แมลงวันในไร่ส้ม /เดือดก่อน 19 ก.ย. ฝ่ายค้าน-ม็อบไล่รัฐบาล ศึกหนักมากของ ‘บิ๊กตู่’

แมลงวันในไร่ส้ม

เดือดก่อน 19 ก.ย.

ฝ่ายค้าน-ม็อบไล่รัฐบาล

ศึกหนักมากของ ‘บิ๊กตู่’

ทุกแวดวงจับตาการชุมนุมใหญ่ 19 กันยายน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ว่าจะมีจำนวนผู้เข้าร่วมมากน้อยแค่ไหน และจะส่งผลอย่างไร

ม็อบ 19 กันยายน เป็นความต่อเนื่องกับแฟลชม็อบของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ประชาชนปลดแอก เมื่อ 18 กรกฎาคม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และแฟลชม็อบที่เกิดขึ้นในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

และยังมีการชุมนุมของกลุ่มนักเรียนเลวที่เน้นการปฏิรูปการศึกษา โดยทวงถามต่อกระทรวงศึกษาธิการโดยตรง

สำหรับการชุมนุม 19 กันยายน แกนนำคือ กลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดยนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง และนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แถลงรายละเอียดไว้ว่า จะระดมพลในเวลา 14.00 น. และปักหลักค้างคืนที่ มธ. ท่าพระจันทร์

สาเหตุที่เลือก มธ. เพราะเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ของประชาชน หากผู้ชุมนุมมีจำนวนมาก อาจมีการขยายพื้นที่ชุมนุมออกไป นอกจากนี้ อาจมีการปิดถนนราชดำเนินกลาง สะพานผ่านพิภพลีลา มีการปราศรัย จัดแสดงศิลปะ และตลาดของประชาชน

จากนั้น เช้าวันที่ 20 กันยายน จะเดินทางไปยื่นข้อเรียกร้องที่ทำเนียบรัฐบาล

โดยระบุรายละเอียดว่า

  1. การชุมนุมใหญ่ ใช้ชื่อว่า “19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร” รวมพลตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
  2. หากมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมมากอาจมีการขยายพื้นที่ชุมนุมออกไป อาจปิดถนนราชดำเนินกลาง เพื่อใช้เป็นพื้นที่ศิลปะและทำกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย โดยรายละเอียดอาจปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
  3. ชุมนุมปักหลักข้ามคืน กิจกรรมต่างๆ จะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 14.00 น. ไปจนถึงรุ่งเช้า จะเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลในวันรุ่งขึ้น 20 กันยายน โดยจะเริ่มเคลื่อนขบวนตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป

 

การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเยาวชนปลดแอก เมื่อ 18 กรกฎาคม มีข้อเรียกร้องคือ 1.ยุติการคุกคามนักศึกษาประชาชน 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และ 3.ยุบสภาเลือกตั้งใหม่

ซึ่งต่อมามีการชุมนุมอีกหลายเวที ที่ยึดถือข้อเรียกร้องเดียวกัน บางแห่งเพิ่มเติมประเด็นเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบัน

ท่าทีของรัฐบาลไม่ได้ตอบรับชัดเจน แต่ใช้วิธีเร่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เร็วขึ้น โดยยึดตามแนวการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560

มีญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรครัฐบาลเสนอให้แก้ไขมาตรา 256 จัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และมีญัตติของฝ่ายค้านอีก 5 ฉบับเสนอประกบ และเสนอแก้ไขหลายส่วน หลักๆ ได้แก่ แก้ไขมาตรา 256 ให้มี ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และแก้ไขมาตรา 272 ยุติอำนาจของ ส.ว.ในการลงมติเลือกนายกฯ

ซึ่งรัฐสภาจะประชุมพิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ 23- 24 กันยายนนี้ และคาดหมายว่า ยากที่จะราบรื่น เนื่องจาก ส.ว.ประกาศไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข และการแก้ไขจะต้องใช้เสียง ส.ว.รับหลักการถึง 1 ใน 3 ของจำนวน ส.ว. หรือ 84 คนขึ้นไป

แม้ว่ามี ส.ว.จำนวนหนึ่งออกมาเตือนว่า ส.ว.ควรสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272

หาก ส.ว.ทำตัวเป็นอุปสรรคกับการแก้ไข ให้ระวังนรกจะมาเยือน ส.ว.ทุกคน

แต่ ส.ว.ส่วนมากยังนิ่งเงียบ ซึ่งคาดหมายได้ยากว่า ส.ว.ทั้งหมดคิดอะไรอยู่

อย่างไรก็ตาม รู้กันว่า หากรัฐบาลไม่สั่งไฟเขียวไปยังวุฒิสภา ก็ยากที่จะมี ส.ว.ถึง 84 คนมาลงคะแนนสนับสนุนการแก้ไข

 

แม้ว่ามีประชาชนทั่วไปออกมาสนับสนุนการชุมนุม 19 กันยายน แต่อีกหลายกลุ่มก็ไม่เห็นด้วย

สื่อหลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของม็อบเยาวชน และฝ่ายค้านที่ใช้กระแสของม็อบเปิดอภิปรายในสภาโดยไม่มีการลงมติ และเรียกร้องให้รัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญแล้วลาออก

และออกมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์

คอลัมนิสต์ชื่อดัง เปลว สีเงิน เขียนในไทยโพสต์ 15 กันยายน ตอนหนึ่งว่า นายกฯ ประยุทธ์เดี๋ยวนี้เหมือนปลากัดเปลี่ยนน้ำ-เปลี่ยนอ่าง

เมื่อเข้าสู่อ่างรัฐสภา จากเผด็จการทหาร เป็นนายกฯ เลือกตั้ง ก็เยิ่นกับพวกเผด็จการรัฐสภาในคราบประชาธิปไตย มึงกัดมา-กูกรีดกลับ จนพวกคราบประชาธิปไตยหางขาด-ครีบลุ่ยกระจุย-กระเจิง

ใครติดตามดูการประชุมสภาเมื่อ 9 กันยายน ที่ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายทั่วไป เจตนารุมด่านายกฯ โดยตรง ก็คงเห็นจริงตามที่ผมพูด

วันนั้น-คืนนั้น นายกฯ รับมือฝ่ายค้านที่ฮื่อแฮ่โจนใส่ทั้งฝูง เป็นที่ฮือฮาไปทั้งยุทธจักร ว่าประยุทธ์ “กระบี่เดียวค้ำฟ้า”

ตั้งแต่อดีตนายกฯ ชวนครองตำแหน่ง “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ในรัฐสภา สะบัดฉับ เลือดกระฉูด ก็เพิ่งครั้งนี้แหละ เกิดดาวดวงใหม่เทียบเคียงกับมือมีดโกน

รุมเข้ามา 1 ต่อ 10

1 ตวัดปลายกระบี่กรีดหน้าสั่งสอน 10 หน้าแหกเลือดซิบ-เลือดโชกไปตามๆ กัน

ดูหน่อยก็ได้ ผมเก็บจากข่าว เพจ @Super Lungtoo บ้าง “ขยี้ข่าวเช้า 10 ก.ย. 63 NationTV22” ของคุณสันติสุข มะโรงศรี บ้าง รายการวันที่ 10 แนะนำให้ไปเปิดดูย้อนหลัง

เมื่อฝ่ายค้านเวียนหน้าขึ้นมากัดสะบัดจิกแต่ละรายแล้ว นายกฯ ก็ลุกขึ้นโต้กลับ เช่นว่า

“คำว่าเผด็จการ ผมได้ฟังมาตลอด คือ เผด็จการทหาร แต่คิดว่ามีคำคู่กัน…คงไม่ลืมมั้ง คือเผด็จการรัฐสภา ก็ไม่รู้ว่าสมัยใครนะ”

(หน้าแหกไปถึงตัวพ่อเลย)

“เราพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อดูแลแก้ไขทุกอย่างให้ฟื้นคืนมาสู่ปกติโดยเร็ว เพื่อเดินหน้าไปสู่การพัฒนาประเทศในระยะต่อไป

แม้จะมีอุปสรรคแต่เราก็มีความเพียรพยายาม เพราะเราคิดถึงชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน

เราจำเป็นต้องทำด้วยความรอบคอบระมัดระวังภายใต้ข้อกฎหมายและงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด การกู้เงินต่างๆ ถ้าจำเป็นก็ต้องกู้ ถ้าไม่มีเหตุการณ์มันก็คงไม่ต้องกู้”

(กู้เพราะเหตุการณ์โควิด ไม่ได้กู้มาโกง [เหมือนพวกมึง] แอนตาซิล ไม่รับเย็บไปอีก)

“ขออย่ารังเกียจทหาร เพราะทหารคือลูกหลานของท่าน ให้เขามีความภาคภูมิใจที่ได้ทำงานด้วยความเสียสละ อดทนต่อคำว่ากล่าว

ขออย่าแยกทหารออกจากประชาชน ทหารไทยทำหน้าที่หลายอย่าง ทั้งป้องกันประเทศ ป้องกันภัยพิบัติ ป้องกันโควิด ถ้าไม่มีทหาร ท่านจะมีใคร”

(ก็มีสามสัสนั่นไง-ฮา!)

“ที่บอกว่าผมบริหารล้มเหลว ประคับประคองให้เศรษฐกิจฟื้นฟูได้ ไม่ให้เลิกจ้างพนักงาน ก็ต้องขอบคุณท่านในฐานะอดีตรองนายกฯ มีความรู้ดี ท่านก็คุยกับผมมาหลายรอบ

ท่านก็เคยพูดกับผมว่า พร้อมเข้ามาช่วยเป็นรองนายกฯ แต่ผมคงไม่รับ เพราะผมมีครบแล้ว มีเต็มแล้ว เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน”

(ตอกกลับการอภิปรายของมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์-ฮากันอีกยก)

เป็นบรรยากาศดุเดือดของการเมืองที่ถกเถียงกันว่า ถึงเวลาที่นายกฯ และรัฐบาลควรจะถอยจากการเมืองหรือยัง

และการชุมนุมวันที่ 19 กันยายนนี้ จะสะท้อนความคิดความเห็นของประชาชนอีกครั้ง