“เปอโยต์ เอ็กซ์เพิร์ต” LUV “11 ที่นั่ง” สุดคูล

สันติ จิรพรพนิต

“เปอโยต์” ค่ายรถจากแดนน้ำหอมฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่คุ้นหูคุ้นตาของคนไทยมายาวนานหลายสิบปี แม้ช่วงหลังๆ จะไม่ค่อยหวือหวามากนัก แต่ก็มีสาวกที่ชื่นชอบความหนักแน่นของช่วงล่างและเครื่องยนต์อยู่บ้าง

ย้อนกลับไปสัก 40 กว่าปีที่แล้ว เปอโยต์ เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยผ่านทางตัวแทนจำหน่ายรถยุโรปหลายยี่ห้อในช่วงนั้นคือ “ยนตรกิจ” ซึ่งมีแบรนด์ดังๆ ในมืออาทิ บีเอ็มดับเบิลยู และซีตรอง

เปอโยต์ ดูมีอนาคตไม่น้อยถึงขนาดที่ยนตรกิจเปิดโรงงานประกอบรถยนต์ในเมืองไทย ผลิตรถหลายรุ่นออกมาจำหน่าย ที่คุ้นๆ เช่น รุ่น 504 และ 505

จากนั้นก็มีอีกหลายรุ่นที่ทยอยออกมา ดังๆ ไม่พ้น 305 และ 309 หรือรถเล็กๆ น่ารักๆ อย่าง 205

แต่หลังๆ ก็ค่อยๆ เงียบไป ยิ่งเมื่อบริษัทแม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเอง ยิ่งทำให้ค่ายรถจากฝรั่งเศส ทำตลาดได้ยากขึ้น

แต่มาตอนนี้เปอโยต์ จากการนำเข้าโดย “บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด” หรือยนตรกิจ เดิม เริ่มรุกหนักรถจากแดนน้ำหอม นำเข้ามาทำตลาดอยู่หลายรุ่นด้วยกัน รวมทั้งขยายศูนย์บริการทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่

รถที่ทำตลาดในตอนนี้ เช่น เปอโยต์ 408 (Peugeot 408) และเปอโยต์ 3008 (Peugeot 3008) รวมทั้งเตรียมเปิดตัวรถใหม่อีกรุ่นคือเปอโยต์ 308 SW (Peugeot 308 SW) เครื่องยนต์ดีเซล ในเดือนสิงหาคมนี้

ส่วนใหญ่จะเห็นว่ารถยี่ห้อนี้เน้นแต่รถเก๋งเป็นหลัก

กระทั่งล่าสุดเริ่มรุกทำตลาดรถครอบครัวขนาดใหญ่ ในรุ่น “เอ็กซ์เพิร์ต” (Expert) โดยเปอโยต์ให้นิยามว่าเป็นรถ “LUV” (Luxury Utility Vehicle) ขนาด 11 ที่นั่ง

ถือว่าเป็นครั้งแรกในเมืองไทยก็ว่าได้ที่เปอโยต์ มีรถขนาดใหญ่แบบนี้ออกมาทำตลาด

โดยมีให้เลือก 2 รุ่นคือ เอ็กซ์เพิร์ต และ เอ็กซ์เพิร์ตพลัส

4DQpjUtzLUwmJZZIO1PHu0ePqd7NlG8Z7BcdYSlUbjUs

เปอโยต์ เอ็กซ์เพิร์ต เป็นรถนำเข้าจากฝรั่งเศสทั้งคัน รูปทรงไม่ต่างจากรถตู้ขนาดใหญ่ แต่มีความหรูหรามากกว่า เน้นความสะดวกสบายทั้งการขับขี่และโดยสาร กระจังหน้าเป็นช่องดักลมทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ เหนือขึ้นไปเป็นโลโก้สิงห์ยกขาคู่ เอกลักษณ์ของค่ายนี้

ฝากระโปรงหน้าค่อนข้างลาดต่ำทำให้ทัศนวิสัยยามขับขี่ใกล้เคียงกับรถยนต์นั่งทั่วไป

ส่วนด้านหลังเป็นแบบท้ายตัดเหมือนรถตู้ทั่วๆ ไป

ด้านข้างเป็นประตูเปิดสไลด์ซ้าย-ขวา โดยรุ่นท็อปนั้นประตูด้านซ้ายจะเป็นระบบไฟฟ้า

4DQpjUtzLUwmJZZIO1PHu0ePqd7NlG8Wnfg5zccyqUDB

แน่นอนว่ารถประเภทนี้ภาพนอกนั้นไม่ได้เน้นหนักมากนัก ต้องข้างในที่ถือว่าจัดเต็ม

พวงมาลัย 3 ก้านขนาดใหญ่จับกระชับมือ เป็นเพาเวอร์ไฟฟ้าพร้อมไฮดรอลิก เรือนไมล์ 3 วงกลมตัดขอบด้วยโครเมียม วงซ้ายบอกความเร็ว ด้านขวาเป็นรอบเครื่องยนต์ ส่วนวงกลมตรงกลางมีขนาดเล็ก และจอดิจิตอลบอกระยะทาง

คันเกียร์สีเงินแบบอัตโนมัติ 6 สปีด “ทิปทรอนิก” (Tiptronic System) ฝังบนคอนโซลหน้า

ในรุ่นเอ็กซ์เพิร์ตพลัส ติดตั้งเครื่องเล่น DVD ขนาด 6.1 นิ้ว มาให้ด้วย พร้อมแสดงภาพจากกล้องถอยหลัง

เบาะนั่งหนังสีเทาออกแบบเป็นพิเศษให้เหมาะสมกับสรีระผู้ใช้งานมากที่สุด ผ่านนวัตกรรม “2-zone hardness” ที่รถพรีเมียมคาร์ระดับท็อปเท่านั้นที่เลือกใช้

โดยเฉพาะที่นั่งผู้โดยสารแถว 2 มีที่พักน่องเปิด-ปิดได้ เพื่อความผ่อนคลายขณะเดินทางมากขึ้น

รุ่นท็อปยังติดตั้งจอ LCD บนเพดาน ขนาด 10 นิ้ว เครื่องเล่นดีวีดี ขนาด 6.1 นิ้ว และลำโพง 4 จุด ช่วยการกระจายเสียงได้รอบทิศทาง

พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย อาทิ ช่องเก็บของอเนกประสงค์ 2 จุด ที่วางแขน 2 จุด ที่วางแก้วน้ำ 2 จุด รวมถึงพนักพิงศีรษะที่สามารถปรับระดับตามสรีระผู้ใช้

NjpUs24nCQKx5e1EZ2iLFDBf3UypipEX7dMpJaxeBNz

สมรรถนะเเครื่องยนต์จัดเต็มด้วยขุมพลัง “ดีเซล คอมมอนเรล HDi เทอร์โบ” ขนาด 2.0 ลิตร พัฒนาให้มีสมรรถนะสูงขึ้น กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 340 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที

เครื่องยนต์ทำงานได้ราบเรียบลดเสียงรบกวน

ระบบช่วงล่างด้านหน้า อิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมวิชโบนด้านล่างและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหน้ากึ่งคานบิดพร้อมคอย]Nสปริง

อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ทำได้ที่ 11.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง

อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 15 กิโลเมตร/ลิตร

ระบบความปลอดภัยครบครันตามมาตรฐานยุโรป ระบบถุงลมนิรภัยกันสะเทือนคู่หน้า ทั้งยังคำนึงถึงการรักษาสภาพแวดล้อมและมลพิษทางอากาศเป็นสำคัญ จึงมีระบบกรองอนุภาคไอเสีย เพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) ในปริมาณต่ำตามมาตรฐานยูโร 5 (Euro 5)

ขนาดตัวรถ ยาว 5,135 มิลลิเมตร กว้าง 1,895 มิลลิเมตร สูง 1,980 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 3,122 มิลลิเมตร

มีให้เลือก 3 สีคือ ขาว, เทาดำ และดำ

สนนราคารุ่น “เอ็กซ์เพิร์ต” 1.85 ล้านบาท และ “เอ็กซ์เพิร์ตพลัส” 1.99 ล้านบาท

พร้อมวอรันตี 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และบริการช่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ฟรีอีก 3 ปีให้ด้วย

NjpUs24nCQKx5e1EZ2iLFDBf3UypipGng7uWa5BEvkt
ปิดท้าย “ยานยนต์ สุดสัปดาห์” ฉบับนี้ขอแวะไปที่ตลาดรถยนต์เมืองไทยช่วงครึ่งปีแรกเสียหน่อย เพราะเกิดสถานการณ์หลายอย่างที่ฮือฮาอย่างมาก

หลักๆ ไม่พ้นกรณี “โตโยต้า” เปิดโครงการ “จากด้วยใจ” ให้พนักงานรับเหมาช่วงเข้าร่วมโครงการสมัครใจลาออก

จนกลายเป็นที่จับตาว่าเกิดอะไรขึ้นกับตลาดรถยนต์ของไทย

โตโยต้า ออกแถลงว่าสาเหตุหลักคือเศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อการส่งออก ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกับภาครัฐออกมาระบุว่าสาเหตุมาจากโครงการ “รถคันแรก” ทำให้ยอดขายรถในช่วงหลายปีหลังทรุดลง

แต่จากนั้นไม่กี่วันเกิดกรณีย้อนแย้งกับการอ้างของภาครัฐเอง เมื่อกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งให้เตรียมแผนรับมือการที่ไทยก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ที่ใช้เทคโนโลยีและกระบวนการผลิตแบบอัตโนมัติมากขึ้น

โดยระบุว่า 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยจะได้รับผลกระทบ อาทิ ชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์

ผลที่ตามก็คือโรงงานใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายจะลดการใช้กำลังคนลง

พร้อมกันนี้ตัวเลขยอดขายรถในช่วง 2-3 เดือนหลังเริ่มปรับเป็นบวกเมื่อเทียบกับปี 2558

โดยค่ายที่ถือว่าเป็นที่อิจฉาของเพื่อนๆ ไม่พ้น “มาสด้า” เพราะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาโตเอาๆ ขณะที่ค่ายอื่นยอดขายหดตัว

ล่าสุดผู้บริหารมาสด้า แถลงความสำเร็จยอดขาย 6 เดือนแรกของปี 2559 มียอดขายกว่า 21,000 คัน เติบโตเกือบๆ 26%

ในจำนวนนี้แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 13,500 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558

รถอเนกประสงค์ 4,512 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 160% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558

มาสด้าประเมินว่าครึ่งปีแรกยอดขายรวมตลาดรถในไทยอยู่ที่ 370,000 คัน ส่วนในครึ่งปีหลังคาดว่าสถานการณ์จะสดใสมากขึ้น ประเมินยอดขายประมาณ 410,000 คัน

ส่วนหนึ่งเพราะมองเศรษฐกิจจะดีกว่าครึ่งแรก รวมทั้งปลายปีนี้จะครบกำหนดถือครอง 5 ปีของรถคันแรก เชื่อว่าเจ้าของรถบางส่วนจะเปลี่ยนคันใหม่

ตลาดรถเมืองไทยจึงน่าจะคึกคักมากขึ้น