เครื่องเคียงข้างจอ / วัชระ แวววุฒินันท์ / นาฏราช 11

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

นาฏราช 11

 

ผ่านไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 12 กันยายน สำหรับงานประกาศผลรางวัล “นาฏราช ครั้งที่ 11” ของสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์

โดยครั้งนี้มีการจัดให้เข้ากับบรรยากาศของการเฝ้าระวังโควิด-19 กันอยู่ ยิ่งพอมีกระแสการแพร่ระบาดรอบที่ 2 เข้ามาก็ยิ่งต้องระวัง นั่นคือ การจัดแบบไม่ใช่งานอีเวนต์ ที่มีผู้มาร่วมงานคับคั่งทั้งคนในวงการวิทยุและวงการโทรทัศน์ที่เป็นทั้งคนเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และทัพสื่อมวลชนอีกเป็นร้อย

แต่เป็นการประกาศแบบกึ่งอีเวนต์กึ่งรายการ คือ เป็นการจัดงานในสตูดิโอ ที่จำกัดผู้มาร่วมงาน โดยมีการตรวจวัดไข้ และเฝ้าระวังกันอยู่เช่นเดิม

ผู้ที่มาร่วมในงานที่เป็นแบบจำกัดนั้นก็คือ ตัวแทนของสถานีโทรทัศน์ ตัวแทนโปรดั๊กชั่นเฮ้าส์บางส่วน นักแสดง พิธีกร และผู้ประกาศข่าวที่ได้เข้าชิงรางวัลเท่านั้น

ถึงอย่างนั้นก็นับว่าผู้ที่มาร่วมงานก็มากหน้าหลายตาจากหลายช่องและหลากค่าย รวมแล้วก็นับร้อยคน ดูอบอุ่นกำลังดีในบรรยากาศแบบสตูดิโอ ไม่ใช่สถานที่จัดงานเหมือนเคย

ครั้งนี้บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด รับหน้าที่เป็นผู้จัดงานถ่ายทอดสดออกทางสถานีช่อง 3 HD ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ดวงดาวแม้อยู่ไกล แต่ยังส่องแสงสว่างไสวถึงกัน”

ก็เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของโควิด-19 ที่คนเบื้องหน้าบางส่วนที่ไม่ได้มาร่วมงานด้วย แต่ก็ส่งกำลังใจมาลุ้น มาเชียร์ มาชื่นชมผู้ที่ได้รับรางวัลในงานเช่นเดิม

 

งานนาฏราชครั้งนี้ ใช้ผู้ดำเนินรายการทั้งหมด 5 คู่ ให้สอดคล้องกับเนื้อหารางวัลแต่ละช่วง ซึ่งคู่แรกนั้นเป็นขาใหญ่ของวงการด้านพิธีกร คือ ดู๋-สัญญา คุณากร และ กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ ที่ออกมาเปิดรายการให้ความรู้สึกถึงความสำคัญของงานได้อย่างดี

ด้วยเนื้อหาที่เป็นทางการ แต่ 2 คนที่มากประสบการณ์ก็ทำให้บรรยากาศเป็นกันเอง ดูอบอุ่นสบาย แต่ได้อารมณ์ความสำคัญแบบนาฏราชไม่น้อย

ซึ่งดู๋ สัญญาเองก็ได้เข้าชิงรางวัลพิธีกรยอดเยี่ยมในปีนี้อีกด้วย หลังจากที่ได้จากเวทีนี้มาแล้ว 4 ครั้ง และเขาก็ได้รับอีกครั้งในการประกาศรางวัลของปีนี้ จากรายการใหม่ “ตามสัญญา” ทางช่อง PPTV ซึ่งภาพในรายการจะเห็นว่าเมื่อได้ยินเสียงประกาศว่าเป็นชื่อเขา สัญญาดีใจและตื่นเต้นไม่น้อย และเขาก็ได้กล่าวบนเวทีหลังรับรางวัลแบบติดตลกว่า

” …เกลือ (กิตติ) เปอร์ (สุวิกรม) บอกผมว่า พี่ต้องรู้จักพอบ้าง แต่ผมบอกพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ แล้วว่า ผมไม่เลิกครับพี่ ผมมาทุกปี และผมจะเป็นด่านให้น้องๆ เอาชนะไปเรื่อยๆ ด้วยคุณภาพ เราจะเห็นคนรุ่นใหม่กว่าที่ทำงานอย่างยอดเยี่ยม อย่างอดทน อย่างตั้งใจ ผมจะพิสูจน์ตรงนั้น”

 

การประกาศช่วงที่สองเป็นรางวัลด้านวิทยุ ดำเนินการโดย ดีเจวัชรินทร์ และ ดีเจเป้ วิศวะ ประกาศทั้งสิ้น 6 รางวัล รวมทั้งรางวัลเกียรติยศด้านวิทยุ ซึ่ง เปิ้ล-หัทยา วงษ์กระจ่าง นักจัดรายการที่ทำงานใช้เสียงสร้างความสุขให้กับผู้ชมมาร่วม 35 ปี เป็นผู้ได้รับไป เปิ้ล หัทยา ได้กล่าวหลังจากรับรางวัลว่า

“ไม่ว่าเราจะทำงานมาสิบ ยี่สิบ หรือสามสิบปี เราก็ยังรักและสนุกสนานกับการทำงานของเรา แม้หลายอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป เราต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์”

และทิ้งท้ายด้วยว่า

“หวังว่ารางวัลนี้คงจะไปถึงคนที่อยู่ไกล พี่ตั้ว-ศรัณยู ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน ก็อยากให้รับรู้ไว้ว่ายังรักและคิดถึงอยู่เสมอ”

 

ส่วนรางวัลเกียรติยศด้านโทรทัศน์ เป็นของ จำนรรค์ ศิริตัน หนุนภักดี บอสใหญ่แห่งเจ เอส แอล การยืนระยะ 40 ปีของเจ เอส แอล ภายใต้การกุมบังเหียนของจำนรรค์ โดยมีผลงานคุณภาพมากมายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้จำนรรค์ได้รับรางวัลนี้ รวมทั้งการทำงานเพื่อวงการโทรทัศน์มาโดยตลอดอย่างยาวนานในตำแหน่งนายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เป็นเครื่องยืนยันถึงความเหมาะสมที่ได้รางวัลนี้ไป

“ดิฉันโชคดีที่เกิดมาแล้วได้ทำงานที่ตนเองรักมาจนปัจจุบันนี้ และได้ตั้งปณิธานว่าเราจะทำสิ่งที่ดีที่สุด ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้ชมของเรา” จำนรรค์กล่าวหลังรับรางวัล “และคิดว่าจะทำสิ่งที่ตัวเองตั้งใจจนกว่าจะสิ้นลมหายใจค่ะ”

ซึ่งรายการในช่วงนี้อยู่ในช่วงที่สาม ที่เป็นรางวัลของรายการต่างๆ โดยมี เปอร์-สุวิกรม อัมระนันทน์ และ เชียร์-ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ตอนถึงรางวัลพิธีกรยอดเยี่ยมที่มีเปอร์เข้าชิงด้วย เขาบอกว่าตื่นเต้นมาก ในตอนซ้อมทีมงานได้จำลองว่าถ้าเกิดเปอร์ได้รางวัลนี้จะต้องทำอย่างไร เขาบอกว่า ขนาดซ้อมว่าได้ยังตื่นเต้นขนาดนี้เลย ถ้าได้ขึ้นมาจริงๆ ไม่รู้จะเป็นยังไง

การประกาศในช่วงนี้ นอกจากรางวัลพิธีกรยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีรางวัลสารคดียอดเยี่ยม เกมโชว์ยอดเยี่ยม และวาไรตี้ยอดเยี่ยมอีกด้วย

ซึ่งสารคดีที่ได้รับนั้นเป็นตัวเต็งที่หลายคนคาดว่าจะได้คือ “สารคดีถ้ำหลวง สูญ-หา-เจอ-รอด-ฟื้น” ทางช่อง TPBS ที่จับเรื่องราวของทีมหมูป่าติดในถ้ำขุนน้ำนางนอนที่ดังไปทั่วโลกตอนนั้นมานำเสนอ

 

ช่วงต่อไปของรายการ เป็นรางวัลด้านข่าวที่มีถึง 6 รางวัลด้วยกัน แสดงให้เห็นถึงความนิยมและความหลากหลายเข้มข้นของการทำข่าวจริงๆ ที่มีรางวัลให้กับรายการข่าวประเภทต่างๆ ทั้งรายการข่าวยอดเยี่ยม, รายการเล่าข่าวยอดเยี่ยม, รายการฮาร์ดทอล์กยอดเยี่ยม และสกู๊ปข่าวยอดเยี่ยม ซึ่งก็แบ่งกันไปในสามช่องนี้คือ TPBS, ไทยรัฐทีวี และช่อง 3

สำหรับรางวัลผู้ประกาศข่าวชายยอดเยี่ยมนั้นตกเป็นของ ภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ จากไทยรัฐ นิวส์โชว์ ผู้ประกาศรางวัลนี้คือ เขมสรณ์ หนูขาว ที่ทำหน้าที่ดำเนินรายการในช่วงประกาศรางวัลนี้คู่กับ กรรชัย กำเนิดพลอย ซึ่งเขมสรณ์ก็ดีใจอย่างเห็นได้ชัดตอนประกาศชื่อคนที่นั่งทำงานข้างๆ กันทุกวัน

ส่วนผู้ประกาศข่าวหญิง ผู้เข้าชิงจาก 5 สถานีมากันครบ ทั้งเขมสรณ์ที่อยู่บนเวทีเองแล้ว และที่ลุ้นอยู่ในที่นั่งก็มีทั้ง ปรินดา จาก PPTV, ขวัญชนก จาก TNN14, ช่อฟ้า จากช่อง 7 สี และ อริศรา จากช่อง 3 และหนุ่ม กรรชัย ก็ประกาศชื่อคนที่นั่งข้างๆ เขาเวลาทำงานเช่นกัน คือ หมวย-อริศรา กำธรเจริญ จากเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าน้ำตาคลอทีเดียวตอนกล่าวขอบคุณ

จากรายการข่าวก็เข้าสู่รางวัลด้านละครที่มีถึง 9 รางวัล โดยมีพระ-นางสองรุ่นมาทำหน้าที่ดำเนินรายการ รุ่นโตหน่อยคือ เกรซ กาญจน์เกล้า จับคู่กับ นาย ณภัทร ที่รุ่นเล็กกว่า ด้วยรูปร่างหน้าตาของทั้งคู่ดูแล้วออร่าเข้ากันมาก

ก่อนจะประกาศรางวัล ได้มีการนำเข้าช่วงการรำลึกอาลัยถึงบุคคลในวงการวิทยุโทรทัศน์ที่ได้เสียชีวิตในปี 2563 นี้ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงวันจัดงานมีถึง 21 คน เริ่มจาก กอล์ฟ ธนภัทร นักแสดงหนุ่มที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ จนมาถึงคนล่าสุดคือ ปทุมวดี โสภาพรรณ ที่เพิ่งลาจากโลกไปเมื่อวันที่ 7 กันยายน ภาพของทุกคนปรากฏขึ้นบนจอร้อยเรียงไปกับบทเพลง “หนึ่งในร้อย” ที่ขับร้องโดยสปาย-ภาสกรณ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์ รองชนะเลิศ The Golden Song ซีซั่นแรก

สร้างอารมณ์เศร้าให้กับผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก

 

ผลการตัดสินด้านละครคงทราบกันไปแล้ว โดยมีละคร “กรงกรรม” ที่กำกับฯ โดย อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง คว้าไปถึง 7 รางวัล คือ ละครยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นำชายยอดเยี่ยม, สมทบหญิงยอดเยี่ยม, บทโทรทัศน์ยอดเยี่ยม, ทีมนักแสดงยอดเยี่ยม และเพลงนำละครยอดเยี่ยม

อ๊อฟที่ขากะเผลกจากการป่วยรุนแรงด้วยอาการสโตรกเมื่อ 2 ปีก่อน ต้องเดินขึ้นเวทีหลายครั้งในฐานะตัวแทนผู้รับรางวัล และได้กล่าวในตอนที่ตนเองได้จาก “ผู้กำกับยอดยี่ยม” โดยกล่าวล้อไปกับที่ดู๋ สัญญา พูดไว้ว่า

“คุณสัญญาครับ มึงไม่หยุดกูก็ไม่หยุดเหมือนกัน (ฮา) ถึงแม้จะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม ขอมอบรางวัลนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยที่เป็นสโตรกทุกท่านครับ”

จับได้ว่าคนในงานรวมทั้งผู้ชมทางบ้านต่างรอฟังว่า ถ้าพงษ์พัฒน์ได้รางวัล ปีนี้จะพูดอะไร เพราะแต่ละปีนั้นล้วนมีคำพูดที่เจ็บๆ คันๆ ถึงเหตุการณ์บ้านเมืองในตอนนั้นๆ เสมอ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรทำนองนั้นเลยในปีนี้ ซึ่งหลังจากงาน อ๊อฟมาบอกว่า “แดงบอกว่า ถ้าวันนี้ได้รางวัล ห้ามไม่ให้พูดเรื่องที่มันเซ็นซิทีฟเด็ดขาด” ซึ่งก็หมายถึงแดง ธัญญา ศรีภรรยาสุดที่รักนั่นเอง

จะว่าไปแล้วเสน่ห์อย่างหนึ่งของรางวัลนาฏราช ก็คือการกล่าวความรู้สึกของผู้ที่ได้รับรางวัลนี่แหละ ที่ผู้ชมอยากฟังว่าจะมีอะไรเด็ดๆ บ้าง

 

ผลงานวิทยุและโทรทัศน์ในปี 2562 ได้รับการตัดสินไปแล้วจากรางวัลนาฏราชครั้งที่ 11 ส่วนผลงานในปี 2563 นี้ที่โดดเด่นก็เตรียมตัวเข้าชิงได้ในนาฏราชปีต่อไป

บางคนถามล่วงหน้ามาก่อนเลยว่า อย่าง “ลุงพล” นี่จะเข้าชิงรางวัลอะไรได้บ้าง เพราะดังเหลือเกินยามนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็น “นำชายยอดเยี่ยม” เพราะดูมีราศีระดับพระเอกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หรือ “สกู๊ปยอดเยี่ยม” ดี เพราะมีช่องข่าวตามติดถ่ายทอดเป็นสกู๊ปออกมาให้ได้ชมกันทุกวี่ทุกวัน หรือว่า “เพลงละครยอดเยี่ยม” เพราะเห็นไปจับคู่ร้องเพลงกับจินตหรา พูนลาภด้วย

ถ้าอย่าง “ลุงพล” ได้เข้าชิงจริง ท่าทางจะต้องเบียดกับคู่แข่งที่มีตำแหน่งลุงเหมือนกัน นั่นคือ “ลุงตู่” แต่โทษทียังหารางวัลที่เหมาะสมที่จะเสนอชื่อเข้าชิงไม่เจอ

ไม่รู้ว่านาฏราชปีหน้า จะช่วยเพิ่มรางวัล “ดวงตกยอดเยี่ยม” ได้อีกสักหนึ่งรางวัลไหม รับรองเห็นผู้ชนะโดยไม่ต้องลุ้นกันเลยละท่านผู้ชมที่เคารพ