ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 กันยายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
ดูเหมือนว่าศึกภายในของพรรคประชาธิปัตย์จะหนักหนาสาหัสจนเกินเยียวยา
รอเพียงวันที่ “ความขัดแย้ง” จะระเบิดออกมาเท่านั้นเอง
ในขณะที่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” และเหล่ารัฐมนตรีทั้งหลายยังมีความสุขกับการเป็น “รัฐมนตรี”
แต่ ส.ส.จำนวนไม่น้อยไม่มี “ความสุข”
ส่วนหนึ่งเพราะ “อกหัก”
กลุ่มของตัวเองไม่ได้เป็น “รัฐมนตรี”
แต่อีกส่วนหนึ่งจากการมองไม่เห็น “อนาคต” ของพรรค
“อนาคต” ที่จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
พรรคประชาธิปัตย์นั้นเคยเป็น 1 ใน 2 พรรคใหญ่ของการเมืองไทย
จะแพ้ก็แต่เพียงพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
พลพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่อาจพึงพอใจเพียงแค่การเป็นพรรคขนาดกลางเหมือน “ภูมิใจไทย-ก้าวไกล”
แต่นับวัน “โอกาส” ที่จะกลับไปเทียบเคียงกับ “เพื่อไทย-พลังประชารัฐ” ยิ่งห่างไกล
หนำซ้ำ อาจจะเป็นพรรคขนาดกลางที่เล็กกว่า “ภูมิใจไทย” และ “ก้าวไกล” อีกด้วย
เพราะไร้ “จุดขาย” ทั้งตัวหัวหน้าพรรค
และผลงานที่จับต้องได้
การตัดสินใจของกลุ่ม “กบฏประชาธิปัตย์” 16 คนไปลงชื่อในญัตติแก้มาตรา 272 ร่วมกับพรรคก้าวไกลและพรรคฝ่ายค้าน
คือปรากฏการณ์ “ฝีแตก” ครั้งใหญ่
แม้สุดท้ายด้วยบารมีของ “ชวน หลีกภัย-บัญญัติ บรรทัดฐาน” จะทำให้ ส.ส.ถอนชื่อออกจนญัตตินี้แท้ง
แต่ร่องรอยของ “ความขัดแย้ง” ชัดเจนยิ่ง
มีคนบอกว่า รัฐนาวาที่แข็งแกร่งเพียงใดก็พังทลายลงได้จาก “สนิม”
“สนิม” ที่เกิดจากเนื้อในตน
รัฐนาวาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เช่นกัน
ลำพังแรงเขย่านอกสภาจากขบวนการนักเรียน-นักศึกษาก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว
มาเจอ “สนิม” จากความไม่เป็นเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาลซ้ำอีก
โดยเฉพาะจากพรรคประชาธิปัตย์
อย่าลืมว่าพรรคประชาธิปัตย์เคยมีตำนานเรื่อง “กลุ่ม 10 มกรา”
ความแตกแยกในพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนั้นรุนแรงถึงขั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตัดสินใจยุบสภา
และพรรคประชาธิปัตย์ก็ทรุดหนักไปนานทีเดียว
อย่าแปลกใจที่วันนี้จะเริ่มมีคนถามถึง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
ยิ่งซุ่มนาน ยิ่งน่าสงสัย