คุยกับทูต คีริลล์ บาร์สกี้ ประวัติศาสตร์แห่งความทรงจำ ในความสัมพันธ์ไทย-รัสเซีย (จบ)

ตอน 1  2  3  4 

 

“ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เมื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัสเซียเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์กับไทยมาอย่างยาวนาน โดยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกโครงการในโอกาสที่ไทยและรัสเซียจะร่วมกันเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-รัสเซีย ในปีนี้”

“เราจะมีกิจกรรมและโครงการที่นำไปสู่ความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ทั้งในระดับรัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชนของทั้งสองประเทศ ผมจึงมั่นใจว่า ด้วยการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี จะทำให้การจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีที่สุด”

เอกอัครราชทูตรัสเซีย นายคีริลล์ บาร์สกี้ เล่าถึงการเตรียมแผนการจัดงาน

การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับรัสเซียครบรอบ 120 ปี ตรงกับวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ.2017 เนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จประพาสจักรวรรดิรัสเซีย เมื่อวันที่ 3-11 กรกฎาคม ค.ศ.1897

ซึ่งการเสด็จประพาสครั้งนั้นยังชี้ให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทยในการดำเนินนโยบายด้านการต่างประเทศ

นอกจากนี้ การจัดงานเฉลิมฉลองยังจะเป็นเครื่องกระตุ้นให้ทั้งฝ่ายไทยและรัสเซียเพิ่มพูนความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างกัน

โดยเฉพาะความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า ซึ่งเป็นกระแสหลักของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียในปัจจุบัน

“ผมขอขอบคุณรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่ได้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองให้ครอบคลุมในทุกมิติที่สำคัญ สำหรับฝ่ายเราได้เริ่มเตรียมความพร้อมมานานแล้ว โดยได้จัดตั้งคณะกรรมการนำโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของรัสเซีย ซึ่งคณะกรรมการทั้งสองฝ่าย จะได้มาร่วมกันดำเนินงานต่อไป”

“ผมทราบมาว่า ประมาณกลางเดือนกรกฎาคมนี้ ฝ่ายไทยนำโดย นางบุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เตรียมการจัดงานที่กรุงเทพฯ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และในประเทศรัสเซียที่กรุงมอสโกและเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ในช่วงเดียวกัน”

“สําหรับรัสเซีย มีรายการจัดงานที่ยาวเหยียด ทั้งการจัดนิทรรศการศิลปะรัสเซีย และนิทรรศการภาพถ่าย โดยคณะช่างภาพไทยได้เดินทางไปถ่ายภาพทิวทัศน์ในรัสเซีย และผมขอให้เลือกมาแสดง 120 ภาพ จากทั้งหมดร่วมหมื่นภาพ นับเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องยากที่สุดที่จะเลือก เพราะภาพทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถ่ายได้สวยงามมากๆ”

“ในเดือนกันยายน เราจะนำเครื่องประดับคาร์เทียร์อันมีชื่อเสียงของรัสเซีย รวมทั้งทับทิมสยาม มาแสดงให้ชมกันด้วย เพราะมีเรื่องราวของความรักระหว่าง แคทยา และเจ้าฟ้าสยาม (Katya and the Prince of Siam) ซึ่งหมายถึง สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ และอดีตพระชายาชาวรัสเซีย หม่อมคัทริน ณ พิศณุโลก หรือ หม่อมคัทริน จักรพงษ์ ณ อยุธยา (Ekaterina “Katya” Desnitskaya)”

“นอกจากนี้ เรายังได้รับการอนุมัติและสนับสนุนจากสำนักพระราชวังและรัฐบาลไทยในเรื่องสถานที่จัดแสดงรูปปั้นของจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 ตามด้วยพิธีการที่ยิ่งใหญ่”

“ตามพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในปี ค.ศ.1893 ให้มีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือ 39 ชุด ต่อมาในปี ค.ศ.1896 รัชกาลที่ 5 ทรงรับสั่งให้มีการจัดทำสำเนา 20 ชุดเพื่อให้เป็นของขวัญแก่ประชาชนชาวรัสเซีย และเราได้ค้นพบว่าพระไตรปิฎกดังกล่าวได้ถูกเก็บรักษาไว้ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยคาซาน ห้องสมุดแห่งชาติของรัสเซียที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก นครแห่งประวัติศาสตร์ และหอสมุดของรัฐที่กรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย โดยจะนำมาจัดแสดงที่กรุงเทพฯ เช่นเดียวกับการจัดนิทรรศการเอกสารและรูปภาพเกี่ยวกับความสัมพันธ์รัสเซียและไทย นิทรรศการแสดงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมไปถึงการจัดงานเทศกาลอาหารรัสเซียด้วย”

“ผมหวังว่า ปีนี้จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยกิจกรรมที่สำคัญหลากหลาย โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ มิตรภาพ และวัฒนธรรม ซึ่งจะดึงดูดความสนใจจากประชาชนทั่วไป”

ในปีนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครบรอบ 100 ปีแห่งการก่อตั้ง ซึ่งตรงกับ 120 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและรัสเซีย

“เมื่อปลายปีที่แล้ว ผมได้พบกับศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้เล่าว่า ปี ค.ศ.2017 จะเป็นปีแห่งการก่อตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครบรอบ 100 ปี อันตรงกับวาระครบรอบ 120 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและรัสเซียด้วย เนื่องจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาจากพระนามของพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นพระบิดาผู้ก่อตั้งมิตรภาพระหว่างประเทศทั้งสองของเรา เราจึงตกลงจะร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลอง ดังนั้น ในเดือนกันยายน จะเริ่มมีการสัมมนาในหลายวาระเพื่อเป็นการรำลึกถึงประวัติศาสตร์แห่งความสัมพันธ์ไทย-รัสเซีย”

ในความร่วมมือทางวิชาการ เอกอัครราชทูต บาร์สกี้ เล่าว่า

“จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นพันธมิตรของรัสเซียต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน โดยมีข้อตกลงในความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมอสโก (Moscow State University-MGU) มหาวิทยาลัยเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg State University) และสถาบันเอมกิโม (มหาวิทยาลัย) ที่อยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย (MGIMO University) มีการก่อตั้งศูนย์รุสกี้ มีร์ (Russkiy Mir) และศูนย์รัสเซียศึกษา (Center for Russian Studies) ตั้งแต่ปี ค.ศ.2012”

เป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้วที่นักเรียนไทยให้ความสนใจไปเรียนต่อที่ประเทศรัสเซียเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะไปเรียนแลกเปลี่ยนระยะเวลาสั้นๆ หรือจะเรียนต่อในระดับปริญญาตรี โท เอก ในแต่ละปี รัฐบาลรัสเซียมีทุนมอบให้นักเรียนไทยอยู่เสมอ และในปี ค.ศ.2017 นี้ รัฐบาลรัสเซียได้ประกาศมอบทุนให้นักเรียนไทยที่สนใจเรียนต่อในประเทศรัสเซีย กว่า 34 ทุน ภายใต้สาขาวิชา Nuclear Energy Technology, Linguistic and Literary Studies, Nuclear Energy Technology, Mass-media and Library and Information Activities, Education and Pedagogical Sciences

“ผมยังได้ขอทุนการศึกษาเพิ่มเติมจากรัฐบาลของเรา โดยหวังว่าจะได้รับถึง 50 ทุน ในทุกปี คนไทยมากกว่า 100 คนเลือกเรียนภาษารัสเซียเพื่อไปประกอบอาชีพในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานมากมายหลายแห่ง ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความตื่นตัวและต้องการคนที่รู้ภาษารัสเซียเป็นจำนวนมาก”

ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยที่สอนภาษารัสเซียในประเทศไทยคือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยรามคำแหง นอกจากนี้ ในปี ค.ศ.2009 ได้มีการทดลองการสอนภาษารัสเซียในห้าโรงเรียนในกรุงเทพมหานครด้วย นอกจากมหาวิทยาลัยที่กล่าวมาจะสอนภาษารัสเซียแล้ว ยังสอนเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเทศรัสเซียอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ วรรณกรรมรัสเซีย เป็นต้น

“ส่วนในประเทศรัสเซีย มีการเรียนการสอนภาษาไทย และวัฒนธรรมไทยในมหาวิทยาลัย เช่น สถาบันของรัฐในกรุงมอสโกด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (MGIMO), กระทรวงต่างประเทศรัสเซีย, สถาบันเอเชียและแอฟริกาศึกษา ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโก มหาวิทยาลัยเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก และมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทิร์น (Far Eastern State University)”

“ผมคิดว่า ทุกประเทศมีความเป็นพิเศษ แต่สำหรับประเทศไทย ถือเป็นความโชคดีของผม”

“ดังนั้น ข้อความที่ผมต้องการจะสื่อสารถึงคนไทย คือ ขอได้โปรดศึกษารัสเซียอย่างถี่ถ้วนในความสัมพันธ์ที่เรามีร่วมกัน ทั้งในประวัติศาสตร์ ปัจจุบัน และอนาคต และจะค้นพบว่ารัสเซียเป็นประเทศที่ประชาชนให้ความเป็นมิตร มีการศึกษาสูง มีวัฒนธรรม มีอารมณ์ขัน และมีความรักความจริงใจต่อประเทศไทย ถ้าคนไทยได้ลองคุยกับคนรัสเซีย ก็จะได้ค้นพบความจริงสองประการ”

“ประการแรก คนรัสเซียที่ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย บางคนเคยมาครั้งเดียว บางคนเคยมาถึงสองครั้ง แต่ก็มีอีกหลายคนที่มาเป็นประจำทุกปี”

“ประการที่สอง ถ้าถามคนรัสเซีย เขาหรือเธอจะบอกว่า ไทยเป็นประเทศที่ยอดเยี่ยม และมีความเป็นพิเศษมาก อีกทั้งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ เป็นที่นิยม จึงเห็นได้ชัดว่า ชาวรัสเซียทุกคนรักประเทศไทย อันเป็นเรื่องที่วิเศษสุด มิใช่หรือ”

ก่อนอำลา เอกอัครราชทูตบาร์สกี้ ไม่ลืมที่จะฝากคำวิงวอนว่า

“คนไทยที่รักของผม ขอได้โปรดรักรัสเซีย เป็นเพื่อนกับรัสเซีย เดินทางไปรัสเซีย ทำธุรกิจกับรัสเซีย อ่านเกี่ยวกับรัสเซีย เพราะผมคิดว่าปีนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ท่านจะได้ค้นพบรัสเซีย”

จากวันนั้นถึงวันนี้ เวลาได้ล่วงเลยมากว่า 120 ปี ความสัมพันธ์สองแผ่นดินเป็นสายใยแห่งประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจลืมเลือน หรือตัดขาดจากกันได้ แต่กลับมาบรรจบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของมิตรภาพอันแนบแน่นที่ยั่งยืน มั่นคง เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้สืบสานมรดกนี้ต่อไป