ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 กันยายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | การ์ตูนที่รัก |
ผู้เขียน | นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ |
เผยแพร่ |
การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
เจ้าชายแวลเยนต์ ปี 1938
ต่อจากฉบับที่แล้ว Prince Valiant vol. 1 1937-1938 ต่อ
นิยายภาพเรื่องเจ้าชายแวลเยนต์นี้นอกเหนือจากที่ตีพิมพ์ในนิตยสารวีรธรรมรายสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 หน้าเมื่อประมาณพุทธทศวรรษที่ 2510
นานเกือบสิบปีแล้ว เคยมีผู้นำมาแปลไทยอีกครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ.2547 โดยสำนักพิมพ์หน้าต่างสู่โลกกว้าง
ผมซื้อเก็บไว้ได้ 3 เล่ม ไม่ทราบว่ามีการแปลอีกหรือไม่
กลับมาที่ต้นฉบับของฮัล ฟอสเตอร์ เมื่อแวลฉายเดี่ยวไปถึงปราสาทที่พวกออร์กครอบครองอยู่ แม้ว่าจะมีศพห้อยเรียงรายที่ชายป่าแต่เขาไม่พรั่นพรึง ควบม้าไปจนถึงประตูเมืองเพื่อขอเจรจา นั่นทำให้เขารู้ว่าพวกคนร้ายที่ยึดปราสาทมิใช่ออร์กจริงๆ พวกมันเป็นแค่นักเล่นละครปลอมตัว
คืนนั้นแวลเดินผ่านหนองน้ำในความมืด จับห่านป่าได้ตัวหนึ่ง เขาจะเอาห่านป่าไปทำอะไร
จากนั้นเขาสร้างนั่งร้านทีละชั้นปีนขึ้นสู่ยอดปราสาท เขาแล่หนังห่านนำมาทำหน้ากากอสูรที่ชโลมไปด้วยเลือด บัดนี้เขาเป็นอสุรกายที่น่าขยะแขยงยิ่งกว่าพวกออร์กปลอมๆ มาก
เขาห้อยโหนเชือกโจนทะยานเหินฟ้าผ่านหน้าต่างให้คนเห็นกลางดึก แล้วพังหน้าต่างห้องนอนของหัวหน้าคนร้ายไม่ทันให้ตั้งตัว
ความน่าสะพรึงกลัวและการจู่โจมที่ไม่คาดคิดทำเอาหัวหน้าคนร้ายตกใจสุดขีดสำลักตายเสียฉะนั้น
จะว่าไปตอนนี้ก็ออกจะโม้ๆ หน่อย ให้วิพากษ์ก็ว่าหลายปีที่เจ้าชายแวลเยนต์อาศัยในหนองน้ำป่าเถื่อน เขาเรียนรู้วิธีเอาตัวรอด การดำน้ำ การกบดาน ใช้ชีวิตในหนองที่มืดมิด และรู้ธรรมชาติของสัตว์ป่านานาชนิดมากพอที่จะนำมาใช้ประโยชน์
คืนนั้นอสูรเที่ยวหลอกหลอนพวกโจรที่เหลือจนแตกหนีออกจากปราสาท เหลือสองคนสุดท้ายที่เฝ้ารอกำจัดเขา แวลไร้อาวุธหนีออกนอกหน้าต่าง ใช้เชือกมัดคอผู้ร้ายคนหนึ่งแล้วดึงมันตามลงมา ผู้ร้ายถูกแขวนคอชั่วขณะก่อนที่จะตกลงไปตายเบื้องล่าง เหลือคนร้ายยักษ์ใหญ่อีกคนเฝ้ายิงธนูใส่แวลซึ่งหลบอยู่ตามขื่อคาปราสาท แวลมัดเชือกรอบเอวแล้วล่อเจ้าคนร้ายขึ้นมาสู้กันบนเชิงเทินก่อนที่จะใช้เชือกเหนี่ยวรั้งทั้งสองคนตกตายตามกัน เว้นเสียแต่ว่าแวลยังคงห้อยอยู่
เขาไต่กลับขึ้นไปปลดปล่อยข้าหลวงแห่งแบรนวิน (Branwyn) และภริยาซึ่งเป็นพ่อ-แม่ของไอลีน จากนั้นเป็นลมล้มพับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน ข้าหลวงแห่งแบรนวินให้คนไปตามบุตรีคือไอลีนซึ่งดูแลเซอร์กาเวนที่บาดเจ็บอยู่ให้กลับมาที่ปราสาท เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่หนุ่ม-สาวได้เคียงคู่กันอย่างแสนสุข
เจ้าชายแวลเยนต์ขอข้าหลวงแห่งแบรนวินเพื่อแต่งงานกับไอลีน แต่ได้รับแจ้งว่าไอลีนได้หมั้นหมายกับโอรสของกษัตริย์แห่งออร์ด (Ord) ไปแล้ว
ในต้นฉบับภาษาอังกฤษที่ตีพิมพ์ 26 กุมภาพันธ์ ปี 1938 นี้ยังไม่ระบุชื่อโอรสแห่งออร์ด ในขณะที่ฉบับแปลไทยข้างต้นได้ระบุชื่อเจ้าชายอาร์นไว้ที่ตำแหน่งนี้
คืนนั้น แวลนั่งอยู่ตามลำพังด้วยความโศกเศร้า เขาตั้งปณิธานจะไม่ยอมให้ใครแย่งชิงไอลีนไปได้ ทันใดนั้นมีทหารวิ่งเข้ามาแจ้งว่าเซอร์กาเวนถูกแม่มดจับตัวไป
นางคือมอร์แกน เลอ เฟย์ (Morgan Le Fey) นางผ่านมาพบเซอร์กาเวนงามสง่าก็หมายปองจึงนำตัวไปกักขังที่ดอลอรัสการ์ด (Dolorous Garde)
แวลละทิ้งเรื่องส่วนตัวมุ่งหน้าไปที่ปราสาทนางแม่มดโฉมงาม แต่เลี้ยงบริวารน่าเกลียดน่ากลัวไว้มากมาย
หล่อนต้อนรับหนุ่มน้อยด้วยไวน์อาบยาพิษ ยาพิษทำให้แวลถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้ายที่มีภูตผีปีศาจมากมายมาเยือนในยามค่ำคืน
แวลอาศัยไหวพริบกินน้ำประทังชีวิตแล้วหาทางหลบหนีออกจากที่คุมขังจนได้ในคืนหนึ่ง เขาโซซัดโซเซผ่านหนองน้ำข้นคลั่ก (หนองน้ำอีกแล้ว) และเดินเท้าสามสิบไมล์กลับคาเมล็อต พลันเหลือบเห็นปราสาทของเมอร์ลิน
เมอร์ลินแนะนำให้เขาไปเอาสมบัติชิ้นหนึ่งของมอร์แกน เลอ เฟย์มา แวลฟื้นฟูตนเองแล้วกลับไปที่ดอลอรัสการ์ด เขาลักเอาเหยี่ยวประจำตัวของหล่อนมาได้ระหว่างที่หล่อนออกล่าสัตว์ในวันหนึ่ง เมื่อเมอร์ลินได้เหยี่ยวนั้นมาแล้วจึงร่ายมนต์
คืนนั้นผีร้ายจากนรกมากมายตามหลอกหลอนนางแม่มดถึงที่ นางแม่มดสู้เวทมนตร์ของเมอร์ลินมิได้จึงปล่อยตัวเซอร์กาเวนคืนแก่แวลในที่สุด
แวลและกาเวนควบม้าเคียงคู่กันกลับไปหาเมอร์ลิน ระหว่างทางแวลเล่าเรื่องไอลีนและความตั้งใจของตนเองที่จะชิงเธอจากเจ้าชายอาร์น จากเมอร์ลินสองอัศวินเดินทางกลับคาเมล็อต เพื่อจะพบว่าคาเมล็อตกำลังเตรียมจัดงานฉลองพิธีสมรสระหว่างเจ้าชายอาร์นและไอลีน
คืนนั้นแวลเมามาย แสร้งรื่นเริงแต่ระทมทุกข์ หลังงานเลี้ยงเลิกเขาสลบอยู่ข้างทาง เป็นกาเวนที่คอยดูแล ครั้นถึงตอนเช้ากาเวนพบว่าเขาหายตัวไปแล้ว
แวลถืออาวุธควบม้าไปตามลำพัง เขาพุ่งชนอัศวินที่มาขวางทางคนหนึ่งล้มในการพุ่งชนครั้งเดียว
เขาเดินทางต่อไปอีกไกลถึงกลางสะพานหินพบอัศวินสวมเสื้อเกราะขวางทางไว้อีก สองคนเข้าห้ำหั่นอย่างอาจหาญ อัศวินเสื้อเกราะพลัดตกจากม้าลงสู่แม่น้ำเบื้องล่าง
แวลวางอาวุธพุ่งลงไปช่วยปลดเสื้อเกราะของอัศวินใต้น้ำแล้วลากเขาขึ้นมา เขาคือเจ้าชายอาร์น!
สองคนพักรบจนกว่าจะหาชุดสู้ศึกได้ใหม่ จึงเดินทางไปด้วยกันจนพบอัศวินดำ เจ้าชายอาร์นเอาชนะอัศวินดำได้ชิงชุดเกราะของอัศวินดำมาแบ่งปันแวลเพื่อต่อสู้กันยกสอง แต่พวกไวกิ้งเดินออกมาจากป่า สองคนจึงเข้าตะลุมบอนพวกไวกิ้งนั้นด้วยกัน
แล้วทราบว่าพวกไวกิ้งได้ลักพาไอลีนไปแล้ว
แวลและอาร์นเดินทางด้วยกันต่อไปเพื่อชิงไอลีนคืน แต่ถูกพวกไวกิ้งปิดล้อมกลางสะพานข้ามหุบเหวทั้งหน้า-หลัง
สองคนรวมกำลังทะลวงไวกิ้งด้านหนึ่งอย่างดุเดือดหลุดออกไปได้ ม้าของแวลล้มลงขาดใจตาย แวลจึงให้อาร์นรุดหน้าไปช่วยไอลีน เขาจะต้านไวกิ้งที่ตามหลังมาให้นานที่สุด
อาร์นจึงมอบดาบร้องเพลง (Singing Sword) ให้แก่แวล
แวลใช้ดาบนั้นเดินเข้าหาศัตรูแล้วต่อสู้เพียงลำพังหนึ่งต่อห้าสิบอย่างบ้าคลั่ง เขาถูกจับกุมตัวในที่สุด
ที่ค่ายของไวกิ้ง แวลพบว่าหัวหน้าไวกิ้งพูดภาษาเดียวกันกับบิดาของเขาเอง
แวลท้าทักนาร์ (Thagnar) หัวหน้าไวกิ้งสู้ตัวต่อตัว แต่ฝ่ายตรงข้ามส่งนักมวยปล้ำร่างยักษ์ออกมาแทน
อีกครั้งหนึ่งที่แวลเอาชนะศัตรูร่างยักษ์ด้วยมวยปล้ำได้อย่างไม่น่าเชื่อ (ก็เคยสู้มังกรในหนองน้ำมาแล้วนี่นา)
ทักนาร์อดชื่นชมแวลมิได้ เขาจับแวลและไอลีนขึ้นเรือ แวลแอบสลักหินก้อนหนึ่งเพื่อแจ้งข่าวแก่อาร์นที่ตามมา ว่าพวกเขาถูกนำตัวไปจัตแลนด์ (Jutes Land)
อาร์นได้ร่องรอยจึงกลับไปพบพระบิดา นำเรือและทหารกองหนึ่งออกทะเลติดตามทักนาร์ไป แวลเห็นเรือของอาร์นมาแต่ไกลจึงคว้าพิณขึ้นขับขานเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจพวกไวกิ้ง
ครั้นเรือของอาร์นเข้าใกล้เกิดการปะทะและตะลุมบอนกับเรือลำหนึ่ง
พวกไวกิ้งสละเรือบุกขึ้นเรือของอาร์น ในขณะที่ทักนาร์นำเรืออีกลำหนึ่งพร้อมแวลและไอลีนเดินทางต่อไป
ไอลีนบอกแก่แวลว่าท่านอยู่ที่นี่ไม่มีประโยชน์ ทิ้งข้าไว้ไปช่วยอาร์นเถิด ข้าจะรอท่านเสมอ
แวลชิงดาบร้องเพลงคืนจากทักนาร์แล้วโจนลงน้ำ เขาว่ายน้ำพร้อมดาบหนักอึ้งไปขึ้นเรือของอาร์นเพื่อช่วยขับไล่พวกไวกิ้งลงทะเล
แต่ทักนาร์หายไปแล้ว สองเจ้าชายเดินทางติดตามต่อไปในดินแดนไกลแสนไกลจนถึงทูเล่ (Thule) พบทรราชสไลกอน (Sligon) กษัตริย์ของไวกิ้ง นายใหญ่ของทักนาร์ และเป็นศัตรูผู้ขับพระบิดาของแวลออกจากพื้นที่
สองคนต้องตามหาไอลีนยังไม่คิดปะทะสไลกอนเวลานี้
สองสหายรอนแรมไปด้วยกันอีกหลายเพลาจนกระทั่งพบซากเรือของทักนาร์เป็นเศษไม้ปรักหักพังที่ชายหาดแห่งหนึ่ง
บัดนี้ไอลีนตายแล้ว ไม่มีอะไรให้เขาสองคนได้แย่งชิงกันอีก
เวลานั้นเรือลำหนึ่งผ่านมา บนเรือคืออัศวินโต๊ะกลมหลายคน
สองสหายเดินทางกลับอังกฤษ ระหว่างทางแวะทักทายเซอร์ลานสล็อตซึ่งได้บอกแก่คนทั้งสองว่าถ้าคนหนึ่งฆ่าอีกคนหนึ่งสำเร็จ คนที่ชนะจะรู้ว่าตนเองได้แต่งงานเพราะฆ่าเพื่อน
ส่วนไอลีนจะเป็นภรรยาของฆาตกรและโทษตนเองตลอดไป
สองสหายกลับคาเมล็อต อาร์นแยกทางกลับออร์ด
แวลซึมเศร้าอยู่ที่คาเมล็อตเพียงลำพัง ไม่มีใครแม้แต่กษัตริย์อาเธอร์คิดว่าเขาเป็นอัศวินจริงๆ ไม่อนุญาตให้เขาเข้าประลองอัศวิน
เขาจึงแต่งกายเป็นอัศวินขาวผู้ลึกลับเข้าต่อสู้และสามารถเอาชนะจนถึงรอบสุดท้ายต้องต่อสู้กับทริสตรัม (Tristram) อัศวินที่แข็งแกร่งที่สุด
แวลสู้กับทริสตรัมจนทวนหักไม่เหลือสภาพ เป็นเซอร์กาเวนที่รู้ว่าอัศวินขาวเป็นใครจึงยื่นทวนของตนให้แก่เด็กหนุ่ม
แต่ทริสตรัมเข้มแข็งเกินกว่าที่ใครจะคาดถึง เขาเอาชนะแวลจนได้แม้ว่าจะสะบักสะบอมไปทั้งตัว
แวลลาจากคาเมล็อตด้วยประการฉะนี้
เขากลับหนองน้ำ เข้าเฝ้าพระบิดาแต่ไม่บอกเรื่องสไลกอน เขาตั้งใจจะใช้ดาบร้องเพลงกลับไปพิชิตสไลกอนอีกครั้ง แต่ก่อนอื่นเขาเดินทางลึกเข้าไปในหนองเพื่อพบแม่มดฮอร์ริต (Horrit) แม่มดและลูกชายพิกลพิการของเธอยังอยู่ นางทำนายถึงภัยพิบัติที่จะเกิดจากแฟลมเบิร์ก (Flamberge) ดาบร้องเพลงซึ่งถูกตีขึ้นโดยนักตีดาบที่ตีดาบเอ๊กซ์คัลลิเบอร์ขึ้นมา
แวลกลับจากแม่มดด้วยความมึนงง เขาตกลงไปในทะเลสาบน้ำแข็งที่เย็นจัด ใช้แรงทั้งหมดที่มีพาตัวเองขึ้นมาได้ เขาตัดไม้ทำเป็นสกีเพื่อเดินทางบนแผ่นน้ำแข็ง เขากลับถึงบ้านเมื่อเที่ยงคืนแล้วนอนซมด้วยพิษไข้อีกหลายวัน ฝันถึงเรื่องราวมากมายนับแต่วันที่เขาออกไปจากหนองน้ำนี้ เมื่อฟื้นขึ้นเขาเตรียมกองกำลังกลับไปรบสไลกอน แต่พวกแซ็กซอน (Saxon) จอดกองเรือหลายสิบลำทอดสมออยู่ที่ปากอ่าว
เขาควบม้ารุดหน้ากลับคาเมล็อต ทะลวงผ่านยามหลายชั้นจนถึงหน้าบัลลังก์ที่ซึ่งกษัตริย์อาเธอร์และเมอร์ลินนั่งอยู่ แซ็กซอนจะบุกอังกฤษ!
นี่คือตอนจบของฉบับวันที่ 25 ธันวาคม 1938 ฮัล ฟอสเตอร์ เขียนมาครบ 2 ปีแล้ว