ภาพยนตร์ /นพมาส แววหงส์ / TENET ‘โลกแห่งเวลา’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

TENET

‘โลกแห่งเวลา’

 

กำกับการแสดง Christopher Nolan

นำแสดง John David Washington Robert Pattinson Elizabeth Debicki Kenneth Branagh

Michael Caine

 

Tenet เป็นหนังใหม่ล่าสุดของผู้กำกับฯ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Dark Knight, Memento, Dunkirk, Inception, Interstellar ฯลฯ) ที่แฟนหนังตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อสำหรับบล็อกบัสเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ของปีนี้

แต่หนังแอ๊กชั่นมันระเบิดแห่งปีเรื่องนี้ก็จำต้องชะลอการเปิดตัวในช่วงโควิด-19 มา และไม่ยอมเปิดตัวในสื่ออื่นนอกโรงหนัง จนมาถึงสัปดาห์นี้ถึงลงโรงฉายแบบปูพรม ขณะที่เรายังต้องเฝ้าระวังการรักษาระยะห่างทางสังคมอยู่

หลังจากไม่ได้เข้าโรงหนังมาหลายเดือน ผู้เขียนรู้สึกว่าต้องเริ่มกลับไปใช้ชีวิตการดูหนังเหมือนเดิมอีกแล้ว…แต่ก็ยังพยายามไม่ให้การ์ดตกอยู่นะคะ

และก็จริงดังคาด…ประสบการณ์แรกสำหรับหนังเรื่องนี้คือการดูในโรงค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นความกระหึ่มของเสียงรอบทิศ ฉากแอ๊กชั่นที่เต็มตา ความเครียดขมึงของเหตุการณ์ที่รุดหน้าไปอย่างว่องไวและแน่นขนัด แบบที่คนดูไม่สามารถกดปุ่ม “หยุดเวลา” เพื่อพักหายใจหรือรับโทรศัพท์ หรือลุกไปชงกาแฟ และ “ย้อนกลับ” ไปดูซ้ำได้อีก

นี่คือจังหวะและความต่อเนื่องของการดูหนังในโรง อย่างที่ผู้กำกับฯ กำหนดให้เราดูค่ะ

 

แน่นอนว่า หลายคนย่อมอยากกลับไปดูซ้ำ เพื่อปะติดปะต่อจิ๊กซอว์ของเหตุการณ์ที่ไม่ได้เดินไปตามลำดับเวลาและหกหน้าหกหลังกลับไปกลับมาได้ในโลกที่กาลเวลาไม่ได้เดินหน้าไปเพียงอย่างเดียว

ผู้เขียนนึกไปถึงความตื่นใจตอนแรกที่ได้อ่านเรื่องของเมอร์ลิน ผู้วิเศษที่เป็นครูสอนกษัตริย์อาร์เธอร์ในวัยเด็ก ในฉากแรกที่เจอกัน อาร์เธอร์ถามเมอร์ลินว่ารู้ได้ยังไงว่าเขาจะมา ถึงได้เตรียมน้ำชาไว้เลี้ยง และเมอร์ลินอธิบายโดยเขียนจุดห้าจุดลงบนกระดาษ และให้อาร์เธอร์ลากเส้นต่อกันเป็นตัวดับเบิลยู และอธิบายว่าตัวเมอร์ลินใช้ชีวิตสวนทางจากจุดสุดท้ายย้อนกลับไปสู่จุดแรก

อ่านแล้วงงเป็นไก่ตาแตกเลยค่ะ

และนั่นเป็นจุดแรกเริ่มของความคิดในเรื่องการใช้ชีวิตสวนทางกับเวลา…ไม่ใช่ในแบบของการย้อนเวลาหาอดีต ตามแบบของ Back to the Future หรืออย่างที่นางเอกเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ย้อนกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในสมัยอยุธยาตอนปลายนะคะ แต่เป็นการเดินสวนทางกับเวลาจริงๆ

แบบเดินหน้าย้อนหลัง

ซึ่งเป็นคอนเส็ปต์ในหนังเรื่อง Tenet นี้

และชื่อหนังก็บอกความหมายของการสวนทางกันแบบนี้ ภาษาอังกฤษเรียกคำ (หรือวลี) แบบนี้ว่า palindrome หมายถึงคำหรือวลีที่อ่านได้เหมือนๆ กันจากหน้าไปหลัง หรือกลับจากหลังมาหน้า

“พระเอก” (จอห์น เดวิด วอชิงตัน) ได้รับคำอธิบายว่า คำคำเดียวนี้จะเปิดประตูไปสู่ความเข้าใจในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นประตูที่ถูกหรือประตูที่ผิด

และนั่นคือการเดินหน้าหรือย้อนกลับของเวลาแบบสวนทางกัน

อย่างเช่น กระสุนยิงจากปากกระบอกปืนไปโดนเป้า แต่กระสุนก็สามารถสวนกลับจากเป้ามาเข้าปากกระบอกปืน ในการเดินทางของเวลาที่สวนกลับ

และวันใดวันหนึ่งในโลกอนาคตอันใกล้หรือไกลนี้ จะมีคนที่คิด “สูตร” หาทางเดินสวนทางกับเวลากลับไปสู่อดีตได้…อาจจะด้วยวัตถุประสงค์ในการกอบกู้โลกจากการถูกมนุษยชาติทำลายสิ่งแวดล้อมไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นโลกที่ไม่น่าอยู่หรือยู่ได้ยาก

แต่ในขณะเดียวกัน “สูตร” ที่สมบูรณ์ครบถ้วนของการสวนทางของเวลา ก็จะหมายถึงความพินาศย่อยยับของมนุษยชาติไปด้วย เปรียบเสมือนการคิดค้นระเบิดปรมาณูที่มีอานุภาพมหาศาล ทั้งในเชิงสร้างสรรค์และเชิงทำลาย

 

“พระเอก” ถูกกำหนดให้ช่วยโลกให้รอดพ้นจาก “สงครามโลกครั้งที่สาม” ซึ่งจะเป็นมหันตภัยใหญ่หลวงของมนุษยชาติ

เกริ่นเพียงแค่คอนเส็ปต์หรือสมมติฐานของหนังนะคะ เพราะหนังของโนแลนมีความท้าทายต่อสมองมากกว่านั้น เล่ามาเท่านี้ก็แทบจะเหมือนกับไม่ได้เล่าอะไรมากเลยค่ะ

นี่เป็นหนังแอ๊กชั่นที่เดินหน้าอยู่ตลอดเวลา และมีภาพชวนตื่นตะลึงภาพแล้วภาพเล่า แบบดาหน้ากันมาหาเราโดยแทบไม่ให้หยุดพักหายใจ

ฉากแรกก็น่าประทับใจสุดๆ ในโรงโอเปร่าที่คนดูนั่งรอฟังการแสดงซิมโฟนีอยู่เต็มโรงในเมืองเคียฟของรัสเซีย เกิดการก่อการร้ายอย่างอุกอาจและจู่โจมแบบไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว

เพียงเพื่อขโมยชิ้นส่วนชิ้นเล็กๆ ซึ่งเป็นกลไกของอะไรสักอย่าง

และท่ามกลางแอ๊กชั่นมันส์ระเบิด พระเอกได้พิสูจน์ตัวเองอย่างกล้าหาญที่สุด โดยไม่ทรยศต่อองค์กรที่ตนสังกัดอยู่

 

หนังของโนแลนไม่ได้เล่าเรื่องแบบที่ดูกันง่ายๆ แต่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เก็บเล็กผสมน้อยเอามาปะติดปะต่อกัน

และด้วยเรื่องราวที่ท้าทายความคิดแบบนี้ คงต้องดูกันหลายรอบกว่าจะเก็บรายละเอียดที่ตกหล่นจากการดูครั้งแรกถึงจะได้ภาพที่สมบูรณ์ขึ้น

โรเบิร์ต แพตทินสัน ลบภาพพระเอกแวมไพร์ใน Twilight มาเล่นบทรองจากพระเอก แต่ก็เป็นบทสำคัญพอดู ขณะที่หญิงสาวที่จะเรียกว่าเป็น “นางเอก” ก็คงไม่เต็มปาก (เอลิซาเบธ เดบิกคี) ก็มีบทเป็นเนื้อเป็นหนัง

ตัวผู้ร้ายซึ่งเป็น “อภิมหาผู้ร้าย” ผู้หลงตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เล่นโดยเซอร์เคนเนธ บรานาห์ ด้วยสำเนียงแปร่งจัดแบบรัสเซีย ขณะที่ไมเคิล เคน ก็มีบทเล็กๆ แค่ฉากเดียว

ด้วยความยาว 150 นาที หนังอัดแน่นด้วยไอเดียและคอนเส็ปต์ชวนขบคิด…และถึงคิดให้ตายก็ขบไม่ออก จากสมมุติฐานเหนือจริงของหนังไซไฟ…ขณะที่เดินเรื่องอย่างว่องไวด้วยภาพอันตรึงตรา และรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เหลือเชื่อเลยค่ะ