รายงานพิเศษ

 

ขุนพล ตท.20 สยายปีก

‘อภิรัชต์-ณรัชต์’ คีย์แมนประเทศ

‘ณัฐพล’ คุมมั่นคง

‘บิ๊กณัฐ-บิ๊กอุ้ย’ พี่ใหญ่

‘บิ๊กแป๊ะ’ ชิงผู้ว่าฯ กทม.

‘บิ๊กปั๊ด’ คุมตำรวจ

จับตา ‘แอร์บูล’ สยบทัพฟ้า!

 

ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่คุกรุ่น การเปลี่ยนผ่านคีย์แมนกองทัพและคีย์แมนของประเทศ จึงน่าจับตามองยิ่ง

โดยเฉพาะบทบาทหน้าที่ใหม่ของบิ๊กแดง พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่กำลังจะเกษียณจาก ผบ.ทบ. 30 กันยายน 2563 นี้

แต่ก็ได้ย้ายโอนจากข้าราชการทหาร กระทรวงกลาโหม ไปเป็นข้าราชการในพระองค์ และข้าราชบริพาร

ในตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง ระดับ 11 ที่สูงขึ้นกว่าเดิม ที่เป็น ผบ.ทบ. เทียบเท่าอธิบดีกรม หรือซี 11 แต่เป็นตำแหน่งพิเศษเฉพาะตัว

นั่นหมายถึงว่า พล.อ.อภิรัชต์ไม่ได้เกษียณราชการจาก ทบ. แต่โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายโอนมาเป็นข้าราชการในพระองค์ ถือเป็นการย้ายสังกัด และสิ้นสุดการเป็นนายทหารประจำการ และพ้นหน้าที่ ผบ.ทบ.

แต่แม้จะเกษียณจากกองทัพบก เกษียณ ผบ.ทบ. แต่ พล.อ.อภิรัชต์ก็ยังต้องทำงานต่อในหน้าที่สำคัญ ไม่ได้เกษียณไปพักผ่อนรอเลี้ยงหลาน

 

เป็นเรื่องที่มีการคาดการณ์กันมาก่อนแล้วว่า พล.อ.อภิรัชต์จะได้ถวายงานต่อ

เพราะได้ถวายงานมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นนักบิน ทบ.เรื่อยมา และก่อนที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ก็ได้ไปฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์ของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) เป็นเวลา 3 เดือน และได้เป็น “ทหารคอแดง” คนแรกของ ทบ.

จากนั้น เมื่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ. จึงได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 คนแรก และเป็นผู้จัดวางและเลือกนายทหารใน ทบ.ไปทำหน้าที่ใน ฉก.ทม.รอ.904

รวมทั้งได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายทหารพิเศษประจำ ทม.รอ. ที่สามารถแต่งเครื่องแบบ ทม.รอ.ได้อย่างที่เห็นกัน ทั้งชุดพรางสนาม หมวกแก๊ปลายพรางเขียวอ่อน และเครื่องหมายต่างๆ

ก่อนหน้านี้ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทำงานที่วังลัดดา

จึงไม่ใช่เรื่องเกินคาดที่ พล.อ.อภิรัชต์จะได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการพระราชวัง ที่มี พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง เป็น ผอ. สำนักงานทรัพย์สินฯ

แต่ที่จะถูกจับตามองคือ บทบาท พล.อ.อภิรัชต์ต่อจากนี้ แม้จะไม่ได้เป็น ผบ.ทบ.แล้ว แต่ก็เชื่อกันว่าจะยังมีเพาเวอร์ในกองทัพ

ทั้งสายสัมพันธ์ในฐานะน้องรักของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และเป็นพี่ที่บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ว่าที่ ผบ.ทบ.คนใหม่ เคารพนับถืออย่างมาก

อีกทั้ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่เป็นนายทหารพิเศษประจำ ทม.รอ. คนที่ 2 ของ ทบ. ก็จะทำหน้าที่ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่ยังต้องมีการประสานงานกัน

ไม่แค่นั้น ยังมีอธิบดีเอ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชฑัณฑ์ ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการพระราชวังพร้อมกันด้วย

ที่ก่อนหน้านี้ถูกจับตามองเมื่อเดินออกมาส่งทนายอานนท์ นำภา แกนนำผู้ชุมนุม ที่ได้รับการปล่อยตัวที่เรือนจำคลองเปรม และทนายอานนท์สวัสดีขอบคุณและอำลาอย่างนอบน้อม

ทั้ง พล.อ.อภิรัชต์ และ พ.ต.อ.ณรัชต์ เป็นเพื่อนรัก ตท.20 ที่มีบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ร่วมก๊วนเพื่อนซี้

รวมทั้งบิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร ที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.คนใหม่แทนบิ๊กแป๊ะ ที่ล้วนเป็นเพื่อนรักซี้ปึ้ก ที่ทำงานแท็กทีมในสายความมั่นคงมาตลอด

โดยเฉพาะการกรำศึกการเมือง ทั้งการชุมนุมที่ผ่านๆ มา การคลี่คลายเหตุรุนแรง เหตุระเบิดต่างๆ

และน่าจับตาที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ตัดสินใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อไม่นานมานี้

หลังจากที่เคลียร์ใจกับบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังจากที่เคยห่างเหินกันมา เพราะเรื่องบิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล

ที่คาดกันว่า แม้ พล.ต.อ.จักรทิพย์จะลงสมัครแบบอิสระ ไม่สังกัดพรรค แต่จะได้คะแนนจากทุกพรรคร่วมรัฐบาล

เพราะ พล.อ.ประวิตร พรรคพลังประชารัฐ ก็สนับสนุน อีกทั้งส่วนตัว พล.ต.อ.จักรทิพย์ก็สนิทสนมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รวมทั้งนายเนวิน ชิดชอบ และเชื่อได้ว่าจะได้เสียงสนับสนุนจากฝ่ายทหารด้วย

กล่าวได้ว่า เตรียมทหาร 20 กำลังกลายเป็นคีย์แมนในตำแหน่งด้านความมั่นคง และคีย์แมนในประเทศ

 

รวมทั้งบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. แกนนำ ตท.20 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้ข้ามมาเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ช่วยงานนายกฯ ในด้านความมั่นคง และทำงานใน ศบค.แก้โควิดต่อ

แม้ว่า พล.อ.ณัฐพลจะไม่อยากที่จะย้ายออกจากกองทัพบก แต่ทว่าก็เป็นตำแหน่งที่ลงตัวที่สุดในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้พยายามแล้ว แต่ไม่อาจฝ่าด่านทหารคอแดงได้

พล.อ.ณัฐพลจึงไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. หรือ ผบ.ทหารสูงสุด เพราะจากนี้จะกลายเป็นอีกธรรมเนียมของกองทัพ ที่ว่า ผบ.ทบ.จะต้องเป็นทหารคอแดง รวมทั้ง ผบ.ทหารสูงสุดด้วย เมื่อบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เป็นคนแรกที่เป็นทหารคอแดงใน ฉก.ทม.รอ.904

ส่วนเก้าอี้ ผบ.ทบ.ก็ถูกจองล็อกไว้สำหรับบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้แล้ว ตั้งแต่เป็น ผบ.พล.1 รอ. จนขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 แม่ทัพภาคที่ 1 และ ผช.ผบ.ทบ.นั่นแล้ว

จึงทำให้เลขาฯ สมช.มาจากทหาร มาจากกองทัพ เป็นคนที่ 4 ตั้งแต่ยุค คสช. ตั้งแต่บิ๊กแอ๊ว พล.อ.ทวีป เนตรนิยม และ พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ และ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา

แต่ถือว่า พล.อ.ณัฐพลเป็นนายทหารน้องรักสายบุ๋นที่ พล.อ.ประยุทธ์ไว้วางใจและเชื่อมือมาก

จนจับตามองกันว่า หลังเกษียณในปีหน้าแล้ว อาจจะได้ช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ต่อ หรืออาจได้เป็นรัฐมนตรีต่อด้วย

ขณะที่ในกองทัพยังคงมีแกนนำ ตท.20 อยู่ ทั้ง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ น้องรักบิ๊กป้อม ที่ยังเป็นปลัดกลาโหมต่อเป็นปีที่ 3 ปีสุดท้ายก่อนเกษียณ และจะกลายเป็น ผบ.เหล่าทัพพี่ใหญ่

และคาดกันว่า ในการวางตัวของ ตท.20 ได้เตรียมให้บิ๊กหน่อย พล.ท.วรเกียรติ รัตนานนท์ รองเสธ.ทบ. ที่โผนี้จะขึ้นมาเป็น พล.อ. ตำแหน่งเสธ.ทบ. ให้ข้ามมาเป็นปลัดกลาโหม ในโยกย้ายปลายปีหน้า ต่อจาก พล.อ.ณัฐที่จะเกษียณ โดย พล.ท.วรเกียรติเกษียณกันยายน 2565 จนถูกเรียกว่าเป็น ตท.20 ทบ.คนสุดท้องที่เกษียณท้ายสุด

นอกจากนี้ ตท.20 ยังสยายปีกคุมทัพเรือ โดยบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผช.ผบ.ทร. แกนนำ ตท.20 สายทหารเรือ ก็ขึ้นมาเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ ตามที่ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.เสนอชื่อไปตั้งแต่ต้น และไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลง ถูกล้วงลูก ออกมาเป็นบิ๊กช่อ พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ รอง ผบ.ทร. โดยที่บิ๊กช่อก็ข้ามไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด

พล.ร.อ.ชาติชายมีอายุราชการถึงกันยายน 2564 และถือเป็น ผบ.ทร.คนแรกของ ตท.20 และเป็นนายทหารอารมณ์ดี ที่เป็นที่รักของเพื่อนใน ทร. และเหล่าทัพอื่น

ทั้งนี้ ตท.20 จึงเป็นแผงอำนาจที่น่าจับตามอง แม้ว่าแกนนำรุ่นอย่าง พล.อ.อภิรัชต์จะเกษียณราชการจาก ทบ.แล้วก็ตาม แต่ยังเชื่อว่าจะยังมีบทบาทสำคัญต่อไปอย่างเงียบๆ

 

เมื่อรู้อนาคต พล.อ.อภิรัชต์กันแล้ว กระแสข่าวลือปฏิวัติรัฐประหารก็ผ่อนคลายลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีการปลุกกระแสว่า จะมีรัฐประหาร 19 กันยายน 2563 ในช่วงการชุมนุมใหญ่ เพราะมีการปล่อยข่าวว่าผู้ชุมนุมจะเดินไปทำเนียบรัฐบาล และหมายจะไปที่ลานพระราชวังดุสิต หรือลานพระบรมรูปทรงม้า ที่เป็นเขตพระราชฐาน

และในช่วงนี้ พล.อ.อภิรัชต์ก็ยังเป็น ผบ.ทบ.อยู่ ด้วยท่าทีของ พล.อ.อภิรัชต์ในช่วงที่ผ่านมา และ 2 ปีของการเป็น ผบ.ทบ. จึงทำให้กระแสข่าวลือรัฐประหารยังคงมีอยู่ต่อไป

แถมในช่วงที่โผทหารยังไม่ประกาศออกมา ทั้งๆ ที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วนั้น ก็ยิ่งทำให้เกิดข่าวลือ

จนบางกระแสข่าวระบุว่า โผทหารจะประกาศ 19 กันยายน หรือหลังจากนั้นเลย

เพื่อให้ ผบ.เหล่าทัพชุดปัจจุบันที่มีบิ๊กแดงเป็น ผบ.ทบ.อยู่ยังคงมีเพาเวอร์อยู่ ยังไม่ตั้ง ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่

แต่ความเนิ่นนานของโผทหารนี้ ไม่ได้มีนัยของการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายชื่อ เพราะเป็นไปตามที่ ผบ.เหล่าทัพเสนอตั้งแต่ต้น

โดยเฉพาะชื่อของ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. ที่ได้รับการเสนอชื่อขึ้นไปตั้งแต่ต้น โดย พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ.

หากแต่เพราะสื่อไปคาดการณ์ว่า จะเสนอชื่อบิ๊กจ้อ พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี ผช.ผบ.ทอ. น้องชายบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี อดีตประธาน กสทช. เพื่อน ตท.6 ของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่

แต่ชื่อของ พล.อ.อ.แอร์บูลก็สะพัดทัพฟ้า หลัง พล.อ.ประวิตรถามถึง

“ผบ.ทอ.คนใหม่ชื่ออะไรนะ ชื่อแปลกๆ” บิ๊กป้อมเอ่ยถาม แล้ว พล.อ.อ.มานัตรายงานด้วยเสียงเบาๆ ว่า “แอร์บูลครับ”

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความฮือฮาที่ว่า ผบ.ทอ.คนใหม่ ไม่ใช่ พล.อ.อ.ธรินทร์ แม้ชื่อธรินทร์จะแปลก แต่ทว่าก็ไม่แปลกมากพอถึงขั้นที่บิ๊กป้อมจะถามหา เพราะบิ๊กป้อมรู้จักบิ๊กจ้ออยู่แล้ว

ทว่า ชื่อ “แอร์บูล” นี่สิ ชื่อแปลกจริง

 

ทั้งนี้ ชื่อแอร์บูลนี้เป็นชื่อดั้งเดิมที่คุณพ่อของ พล.อ.อ.แอร์บูล ที่เป็นทหารอากาศ ตั้งให้ตั้งแต่แรก

เป็นชื่อการฝึกร่วมทางอากาศของ ทอ.ไทยและสหรัฐอเมริกา AirBull ที่มีขึ้นเมื่อปี 2504 ซึ่งเป็นปีที่ พล.อ.อ.แอร์บูลเกิดพอดี

คุณพ่อที่เป็นทหารอากาศประทับใจ จึงนำมาตั้งชื่อลูกชายที่พ่ออยากให้เป็นทหารอากาศ เป็นนักบิน

ในเวลานั้น มีการจัดตั้ง SEATO ในภูมิภาคนี้ โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก และทำการฝึกหลายอย่างในประเทศไทย ทั้งการฝึก AirBull กระทิงอากาศ กับ ทอ.ไทย และการฝึก Air Cobra รวมทั้งแอร์จันทราด้วย

แต่คุณพ่อของ พล.อ.อ.แอร์บูลประทับใจชื่อแอร์บูลมากกว่า จึงนำมาตั้งชื่อลูกชาย ที่หวังให้สืบสายเลือด ทอ. ส่วนลูกสาวตั้งชื่อว่า “แอนนา”

เมื่อจบจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน BCC127 ก็สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 21 และโรงเรียนนายเรืออากาศ 28

ที่ไม่มีใครคาดคิดว่า ในปีสุดท้ายของชีวิตรับราชการทหาร ชื่อแอร์บูลจะกลายเป็นที่รู้จักอย่างฮือฮา เมื่อได้กลายเป็น ผบ.ทอ.ม้ามืด ที่ไม่ใช่แซงโค้งสุดท้าย แต่ทว่าเป็นม้าวิ่งนำมาตลอด แต่ทว่าเป็นม้านอกสายตา

เพราะเดินมาในไลน์ของทหารอากาศธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่ใช่ดาวรุ่งดาวเด่นในทัพฟ้า แต่หน้าตาดี และชื่อแปลกโดดเด่น

มีภรรยาชื่อ “อ.น้อง” ผศ.ดร.พรรณระพี สุทธิวรรณ คณบดีคณะจิตวิทยา จุฬาฯ และเป็นนักจิตวิทยาที่มีบทบาทในเรื่องเด็กและสตรีอย่างมาก และมักจะเห็นในสื่อต่างๆ ที่จะมาเป็นนายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศต่อจากหมอมง พญ.วิไลภรณ์ วงษ์วาทย์ ภรรยา พล.อ.อ.มานัต

และมีลูกสาวคนเดียว ชื่อน้องเนเน่ “น.ส.เอริณ สุทธิวรรณ” ที่เรียนจบไฮสกูลจากแคนาดา เรียนปริญญาตรีจากออสเตรเลีย และกลับมาเรียนมหิดล อินเตอร์ และเพิ่งจบ

 

พล.อ.อ.แอร์บูลแม้จะไม่ได้เป็นนักบินเครื่องบินไฟต์เตอร์ เครื่องบินขับไล่ แต่ก็เป็นนักบินลำเลียง C-130 นักบินเครื่องใบพัด ไม่ใช่นักบินไอพ่น หัวแหลมก็ตาม แต่ก็เป็นทั้งผู้บังคับฝูงบิน 601 และผู้บังคับการกองบิน 6 ดอนเมือง

ที่สำคัญ เมื่อครั้งเป็นนักบิน ก็ทำการบินเครื่องพระที่นั่งถวายงานมาทุกพระองค์ ในการเสด็จปฏิบัติพระราชกรณียกิจ

ก่อนไปเป็นผู้ช่วยทูตทหารอากาศประจำสิงคโปร์ โดยเป็น ผช.ทูต ทอ. ที่อบรมรุ่นเดียวกับ พล.อ.อ.มานัต ที่ไปเป็น ผช.ทูต ทอ.ที่เยอรมนี และถือว่ารุ่นใกล้กัน ตท.20 กับ ตท.21

สำหรับ ทอ.ก็ถือว่าคุณสมบัติตามกติกา เพียงแค่ว่าไม่ได้เติบโตมาในตำแหน่งหลักนับแต่นั้นมา จนมาเป็นพลอากาศโท ตำแหน่งปลัดบัญชี ทอ. และขึ้นพลอากาศเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพอากาศ เมื่อตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา

ก่อนที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทอ.อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด แม้แต่ตัว พล.อ.อ.แอร์บูลเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อกับความจริงที่เกิดขึ้น ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ทอ.ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณราชการ

ท่ามกลางการจับตามองว่า 1 ปีของ พล.อ.อ.แอร์บูลบนเก้าอี้ ผบ.ทอ.นี้ จะสยบรอยร้าวในทัพฟ้าอย่างไร

รวมทั้งการชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ.คนต่อไป ที่รู้กันดีว่า พล.อ.อ.มานัตวางตัวเสธ.หนึ่ง พล.อ.ท.ชานนท์ มุ่งธัญญา (ตท.23) รองเสธ.ทอ. ที่ขึ้นมาเป็นเสธ.ทอ.ในโผนี้

แต่ทว่ายังมีบิ๊กตั้ว พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ วัฒนวรางกูร หัวหน้าคณะนายทหารฝ่าย เสธ.ประจำ ผบช. ที่จะขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ (ผบ.คปอ.) และสิทธิ์ชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ.ด้วย แถมเป็นรุ่นพี่ ตท.21 และเพื่อนของ พล.อ.อ.แอร์บูลด้วย

แม้ว่า พล.อ.ท.ชานนท์จะได้เปรียบในเรื่องสายงานรับผิดชอบมากกว่า

แต่ พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ก็เป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร และมีอดีต ผบ.ทอ.หลายคนสนับสนุนอีกด้วย

 

รอดูฝีมือ พล.อ.อ.แอร์บูล และ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่หลัง 1 ตุลาคมนี้ ท่ามกลางอุณหภูมิการเมืองที่ร้อนระอุ

และผลพวงจากการโยกย้าย ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องฝาก ผบ.เหล่าทัพ มาทำความเข้าใจในแต่ละเหล่าทัพว่า ไม่ว่ายังไง กองทัพต้องเป็นหนึ่งเดียว เพื่อเป็นหลักให้สถาบันหลักของชาติ แม้จะมีสมหวัง ผิดหวัง แต่ต้องไม่ขัดแย้ง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะ รมว.กลาโหม ได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจด้วย และยึดความสามารถ ความเหมาะสม มากกว่าความอาวุโส

อันสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็หวั่นใจว่าโผทหารครั้งนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกที่มากขึ้น ส่งผลต่อยูนิตี้กองทัพ และอาจทำให้เกิดทหารแตงโม ทหารส้มเพิ่มมากขึ้น จะทำให้เกิดการแบ่งขั้วในกองทัพกลับมาอีกครั้ง

    แต่ทว่ามันมีสัญญาณของปัญหาในกองทัพออกมาให้เห็นแล้ว และอาจซึมลึกมากขึ้นๆ อย่างมีนัยสำคัญ