คนของโลก : รูธ บาเดอร์ กินสเบิร์ก ผู้พิพากษาหญิงแห่งศาลสูงสุดสหรัฐ ผู้เป็นที่รัก

รูธ บาเดอร์ กินสเบิร์ก เป็นผู้พิพากษาหญิงตัวเล็ก แต่สร้างอิทธิพลอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะในฐานะตัวแทนผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐในสายเสรีนิยมหัวก้าวหน้า และในฐานะนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิผู้หญิงในสหรัฐอเมริกาที่ประสบความสำเร็จ

กินสเบิร์กผู้พิพากษาหญิงแห่งศาลสูงสุดสหรัฐคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์สหรัฐ ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ด้วยวัย 87 ปีหลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งตับอ่อนมาอย่างยาวนาน

เกิดในย่านบรูกลิน นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กินสเบิร์กผู้มีเอกลักษณ์จากการแต่งตัวด้วยเสื้อคอลูกไม้ คอเสื้อจาบ็อต ในทางปฏิบัติเป็นเหมือนกับหัวหน้าทีมผู้พิพากษาปีกซ้าย ในศาลสูงสุดสหรัฐที่ผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยมปีกขวาครองเสียงข้างมากอยู่ในเวลานี้

กินสเบิร์กไม่เคยลังเลที่จะแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคำตัดสินของผู้พิพากษาเสียงส่วนน้อยในคดีที่ศาลสูงสุดสหรัฐตัดสินให้ตีความกฎหมายให้มีการนับคะแนนในรัฐฟลอริดาใหม่หลังจากจอร์จ ดับเบิลยู. บุช จากรีพับลิกัน และอัล กอร์ จากพรรคเดโมแครต มีคะแนนเท่ากัน จนทำให้บุชชนะการเลือกตั้งไปอย่างเหนือความคาดหมาย

“ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง” กินสเบิร์กระบุเพียงสั้นๆ และนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กินสเบิร์กกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรมป๊อป และนำมาซึ่งชื่อเล่นอย่าง “นอทอเรียส อาร์บีจี” ชื่อฉายาที่ถูกตั้งชื่อตามแร็พเปอร์ชื่อดังอย่าง “นอทอเรียส บีไอจี” ในเวลาต่อมา

กินสเบิร์กมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นจนใบหน้าพร้อมกับแว่นขอบหนาสีดำเป็นเอกลักษณ์ถูกนำไปทำเป็นลายเสื้อยืด พิมพ์ลายบนแก้วน้ำ และเสื้อผ้าเด็ก

ชีวิตของกินสเบิร์กถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ถึง 2 เรื่องในปี 2018

 

เกิดมาในชื่อ รูธ บาเดอร์ ในปี 1933 ในครอบครัวชาวยิวเชื้อสายรัสเซีย ที่อพยพมายังสหรัฐอเมริกา ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ก่อนที่แม่จะเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง

กินสเบิร์กถูกเลี้ยงดูมาโดยแม่ผู้ที่สนับสนุนให้เรียนหนังสืออย่างเต็มที่ และได้พบกับสามีอย่างมาร์ติน กินสเบิร์ก ที่มหาวิทยาลัยคอร์เนล

คู่รักกินสเบิร์กเข้าเรียนด้วยกันที่คณะกฎหมายมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ช่วงเวลานี้ กินสเบิร์กต้องทั้งเรียนไปด้วย ดูแลลูกสาวคนแรกอย่าง “เจน” ไปด้วย และต้องดูแลสามีที่ป่วยเป็นมะเร็งในเวลาเดียวกัน

กินสเบิร์กเรียนจบที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในที่สุด หลังจากสามีได้งานทำที่บริษัทกฎหมายในนิวยอร์ก ก่อนที่ทั้งคู่จะมีลูกชายคนที่สองอย่าง “เจมส์”

แม้กินสเบิร์กจะเป็นนักศึกษากฎหมายระดับท็อปของรุ่น แต่ก็ต้องเจออุปสรรคในการหางานทำในสายงานกฎหมาย

“ฉันถูกโจมตีใน 3 เรื่องด้วยกัน หนึ่ง ฉันเป็นยิว สอง ฉันเป็นผู้หญิง และที่ร้ายที่สุดสำหรับฉันก็คือ ฉันเป็นแม่เด็กชายวัย 4 ขวบ” กินสเบิร์กให้สัมภาษณ์กับซีบีเอสเมื่อปี 2016

กินสเบิร์กทำงานเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยช่วงเวลาหนึ่งก่อนจะได้งานเป็นทนายความ ว่าความในคดีเลือกปฏิบัติทางเพศให้กับสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน หรือเอซีแอลยู ในช่วงทศวรรษที่ 70

กินสเบิร์กได้ก้าวขึ้นเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับเอซีแอลยูในที่สุด และสามารถว่าความชนะคดีในศาลสูงสุดได้ถึง 5 จากทั้งหมด 6 คดีที่รับผิดชอบ

 

กินสเบิร์กทำงานเป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์อยู่ในช่วงสั้นๆ ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งจากบิล คลินตัน ประธานาธิบดีสหรัฐในเวลานั้น ให้เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐ ในปี 1993 และได้รับเสียงสนับสนุนจากวุฒิสภาสหรัฐอย่างง่ายดาย สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้หญิงคนที่ 2 และเป็นผู้หญิงยิวคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว

กินสเบิร์กถูกอธิบายเอาไว้ว่าเป็นผู้พิพากษาที่ไม่ได้พยายามเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่จะตั้งคำถามกับบางส่วนของกฎหมายอย่างเฉพาะเจาะจง

กินสเบิร์กกลายเป็นไอคอนที่เป็นที่รักของชาวอเมริกัน ชุดอันเป็นเอกลักษณ์ กลายเป็นชุดที่เด็กหญิงต่างใช้แต่งในวันฮัลโลวีน ขณะที่วิถีการออกกำลังกายของกินสเบิร์กถูกนำไปเขียนเป็นหนังสือแนะนำการออกกำลังกายแบบ “อาร์บีจี” เป็นต้น

กินสเบิร์กผู้พิพากษาที่มีอุดมการณ์ต่อสู้กับโรคมะเร็งมานานหลายปี เคยพูดถึงการเกษียณอายุจากการทำงานเอาไว้ว่า ตนจะเลิกทำงานเมื่อเธอไม่สามารถทำงานได้แล้วจริงๆ

แต่ครั้งนี้ก็เป็นโรคมะเร็งที่ทำให้กินสเบิร์กต้องวางมือและหยุดพักการทำงานที่เป็นที่จดจำเอาไว้ตลอดกาล