ทวิตเตอร์ระอุ “#แบนศรีพันวา” ทัวร์ลง “ปลาวาฬ-วรสิทธิ์ อิสสระ” เขย่าอาณาจักร 2.3 หมื่นล้าน

เพียงชั่วข้ามคืน ในโลกทวิตเตอร์ก็ร้อนระอุไปด้วยข้อความและการพูดถึงปลาวาฬ-ศรีพันวา ยอดทะลุ 132 K ส่งผลให้แฮชแท็ก #แบนศรีพันวา ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 พร้อมทั้งส่งให้ชื่อเสียง “ปลาวาฬ-วรสิทธิ์ อิสสระ” ดังเป็นพลุแตกอีกครั้ง

เมื่อเจ้าตัวออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง วิพากษ์วิจารณ์การเคลื่อนไหวและการชุมนุมผ่านโซเชียลมีเดีย

จนนำไปสู่ปรากฏการณ์ “ทัวร์ลง” ชื่อของเขาและกลุ่มธุรกิจในตระกูลกลายเป็นชื่อที่ถูกกล่าวถึงและมีผู้คนจำนวนมากอยากทำความรู้จัก

 

ปัจจุบันในวัย 39 ปี ปลาวาฬ-วรสิทธิ์ อิสสระ”คือผู้บริหารเบอร์ 1 บริษัทในเครือของตระกูลอิสสระ 3 แห่งด้วยกัน คือ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีพันวา แมเนจเมนท์ จำกัด, บริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด และบริษัท อิสสระ จุนฟา จำกัด

โดยมี “บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน)” เป็นเรือธงและจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อัพเดตโครงการในเครือ ณ เดือนกันยายน 2563 มี 4 กลุ่มธุรกิจ 17 โครงการด้วยกัน ดังนี้

กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมมี 6 โครงการ คือ ดิ อิสสระ สาทร มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท, อิสสระ คอลเลคชั่น สาทร ทำเลนางลิ้นจี่ ซอย 4 มูลค่าโครงการ 877 ล้านบาท, อิซซี่ คอนโด สุขสวัสดิ์ 1,797 ล้านบาท, ดิ อิสสระ เชียงใหม่ ใกล้สี่แยกรวมโชคมีชัย 665 ล้านบาท, บ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์ ชะอำ-หัวหิน 1,920 ล้านบาท และบลู ไดมอนด์ ชะอำ-หัวหิน 1,410 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยว 5 โครงการ ได้แก่ อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 มูลค่าโครงการ 2,194 ล้านบาท, บ้านอิสสระ บางนา 2,400 ล้านบาท, บาบา บีช คลับ เรสซิเดนซ์ หัวหิน เฟส 2 มูลค่าโครงการ 223 ล้านบาท, บาบา บีช คลับ เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต 1,416 ล้านบาท และบ้านสีตะวัน ปากช่อง-เขาใหญ่ 532 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นที่มาของ #แบนศรีพันวา มี 5 โครงการด้วยกัน แน่นอนว่าโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ตเป็นตัวชูโรง ด้วยมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เป็นหนึ่งในเดสติเนชั่นที่เศรษฐีต่างชาติทั่วโลกต้องมาเยือน, นอกจากนี้ มีโรงแรมบาบา บีช คลับ ภูเก็ต 500 ล้านบาท, โรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน 1,500 ล้านบาท, ศรีพันวา เรสซิเดนซ์ เอ็กซ์ 25 มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท และศรีพันวา คอนเวนชั่นฮอลล์ ขนาดจุ 400 คน 200 ล้านบาท

สุดท้ายคือกลุ่มธุรกิจสำนักงานให้เช่า 2 โครงการในชื่อชาญอิสสระ ทาวเวอร์ 1 อยู่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กับชาญอิสสระ ทาวเวอร์ 2 ถนนพระราม 4 ทำรายได้เฉลี่ยปีละ 176 ล้านบาท

รวมทั้งหมดนับมูลค่าสะสมของอาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมอยู่ที่ 23,410 ล้านบาท

 

ชาญอิสสระกรุ๊ปย่อมไม่ใช่บริษัทโนเนม มีอายุครบรอบก่อตั้ง 68 ปีในปี 2563 โดยมีรากการทำธุรกิจเจน 1 รุ่นคุณปู่ “ชาญ อิสสระ” นักธุรกิจค้าน้ำมัน สืบทอดมาเจน 2 รุ่นคุณพ่อ “สงกรานต์ อิสสระ” กับ “คุณแม่จุ๋ง-ศรีวรา อิสสระ” (สวัสดิ์ ชูโต) ประธานกรรมการชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์

เมื่อคิดจะเอาดีกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ “สงกรานต์” จึงตั้งชื่อแบรนด์ตามชื่อคุณพ่อตัวเองเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตา “ชาญอิสสระกรุ๊ป” จึงมีรหัสย่อ CI ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยประการนี้

ปัจจุบัน ทายาทธุรกิจเจน 3 ประกอบด้วย 3 คนพี่น้อง ด้วยความที่คุณพ่อสงกรานต์มีรสนิยมชื่นชอบธรรมชาติจึงตั้งชื่อเล่นเป็นสัตว์ต่างๆ โดยสงกรานต์เองมีชื่อเล่นว่า “นกเขา” เมื่อมีลูกก็เลยตั้งชื่อเล่นลูกๆ เป็นตระกูลปลาทั้ง 3 คน

ได้แก่ ทายาทคนโต “ปลาวาฬ-วรสิทธิ์ อิสสระ”, คนกลาง “ปลาทู-ดิฐวัฒน์ อิสสระ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด ธุรกิจร่วมทุนกับ “บุญเกียรติ โชควัฒนา” นำไปสู่ผลลัพธ์ที่อาณาจักรโครงการทิวทะเล เอสเตท ที่หัวหิน เป็นการพัฒนาโครงการบนที่ดินของกลุ่มบุญเกียรติ

และลูกสาวสุดท้อง “ปลาเข็ม-กรัชเพชร อิสสระ” เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Kemissara และเป็นที่ปรึกษาการตลาดให้กับธุรกิจครอบครัว

ธุรกิจในภาพรวมก็ดำเนินมาด้วยดี แม้จะมีผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิดบ้างก็ตาม แต่แล้วชื่อของศรีพันวาก็มาดังกระฉ่อนในสถานการณ์การเมืองที่กำลังร้อนแรง จากกระแสการ #แบนศรีพันวา นั่นเอง

 

ยังมีผลข้างเคียงตามมา เมื่อเกิดข้อสงสัยว่าทำไม “สปส.-สำนักงานประกันสังคม” จึงได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในศรีพันวา

เรื่องดังกล่าวอธิบายแบบรวบย่อได้ว่า ปัจจุบันมีการระดมทุนในรูปแบบจัดตั้ง “กองรีทหรือกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์” (REIT-Real Estate Investment Trust)

โดยเจ้าของอสังหาฯ (ศรีพันวา) ประเภททำรายได้ประจำหรือรายได้จากค่าเช่า (รีเคอริ่ง อินคัม) มีการทำรายได้ที่ดี มีอัตราการเข้าพัก (occupancy rate) ค่อนข้างเต็มหรือเกือบเต็ม จะทำการรวบรวมอสังหาฯ ดังกล่าวนำเสนอขายต่อผู้สนใจลงทุนทั่วไป

ซึ่งกอง REIT สามารถเติมการลงทุนเข้าไปได้ตลอดเวลา กลุ่มนักลงทุนก็แยกเป็นรายใหญ่หรือนักลงทุนสถาบันกับรายย่อยหรือนักลงทุนรายบุคคล โดยโมเดลการตั้งกอง REIT เป็นที่นิยมใช้ระดมการลงทุนอย่างแพร่หลายในธุรกิจค้าปลีก-โรงแรม-ออฟฟิศให้เช่า-แฟ็กตอรี่ (ให้เช่าโกดัง โรงงาน)

กอง REIT ศรีพันวา ถูกออกแบบให้เป็นช่องทางระดมทุนเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินกิจการอยู่ตลอดเวลา ณ ปลายปี 2561 มีการนำห้องพัก 18 ห้องพักในโรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหินเข้ากองทรัสต์ SRIPANWA มูลค่า 530 ล้านบาท ทำให้ขนาดกองทุน 3,700 ล้านบาทขยับเพิ่มเป็น 4,000 กว่าล้านบาท โดยมีผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ย 6%

ล่าสุดในช่วงปลายปี 2563 วางแผนนำโรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน เมนโฮเทล มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท และโรงแรมบาบา บีช คลับ ภูเก็ต มูลค่า 500 ล้านบาทเข้าระดมทุนอีกรอบ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิดอาจส่งผลกระทบทำให้ต้องเลื่อนไทม์ไลน์ไปปีหน้าแทน หากทำสำเร็จจะช่วยให้ขนาดสินทรัพย์ในกองทุน REIT ศรีพันวาเติบโตจาก 4,000 ล้านบาทเป็น 6,000 ล้านบาท

 

ในวัย 39 ปี ปลาวาฬ วรสิทธิ์ ได้รับการยอมรับในแง่ความสำเร็จด้านการบริหารธุรกิจจากแวดวงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และท่องเที่ยว หลังเรียนจบจากสวิตเซอร์แลนด์ เขาเลือกมาปักหลักบุกเบิกธุรกิจที่ภูเก็ต เป็นผู้ปลุกปั้นโรงแรมศรีพันวาให้ดังกระฉ่อนโลก

รวมทั้งปั้นแบรนด์ “บาบา บีช คลับ” เป็นครั้งแรกในปี 2560 สำหรับเป็นต้นแบบให้กับการลงทุนในอนาคต

มุมน่าประทับใจในฐานะ CEO “ปลาวาฬ” ให้เหตุผลว่าต้องลุกขึ้นมาทำอะไรเยอะแยะไปหมดเพราะลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานานในศรีพันวา มาถึงจุดหนึ่งต้องมี career path ให้เติบโต การร่วมทุนกับจุนฟา และเปิดตัวถึงความพร้อมรับงานบริหารโรงแรม 6 ดาว 10-12 แห่งทั่วโลกเพื่อจะส่งลูกน้องไปเติบโตอย่างที่ควรจะเป็น

และจะเป็นแหล่งรายได้ตลอดกาลให้กับศรีพันวา ตราบใดที่ยังมีเศรษฐีนักลงทุนทั่วโลกสนใจอยากทำโรงแรมระดับลักชัวรี่แล้วมาจ้างให้ศรีพันวาเป็นผู้บริหารโครงการให้

 

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จด้านธุรกิจ กับบทบาท สถานะที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง กลายเป็นการจุดประเด็นที่ทำให้สปอตไลต์จากทุกๆ ทางส่องมาจับกลุ่มธุรกิจที่ “ปลาวาฬ” ดูแลอยู่

#แบนศรีพันวา จะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญในชีวิตการทำธุรกิจอีกครั้งของ “ปลาวาฬ” ผู้สร้างตำนานศรีพันวาเหนือเกาะภูเก็ต ไข่มุกแห่งอันดามัน