ขอแสดงความนับถือ/ฉบับประจำวันที่ 25 ก.ย. – 1 ต.ค. 2563

ขอแสดงความนับถือ

 

คอลัมน์ “รักคนอ่าน” ของ “ทราย เจริญปุระ” ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับนี้

ใช้คำถามของพรายน้ำและตัวละครถนอมนวลจากเรื่องสั้น-น้ำพุแห่งวัยเยาว์

ในหนังสือรวมเรื่องสั้น “ลิงหิน และเรื่องสั้นอื่นๆ” (เขียนโดยภาณุ ตรัยเวช ฉบับพิมพ์ครั้งแรกโดยสำนักพิมพ์มติชน กุมภาพันธ์, 2563)

เป็นสะพานเชื่อมไปถึงบทบาทของเธอ

ในการชุมนุมที่ท้องสนามหลวง เมื่อ 19 กันยายน 2563

และเชื่อมไปถึง “ความลับส่วนตัว”

บนต้นขาขวา

ที่เธอสักเอาไว้

เป็นข้อความอะไร

และมีความหมายอย่างไร

มีแต่ต้องพลิกไปอ่านที่หน้า 82 และ 83 จึงจะเข้าใจ

 

แต่สิ่งที่ไม่ต้องปกปิด

เพราะเปิดเผยโดยกว้างขวางแล้ว สำหรับทราย เจริญปุระ นั่นก็คือ การเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับม็อบ

“…ฉันพูดซ้ำพูดซากไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ

ว่าทุนรอนทั้งหมดที่ใช้ไป ไม่ได้มีเศรษฐีเงินถัง หรือการจัดตั้งกลุ่มการเมืองอะไรมาสนับสนุน

แต่เริ่มก้อนแรกมาจากค่าไกล่เกลี่ยยอมความที่ฉันได้รับจากการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท

ที่ฉันโดนกล่าวร้ายด้วยถ้อยคำรุนแรง อันมาจากการเขียนโพสต์ของฉัน ซึ่งตรงข้ามกับความเชื่อของเขา

ผ่านกระบวนการในศาลอะไรกันไป

ก็ได้รับค่าไกล่เกลี่ยยอมความเพื่อยุติคดี

ฉันไม่ได้เกิดความพึงพอใจ หรือคิดวางแผนเอาไว้ ว่าจะจัดการอย่างไรกับเงินก้อนนี้

ไม่ได้มองว่าโชคดี

ไม่ได้มองว่าโชคร้าย

มองแค่ว่าฉันทำสิ่งที่ต้องทำ แล้วมันก็ออกมาแบบนี้

หักค่าใช้จ่าย ค่าทนายต่างๆ แล้วก็ยังเหลืออีกก้อน ฉันเลยเอาไปซื้อข้าวซื้อน้ำแจกน้องๆ ที่มาชุมนุม

ก็นั่นล่ะ จุดเริ่มต้น…”

 

ทรายบอกว่า หลายคนติดจะขำเมื่อนึกถึงที่มาและทางไปของเงินก้อนนี้

แต่เอาเข้าจริง ไม่ใช่เช่นนั้น

และยิ่งเมื่อโยงกับ “ข้อความ” รอยสักบนต้นขาขวาของเธอ

มันก็เพิ่มความสลับซับซ้อนและเรียกร้องความเข้าใจอย่างสูง

และแน่นอน มัน-ไม่-ขำ

โดยเฉพาะเมื่อเธอถูกแจ้งความดำเนินคดีในกรณีนี้แล้ว

 

ขณะที่ “ทราย เจริญปุระ” ให้มุมมองทั้งในฐานะผู้สังเกตการณ์ และผู้เล่นในการชุมนุม เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา

“มงคล วัชรางค์กุล” ก็มองสถานการณ์นี้มาจากข้างนอก–สหรัฐอเมริกา

เป็นสหรัฐอเมริกาที่ถูกเชื่อมโยงโดย “ฝ่ายขวาตกขอบ—ในกะลาครอบ” ว่า นี่คือท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ และกำลังหวังจะก่อไฟ “ไทยสปริง” ในไทยต่อจากฮ่องกง

และการเคลื่อนไหวของนักศึกษาและพรรคการเมืองบางพรรค เป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการของสหรัฐ

ที่ต้องการเปลี่ยนรัฐบาล เอารัฐบาลที่ตัวเองสั่งการได้ขึ้นมาแทน

ซึ่งหากมีเป้าหมายใหญ่เช่นนั้น

สหรัฐย่อมต้องเฝ้าติดตามเหตุการณ์โดยใกล้ชิด และต้องถือเป็นเรื่อง “หญ่าย”

แต่เอาเข้าจริง เป็นเช่นไร

“มงคล วัชรางค์กุล” รายงานมาจากเรดดิ้ง เพนซิลเวเนีย สหรัฐ มาให้เราและโดยเฉพาะเหล่าคนที่มองอะไรไปได้ไม่ไกลกว่ากะลาครอบ ทราบ

พลิกอ่านหน้า 21

 

อนึ่ง หลังการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงผ่านไปหมาดๆ

วันที่ 21 กันยายน 2563

สุจิตต์ วงษ์เทศ เขียนกลอนผ่านเว็บไซต์ MATICHONWEEKLY.COM ไว้บทหนึ่ง

“กระอักกระอ่วนกวนอกตกทศวรรษ

ปากถูกปิดติดขัดเปิดไม่ได้

รุ้งหลังฝนบนเมฆเสกเป่าไป

ภูเขาไฟเหมือนถูกยกจากอกเท”

โดยให้ชื่อบทกลอน ว่า

“โล่งอก”

ทำไม-ไฉน-อย่างไร จึงโล่งอก ทั้งที่เด็ก-เยาวชน แกนนำม็อบถูกไล่ล่าดำเนินคดี

คงต้องสอบถามเจ้าตัวเท่านั้น

แม้อ่านคอลัมน์ “สุจิตต์ วงษ์เทศ” ในฉบับนี้

แต่ก็คงไม่ได้คำตอบ

ด้วยสุจิตต์ วงษ์เทศ พูดถึงเฉพาะทุ่งแสนแสบของไอ้ขวัญ-อีเรียม (ไม้ เมืองเดิม แต่ง พ.ศ.2478 หลังคณะราษฎรเปลี่ยนแปลงการปกครอง)

ไม่ได้พูดถึงทุ่งสนามราษฎร 2563!!