19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร / ฉบับประจำวันที่ 18-24 กันยายน 2563

การชุมนุม “19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร” ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 กันยายน 2563 ที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มากด้วยสีสัน
และเข้มข้นด้วย “สงครามข่าวสาร”
ทั้งนี้ ฝ่ายผู้จัด คือ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ
ยังคงธำรงแผนปักหลักค้างคืนที่ธรรมศาสตร์ และพร้อมเคลื่อนพลไปชุมนุมที่ท้องสนามหลวง หากประชาชนมาร่วมล้นหลาม
จากนั้นจะเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 20 กันยายน
แม้จะมีอุปสรรค กรณีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่
แต่แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ยืนยันว่าได้ปฏิบัติตาม “แนวทางการอนุญาตจัดชุมนุมทางการเมืองของนักศึกษาในพื้นที่ของมหาวิทยาลัย” ทุกประการแล้ว
และประกาศว่า ถึงที่สุด หากผู้บริหารธรรมศาสตร์จะไม่สนองตอบ พวกตนก็จะ “ตัดโซ่” และ “พังประตู” เพื่อบุกเข้าไปชุมนุมภายใน มธ.โดยไม่มีแผนสำรองจัดชุมนุมในสถานที่อื่น

ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม
คือ จำนวนผู้ที่จะเข้าร่วมการชุมนุม
เพราะนี่จะเป็นเงื่อนไขชี้ขาดว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลว
ทั้งนี้ ในฝ่ายผู้ชุมนุม คือ น.ส.ปนัสยาคาดการณ์ว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 50,000-100,000 คน
สอดคล้องกับนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ที่วิเคราะห์สถานการณ์ว่ากระแสประชาชนปลดแอกอยู่ในกระแสขาขึ้น
“ตัวเลข 100,000 คนจึงมีความเป็นไปได้ในการชุมนุมรอบนี้” นายสมบัติประเมิน
ขณะที่ทางฝั่งฟากรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง แม้พยายามหลีกเลี่ยงที่จะระบุถึงตัวเลขผู้ชุมนุม
แต่ก็กล่าวกว้างๆ ว่า รับทราบจากทางการข่าวแล้วว่าจะมีมวลชนจากต่างจังหวัดขึ้นมาสมทบในการชุมนุมครั้งนี้ด้วย
เมื่อถามว่าเป็นตัวเลขที่น่ากังวลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็พอรับมือได้
ขณะที่แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง ประเมินสถานการณ์การชุมนุมในวันที่ 19 กันยายน ว่า จะมีมวลชนเดินทางมาร่วมชุมนุมประมาณ 50,000 คน
โดยจะมีกลุ่มมวลชนของพรรคการเมือง และกลุ่มคนเสื้อแดงจากหลายจังหวัดเข้าร่วม

ม็อบที่มีทีท่าจะหนาแน่นดังกล่าว ทำให้ มี “ข่าว” ที่ถูกปล่อยออกมาเพื่อสกัดและดิสเครดิตม็อบ ไม่ให้ “โต” มากเกินไป อย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ไม่ว่าการ กล่าวหาเรื่องท่อน้ำเลี้ยง
โดยชี้ว่าลำพังนักเรียน นักศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่มีรายได้ คงไม่มีเงินมากมายมาใช้จ่าย
จึงต้องมีกลุ่ม องค์กร หรือบุคคลเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับการชุมนุม
ด้านหนึ่ง มีการเผยแพร่ภาพนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” แกนนำผู้ชุมนุม ไปพบกับทูตสหรัฐ
ซึ่งแม้จะเป็นภาพที่เกิดขึ้นหลายปีก่อน แต่ก็พยายามเชื่อมโยงให้เห็นว่า เหล่าเยาวชนนี้ “ถูกชักใยจากต่างชาติ”
จนสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงว่าไม่เคยให้ทุนสนับสนุนการชุมนุม และกรณีที่เกิดขึ้น เป็นการบิดเบือนของเว็บไซต์บางแห่ง
นอกจากนี้ ยังพยายามเชื่อมโยงการชุมนุมกับการเคลื่อนไหวของคณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล ที่มีเป้าหมาย “ทะลุเพดาน” ไปยังเรื่องสถาบันสำคัญของชาติ
โดยอ้างถึงคำประกาศของแกนนำผู้ชุมนุม ที่ว่าจะมีเรื่องแบบ “เบิ้มๆ” ผสมกับข้อเรียกร้อง 10 ข้ออันจะไปยั่วยุ ทำให้เสี่ยงเกิดความวุ่นวาย โดยมีเด็กและเยาวชนเป็นเหยื่อ

ตรงนี้ทำให้มีการประเมินว่าอาจบานปลายเป็นเงื่อนไข หรือเป็นข้ออ้างการรัฐประหาร ที่จะนำไปสู่ความวุ่นวายและรุนแรงไม่รู้จบขึ้นได้
โดยตอนนี้มีการพูดถึงการปฏิวัติ รัฐประหาร หนาหูขึ้น
ท่ามกลางข้อสังเกตว่า นี่เป็นการปล่อยข่าวเพื่อขู่แกนนำและผู้ชุมนุมให้กลัวหรือไม่
อีกด้านที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม คือรัฐบาลและกองทัพ ก็กล่าวหาว่าผู้ชุมนุมพยายามสร้างเงื่อนไขให้ปฏิวัติ เพื่อที่จะเป็นเงื่อนไขปลุกการ “ลุกฮือ” ต่อต้านรัฐบาลและกองทัพ อย่างรุนแรง
แต่ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยข่าวจากฝ่ายไหน
บรรยากาศที่อึมครึมเช่นนี้ ก็ทำให้หลายฝ่ายเฝ้ามองการชุมนุมวันที่ 19 กันยายน อย่างเป็นห่วง
แม้แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง ประเมินสถานการณ์วันที่ 19 กันยายน ว่า เป็นเพียงการการซ้อมใหญ่ก่อนที่จะมีการนัดชุมนุมจริงในช่วงเดือนตุลาคมช่วงที่สภาจะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แต่หากมีอะไรที่รุนแรงเหนือการควบคุม
มีกระแสข่าวถึงการเตรียมประกาศ”กฎอัยการศึก” ที่รุนแรงน้องๆ การรัฐประหาร ที่ฝ่ายความมั่นคงแอบเตรียมการไว้เงียบๆ
และปมนี้ อาจมีผู้แอบหวัง อยากจะให้ไปถึงจุดนั้นด้วย
“19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร” จึงชวนระทึกใจยิ่ง
——————-