของฮิลลารี เมื่อครั้งยังเรียนที่วิทยาลัยเวลเลสลีย์ ระบุว่า ฮิลลารีนั้นไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปเลย
“เธอเป็นผู้นำในขณะที่เธออายุ 19” ซาโลมอนระบุ “เธอรู้ว่าเธอต้องการทำอะไร ในเวลาที่พวกเราบางคนยังไม่รู้เลยว่าเราจะทำอะไรเมื่อเราเติบโตขึ้น”
และในเวลานี้ ฮิลลารีคงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าตำแหน่ง “ประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐ”