การ์ตูนที่รัก / นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ / เจ้าชายแวลเยนต์ ปี 1938

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

เจ้าชายแวลเยนต์ ปี 1938

 

ต่อจากฉบับที่แล้ว Prince Valiant vol. 1 1937-1938 ต่อ

นิยายภาพเรื่องเจ้าชายแวลเยนต์นี้นอกเหนือจากที่ตีพิมพ์ในนิตยสารวีรธรรมรายสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 หน้าเมื่อประมาณพุทธทศวรรษที่ 2510

นานเกือบสิบปีแล้ว เคยมีผู้นำมาแปลไทยอีกครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ.2547 โดยสำนักพิมพ์หน้าต่างสู่โลกกว้าง

ผมซื้อเก็บไว้ได้ 3 เล่ม ไม่ทราบว่ามีการแปลอีกหรือไม่

 

กลับมาที่ต้นฉบับของฮัล ฟอสเตอร์ เมื่อแวลฉายเดี่ยวไปถึงปราสาทที่พวกออร์กครอบครองอยู่ แม้ว่าจะมีศพห้อยเรียงรายที่ชายป่าแต่เขาไม่พรั่นพรึง ควบม้าไปจนถึงประตูเมืองเพื่อขอเจรจา นั่นทำให้เขารู้ว่าพวกคนร้ายที่ยึดปราสาทมิใช่ออร์กจริงๆ พวกมันเป็นแค่นักเล่นละครปลอมตัว

คืนนั้นแวลเดินผ่านหนองน้ำในความมืด จับห่านป่าได้ตัวหนึ่ง เขาจะเอาห่านป่าไปทำอะไร

จากนั้นเขาสร้างนั่งร้านทีละชั้นปีนขึ้นสู่ยอดปราสาท เขาแล่หนังห่านนำมาทำหน้ากากอสูรที่ชโลมไปด้วยเลือด บัดนี้เขาเป็นอสุรกายที่น่าขยะแขยงยิ่งกว่าพวกออร์กปลอมๆ มาก

เขาห้อยโหนเชือกโจนทะยานเหินฟ้าผ่านหน้าต่างให้คนเห็นกลางดึก แล้วพังหน้าต่างห้องนอนของหัวหน้าคนร้ายไม่ทันให้ตั้งตัว

ความน่าสะพรึงกลัวและการจู่โจมที่ไม่คาดคิดทำเอาหัวหน้าคนร้ายตกใจสุดขีดสำลักตายเสียฉะนั้น

จะว่าไปตอนนี้ก็ออกจะโม้ๆ หน่อย ให้วิพากษ์ก็ว่าหลายปีที่เจ้าชายแวลเยนต์อาศัยในหนองน้ำป่าเถื่อน เขาเรียนรู้วิธีเอาตัวรอด การดำน้ำ การกบดาน ใช้ชีวิตในหนองที่มืดมิด และรู้ธรรมชาติของสัตว์ป่านานาชนิดมากพอที่จะนำมาใช้ประโยชน์

 

คืนนั้นอสูรเที่ยวหลอกหลอนพวกโจรที่เหลือจนแตกหนีออกจากปราสาท เหลือสองคนสุดท้ายที่เฝ้ารอกำจัดเขา แวลไร้อาวุธหนีออกนอกหน้าต่าง ใช้เชือกมัดคอผู้ร้ายคนหนึ่งแล้วดึงมันตามลงมา ผู้ร้ายถูกแขวนคอชั่วขณะก่อนที่จะตกลงไปตายเบื้องล่าง เหลือคนร้ายยักษ์ใหญ่อีกคนเฝ้ายิงธนูใส่แวลซึ่งหลบอยู่ตามขื่อคาปราสาท แวลมัดเชือกรอบเอวแล้วล่อเจ้าคนร้ายขึ้นมาสู้กันบนเชิงเทินก่อนที่จะใช้เชือกเหนี่ยวรั้งทั้งสองคนตกตายตามกัน เว้นเสียแต่ว่าแวลยังคงห้อยอยู่

เขาไต่กลับขึ้นไปปลดปล่อยข้าหลวงแห่งแบรนวิน (Branwyn) และภริยาซึ่งเป็นพ่อ-แม่ของไอลีน จากนั้นเป็นลมล้มพับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน ข้าหลวงแห่งแบรนวินให้คนไปตามบุตรีคือไอลีนซึ่งดูแลเซอร์กาเวนที่บาดเจ็บอยู่ให้กลับมาที่ปราสาท เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่หนุ่ม-สาวได้เคียงคู่กันอย่างแสนสุข

เจ้าชายแวลเยนต์ขอข้าหลวงแห่งแบรนวินเพื่อแต่งงานกับไอลีน แต่ได้รับแจ้งว่าไอลีนได้หมั้นหมายกับโอรสของกษัตริย์แห่งออร์ด (Ord) ไปแล้ว

ในต้นฉบับภาษาอังกฤษที่ตีพิมพ์ 26 กุมภาพันธ์ ปี 1938 นี้ยังไม่ระบุชื่อโอรสแห่งออร์ด ในขณะที่ฉบับแปลไทยข้างต้นได้ระบุชื่อเจ้าชายอาร์นไว้ที่ตำแหน่งนี้

 

คืนนั้น แวลนั่งอยู่ตามลำพังด้วยความโศกเศร้า เขาตั้งปณิธานจะไม่ยอมให้ใครแย่งชิงไอลีนไปได้ ทันใดนั้นมีทหารวิ่งเข้ามาแจ้งว่าเซอร์กาเวนถูกแม่มดจับตัวไป

นางคือมอร์แกน เลอ เฟย์ (Morgan Le Fey) นางผ่านมาพบเซอร์กาเวนงามสง่าก็หมายปองจึงนำตัวไปกักขังที่ดอลอรัสการ์ด (Dolorous Garde)

แวลละทิ้งเรื่องส่วนตัวมุ่งหน้าไปที่ปราสาทนางแม่มดโฉมงาม แต่เลี้ยงบริวารน่าเกลียดน่ากลัวไว้มากมาย

หล่อนต้อนรับหนุ่มน้อยด้วยไวน์อาบยาพิษ ยาพิษทำให้แวลถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้ายที่มีภูตผีปีศาจมากมายมาเยือนในยามค่ำคืน

แวลอาศัยไหวพริบกินน้ำประทังชีวิตแล้วหาทางหลบหนีออกจากที่คุมขังจนได้ในคืนหนึ่ง เขาโซซัดโซเซผ่านหนองน้ำข้นคลั่ก (หนองน้ำอีกแล้ว) และเดินเท้าสามสิบไมล์กลับคาเมล็อต พลันเหลือบเห็นปราสาทของเมอร์ลิน

เมอร์ลินแนะนำให้เขาไปเอาสมบัติชิ้นหนึ่งของมอร์แกน เลอ เฟย์มา แวลฟื้นฟูตนเองแล้วกลับไปที่ดอลอรัสการ์ด เขาลักเอาเหยี่ยวประจำตัวของหล่อนมาได้ระหว่างที่หล่อนออกล่าสัตว์ในวันหนึ่ง เมื่อเมอร์ลินได้เหยี่ยวนั้นมาแล้วจึงร่ายมนต์

คืนนั้นผีร้ายจากนรกมากมายตามหลอกหลอนนางแม่มดถึงที่ นางแม่มดสู้เวทมนตร์ของเมอร์ลินมิได้จึงปล่อยตัวเซอร์กาเวนคืนแก่แวลในที่สุด

 

แวลและกาเวนควบม้าเคียงคู่กันกลับไปหาเมอร์ลิน ระหว่างทางแวลเล่าเรื่องไอลีนและความตั้งใจของตนเองที่จะชิงเธอจากเจ้าชายอาร์น จากเมอร์ลินสองอัศวินเดินทางกลับคาเมล็อต เพื่อจะพบว่าคาเมล็อตกำลังเตรียมจัดงานฉลองพิธีสมรสระหว่างเจ้าชายอาร์นและไอลีน

คืนนั้นแวลเมามาย แสร้งรื่นเริงแต่ระทมทุกข์ หลังงานเลี้ยงเลิกเขาสลบอยู่ข้างทาง เป็นกาเวนที่คอยดูแล ครั้นถึงตอนเช้ากาเวนพบว่าเขาหายตัวไปแล้ว

แวลถืออาวุธควบม้าไปตามลำพัง เขาพุ่งชนอัศวินที่มาขวางทางคนหนึ่งล้มในการพุ่งชนครั้งเดียว

เขาเดินทางต่อไปอีกไกลถึงกลางสะพานหินพบอัศวินสวมเสื้อเกราะขวางทางไว้อีก สองคนเข้าห้ำหั่นอย่างอาจหาญ อัศวินเสื้อเกราะพลัดตกจากม้าลงสู่แม่น้ำเบื้องล่าง

แวลวางอาวุธพุ่งลงไปช่วยปลดเสื้อเกราะของอัศวินใต้น้ำแล้วลากเขาขึ้นมา เขาคือเจ้าชายอาร์น!

สองคนพักรบจนกว่าจะหาชุดสู้ศึกได้ใหม่ จึงเดินทางไปด้วยกันจนพบอัศวินดำ เจ้าชายอาร์นเอาชนะอัศวินดำได้ชิงชุดเกราะของอัศวินดำมาแบ่งปันแวลเพื่อต่อสู้กันยกสอง แต่พวกไวกิ้งเดินออกมาจากป่า สองคนจึงเข้าตะลุมบอนพวกไวกิ้งนั้นด้วยกัน

แล้วทราบว่าพวกไวกิ้งได้ลักพาไอลีนไปแล้ว

 

แวลและอาร์นเดินทางด้วยกันต่อไปเพื่อชิงไอลีนคืน แต่ถูกพวกไวกิ้งปิดล้อมกลางสะพานข้ามหุบเหวทั้งหน้า-หลัง

สองคนรวมกำลังทะลวงไวกิ้งด้านหนึ่งอย่างดุเดือดหลุดออกไปได้ ม้าของแวลล้มลงขาดใจตาย แวลจึงให้อาร์นรุดหน้าไปช่วยไอลีน เขาจะต้านไวกิ้งที่ตามหลังมาให้นานที่สุด

อาร์นจึงมอบดาบร้องเพลง (Singing Sword) ให้แก่แวล

แวลใช้ดาบนั้นเดินเข้าหาศัตรูแล้วต่อสู้เพียงลำพังหนึ่งต่อห้าสิบอย่างบ้าคลั่ง เขาถูกจับกุมตัวในที่สุด

ที่ค่ายของไวกิ้ง แวลพบว่าหัวหน้าไวกิ้งพูดภาษาเดียวกันกับบิดาของเขาเอง

แวลท้าทักนาร์ (Thagnar) หัวหน้าไวกิ้งสู้ตัวต่อตัว แต่ฝ่ายตรงข้ามส่งนักมวยปล้ำร่างยักษ์ออกมาแทน

อีกครั้งหนึ่งที่แวลเอาชนะศัตรูร่างยักษ์ด้วยมวยปล้ำได้อย่างไม่น่าเชื่อ (ก็เคยสู้มังกรในหนองน้ำมาแล้วนี่นา)

ทักนาร์อดชื่นชมแวลมิได้ เขาจับแวลและไอลีนขึ้นเรือ แวลแอบสลักหินก้อนหนึ่งเพื่อแจ้งข่าวแก่อาร์นที่ตามมา ว่าพวกเขาถูกนำตัวไปจัตแลนด์ (Jutes Land)

 

อาร์นได้ร่องรอยจึงกลับไปพบพระบิดา นำเรือและทหารกองหนึ่งออกทะเลติดตามทักนาร์ไป แวลเห็นเรือของอาร์นมาแต่ไกลจึงคว้าพิณขึ้นขับขานเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจพวกไวกิ้ง

ครั้นเรือของอาร์นเข้าใกล้เกิดการปะทะและตะลุมบอนกับเรือลำหนึ่ง

พวกไวกิ้งสละเรือบุกขึ้นเรือของอาร์น ในขณะที่ทักนาร์นำเรืออีกลำหนึ่งพร้อมแวลและไอลีนเดินทางต่อไป

ไอลีนบอกแก่แวลว่าท่านอยู่ที่นี่ไม่มีประโยชน์ ทิ้งข้าไว้ไปช่วยอาร์นเถิด ข้าจะรอท่านเสมอ

แวลชิงดาบร้องเพลงคืนจากทักนาร์แล้วโจนลงน้ำ เขาว่ายน้ำพร้อมดาบหนักอึ้งไปขึ้นเรือของอาร์นเพื่อช่วยขับไล่พวกไวกิ้งลงทะเล

แต่ทักนาร์หายไปแล้ว สองเจ้าชายเดินทางติดตามต่อไปในดินแดนไกลแสนไกลจนถึงทูเล่ (Thule) พบทรราชสไลกอน (Sligon) กษัตริย์ของไวกิ้ง นายใหญ่ของทักนาร์ และเป็นศัตรูผู้ขับพระบิดาของแวลออกจากพื้นที่

สองคนต้องตามหาไอลีนยังไม่คิดปะทะสไลกอนเวลานี้

สองสหายรอนแรมไปด้วยกันอีกหลายเพลาจนกระทั่งพบซากเรือของทักนาร์เป็นเศษไม้ปรักหักพังที่ชายหาดแห่งหนึ่ง

บัดนี้ไอลีนตายแล้ว ไม่มีอะไรให้เขาสองคนได้แย่งชิงกันอีก

เวลานั้นเรือลำหนึ่งผ่านมา บนเรือคืออัศวินโต๊ะกลมหลายคน

สองสหายเดินทางกลับอังกฤษ ระหว่างทางแวะทักทายเซอร์ลานสล็อตซึ่งได้บอกแก่คนทั้งสองว่าถ้าคนหนึ่งฆ่าอีกคนหนึ่งสำเร็จ คนที่ชนะจะรู้ว่าตนเองได้แต่งงานเพราะฆ่าเพื่อน

ส่วนไอลีนจะเป็นภรรยาของฆาตกรและโทษตนเองตลอดไป

 

สองสหายกลับคาเมล็อต อาร์นแยกทางกลับออร์ด

แวลซึมเศร้าอยู่ที่คาเมล็อตเพียงลำพัง ไม่มีใครแม้แต่กษัตริย์อาเธอร์คิดว่าเขาเป็นอัศวินจริงๆ ไม่อนุญาตให้เขาเข้าประลองอัศวิน

เขาจึงแต่งกายเป็นอัศวินขาวผู้ลึกลับเข้าต่อสู้และสามารถเอาชนะจนถึงรอบสุดท้ายต้องต่อสู้กับทริสตรัม (Tristram) อัศวินที่แข็งแกร่งที่สุด

แวลสู้กับทริสตรัมจนทวนหักไม่เหลือสภาพ เป็นเซอร์กาเวนที่รู้ว่าอัศวินขาวเป็นใครจึงยื่นทวนของตนให้แก่เด็กหนุ่ม

แต่ทริสตรัมเข้มแข็งเกินกว่าที่ใครจะคาดถึง เขาเอาชนะแวลจนได้แม้ว่าจะสะบักสะบอมไปทั้งตัว

แวลลาจากคาเมล็อตด้วยประการฉะนี้

 

เขากลับหนองน้ำ เข้าเฝ้าพระบิดาแต่ไม่บอกเรื่องสไลกอน เขาตั้งใจจะใช้ดาบร้องเพลงกลับไปพิชิตสไลกอนอีกครั้ง แต่ก่อนอื่นเขาเดินทางลึกเข้าไปในหนองเพื่อพบแม่มดฮอร์ริต (Horrit) แม่มดและลูกชายพิกลพิการของเธอยังอยู่ นางทำนายถึงภัยพิบัติที่จะเกิดจากแฟลมเบิร์ก (Flamberge) ดาบร้องเพลงซึ่งถูกตีขึ้นโดยนักตีดาบที่ตีดาบเอ๊กซ์คัลลิเบอร์ขึ้นมา

แวลกลับจากแม่มดด้วยความมึนงง เขาตกลงไปในทะเลสาบน้ำแข็งที่เย็นจัด ใช้แรงทั้งหมดที่มีพาตัวเองขึ้นมาได้ เขาตัดไม้ทำเป็นสกีเพื่อเดินทางบนแผ่นน้ำแข็ง เขากลับถึงบ้านเมื่อเที่ยงคืนแล้วนอนซมด้วยพิษไข้อีกหลายวัน ฝันถึงเรื่องราวมากมายนับแต่วันที่เขาออกไปจากหนองน้ำนี้ เมื่อฟื้นขึ้นเขาเตรียมกองกำลังกลับไปรบสไลกอน แต่พวกแซ็กซอน (Saxon) จอดกองเรือหลายสิบลำทอดสมออยู่ที่ปากอ่าว

เขาควบม้ารุดหน้ากลับคาเมล็อต ทะลวงผ่านยามหลายชั้นจนถึงหน้าบัลลังก์ที่ซึ่งกษัตริย์อาเธอร์และเมอร์ลินนั่งอยู่ แซ็กซอนจะบุกอังกฤษ!

นี่คือตอนจบของฉบับวันที่ 25 ธันวาคม 1938 ฮัล ฟอสเตอร์ เขียนมาครบ 2 ปีแล้ว