วิถีแห่งกลยุทธ์ / เสถียร จันทิมาธร /จังหวะก้าว อัจฉริยะกิเลน ต่ออวี้หวัง (62)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์/เสถียร จันทิมาธร

จังหวะก้าว อัจฉริยะกิเลน ต่ออวี้หวัง (62)

 

หากมองจากมุมของอวี้หวังก็น่าเห็นใจ ทั้งหมดนี้คือแผนการใช้คนซึ่งผ่านกระบวนการขบคิดพิจารณามาหลายตลบของอวี้หวัง

หลังจากมีคำถามจากฉินปันรั่วขึ้นว่า

“หากได้ตัวเหมยฉางซูไว้ในมือแล้ว ท่านจะไว้วางใจเขาโดยไม่มีข้อเคลือบแคลงหรือ”

อีกทั้งค่อนข้างมั่นใจว่า แผนการนี้สามารถยึดกุมจุดอ่อนของ “อัจฉริยะฉีหลิน” ผู้นี้ไว้ได้ กระทั่งต้องทุ่มกายถวายชีวิตทำงานให้

แม้จะรัดกุมถึงระนาบนั้น แต่เพื่อความมั่นใจก็จำเป็นต้องตะล่อม

“ท่านซูวันนี้ให้คำชี้แนะเกี่ยวกับการจัดการคดีรุกล้ำที่ดิน ข้ารู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก ส่วนเรื่องในอนาคตข้าไม่กล้าบีบคั้นเด็ดขาด”

“ไห่เยี่ยน” ระบุว่า ภายใต้รอยยิ้มอบอุ่นสะท้อนบุคลิกเปี่ยมการุณย์แห่งผู้นำ

“ด้วยปฏิภาณไหวพริบและสายตาอันแหลมคมของท่านซูย่อมมองสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ข้าอวี้หวังหามีความจำเป็นต้องกล่าวมากความ เพียงแต่อยากฝากไว้ประโยคหนึ่ง ไม่ว่าวันหน้าประสบชะตากรรมเช่นไร ขอเพียงท่านซูยินยอมมอบใจ ประตูใหญ่ของจวนอวี้หวังล้วนเปิดกว้างต้อนรับท่านซูเสมอ”

เบื้องหน้า “ปรากฏการณ์” นี้ผลเฉพาะหน้าเป็นเช่นไร

 

ในความเห็นของ “ไห่เยี่ยน” ถ้อยคำทั้งหมดอันมาจากอวี้หวังฟังดูโอ่อ่าผ่าเผย ไพเราะรื่นหู ทำให้เหมยฉางซูรู้สึกว่า สีหน้าซาบซึ้งอันตนเจตนาจะเผยออกมายิ่งแลดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ส่งผลให้อวี้หวังซึ่งสำรวจสีหน้าอีกฝ่ายพึงพอใจอย่างหาที่สุดมิได้

“วันนี้มารบกวนเนิ่นนานแล้ว เกรงว่าจะเสียเวลาพักผ่อนของท่านซู ยังคงขอตัวก่อนดีกว่า” คำพูดเช่นนี้มาจากความตระหนักเป็นอย่างดีของอวี้หวัง

“อะไรคือใจร้อน ยิ่งยากบรรลุ”

ยามนี้เมื่อเห็นเหมยฉางซูบังเกิดความประทับใจขึ้นบ้างแล้วจึงสมควรรู้จักถอยก่อนก้าวหนึ่ง ดังนั้น ผุดลุกขึ้นแย้มยิ้มอำลา

เก็บกดความกลัดกลุ้มเรื่องคดีซิ่งกั๋วกงที่สุมอกกล้ำกลืนลงไป

เห็นเช่นนี้เหมยฉางซูผุดลุกขึ้นตาม ค้อมคำนับตามมารยาท “องค์ชายมาเยี่ยมเยือนโดยไม่รังเกียจเรือนชานต่ำต้อย ไหนเลยเรียกว่า ‘รบกวน’ เวลานี้ใกล้พลบ สมควรเหนี่ยวรั้งเป็นแขกพักแรม จนใจท่านองค์ชายภารกิจรัดตัว แซ่ซูกลับมิกล้าเอ่ยปากเชิญชวน เพียงต้อนรับด้วยน้ำชา หากขาดตกบกพร่อง องค์ชายโปรดอย่าได้ถือสา”

จบคำก็ผายมือเป็นเชิงว่าจะเดินออกไปด้วยกัน

 

จากการประมวลของ “ไห่เยี่ยน” ในความคิดของอวี้หวัง แน่นอน อยากให้อีกฝ่ายเหนี่ยวรั้งไว้ใจแทบขาด ทว่าคำพูดเหมยฉางซูประโยคนี้ฟังแล้วคล้ายอยากรั้งไว้ ทั้งคล้ายไล่กลับ

คะเนไม่ออกว่าความหมายแท้จริงคืออะไร

เกิดตีความผิดขึ้นมาจะกลายเป็นว่าไม่รู้ใจ “อัจฉริยะฉีหลิน” ดังนั้น ไม่ว่าในห้วงสมองจะครุ่นคิดร้อยแปดประการด้วยความรวดเร็วปานใดยังคงไม่อาจหาข้อสรุปได้สักประการหนึ่ง

จึงได้แต่ก้าวเท้าแช่มช้าอย่างยิ่ง หวังให้เหมยฉางซูกล่าวเสริมสักหลายคำ

ดีที่สวรรค์เป็นใจขณะที่ทั้ง 2 เคียงไหล่กันออกจากห้องเดินเลียบเลาะถึงระเบียงทางเดิน เหมยฉางซูช้อนสายตาเหม่อมองปลายเมฆ เวิ้งว้างสุดขอบฟ้า ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาแผ่ว

“องค์ชายไม่จำต้องวิตกเกินควร ต่อให้ครั้งนี้ซิ่งกั๋วกงปราศจากเรื่องราว แต่เขาก็หาใช่คู่มือของเซี่ยอวี้ไม่ สูญไปกลับไม่มีอันใดน่าเสียดาย”

“นั่นก็จริง แต่อย่างไรเขาก็มีบารมีในราชสำนักไม่น้อย รักษาไว้ได้ย่อมดีกว่า”

“ตามความเห็นต่ำต้อยของผู้แซ่ซู องค์ชายยังคงละทิ้งซิ่งกั๋วกง แล้วหันมาสนับสนุนจิ้งหวังจึงจะถูกต้อง”

“สนับสนุนจิ้งหวังละหรือ”

อวี้หวังครานี้ถึงกับรู้สึกประหลาดใจจริงๆ “เขาเป็นองค์ชาย ทั้งได้รับราชโองการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดำเนินการสอบสวน ผู้ใดกล้าสร้างความลำบากใจแก่เขา แล้วยังต้องให้ข้าสนับสนุนอันใด”

เป็นความกังขาอย่างแน่นอน เป็นความกังขาท่ามกลางความต้องการจะหยั่งเชิง

หยั่งเชิงความนัยทางการเมืองอันสลับซับซ้อนภายในราชสำนักมหานครต้าเหลียง หยั่งเชิงความรู้สึกของอวี้หวัง

นี่ย่อมเป็นงานอันทรงความหมายของเหมยฉางซู

 

เราท่านที่ติดตามอ่านบทบาทและการเคลื่อนไหวของเหมยฉางซูในฐานะแห่ง “อัจฉริยะกิเลน” หรือ “อัจฉริยะฉีหลิน”

ย่อมอ่านเกมออกในความต้องการของเหมยฉางซู

ย่อมมองเห็นว่าแผนเริ่มต้นจากทำเนียบหลางหยา ประสานเข้ากับแต่ละจังหวะก้าวของพรรคบูรพานที รู้อยู่แก่ใจนับแต่เหมยฉางซูเหยียบย่างเข้ามาในมหานครจินหลังโดยอาศัยความสัมพันธ์เซียวจิงรุ่ย เซี่ยปี้

เพียงแต่ต้องการจะสัมผัสรายละเอียดว่าจังหวะก้าวของเหมยฉางซูเป็นอย่างไร