หลังเลนส์ในดงลึก /ปริญญากร วรวรรณ/’โชกโชน’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
เสือโคร่ง - ลายเหลืองสลับดำของเสือโคร่ง ช่วยให้มันกลมกลืนกับสภาพรอบๆ มองเห็นได้ไม่ง่ายนัก

หลังเลนส์ในดงลึก/ปริญญากร วรวรรณ

‘โชกโชน’

ทุกครั้งที่มีโอกาสพบเจอเสือ ไม่กี่ครั้งหรอกที่ผมจะเห็นมันอยู่ในอาการแยกเขี้ยวขู่คำราม หรือเรียกว่ามีอาการ “ดุร้าย”

ส่วนใหญ่มันเดินช้าๆ จ้องมองนิ่งๆ แม้จะรู้ว่าผมอยู่ที่นั่น แต่มันก็ให้โอกาส อนุญาตให้ผมกดชัตเตอร์

หลายครั้งมันทรุดตัวลงนั่งมองเฉยๆ

เมื่อเสือนั่งนิ่งๆ จ้องมองเฉยๆ ไม่มีแววของความ “ดุร้าย”

นั่นมันกำลัง “ซ่อน” ความโชกโชนไว้อย่างมิดชิด…

 

ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก แถวๆ สำนักงานเขต มีผู้ชายร่างผอมบาง ผมน้อย วัยกลางคนปลายๆ ใส่ชุดลายพรางป่าไม้ เดินไป-มาตอนสายๆ

คนที่นั่นเรียกผู้ชายคนนี้ว่า “โก๊ะตึ๋ง”

โก หรือโก๊ะ คือคำที่คนแถบเมืองกาญจน์เรียกชายอาวุโสกว่าในความหมายค่อนข้างเคารพ

โก๊ะตึ๋ง ตำแหน่งเป็นพิทักษ์ป่า ซึ่งในรุ่นนี้เหลืออยู่ไม่กี่คน และทุกคนอยู่ในวัยใกล้เกษียณ

ในสมัยที่ยังไม่มีตำแหน่งพนักงานราชการอย่างทุกวันนี้ คนทำงานในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรืออุทยานฯ ที่ทำงานมาครบ 5 ปี ทางกรมจะให้โอกาสสอบเพื่อบรรจุเป็นพนักงานพิทักษ์ป่า ซึ่งจะมีสิทธิต่างๆ ใกล้เคียงการเป็นข้าราชการ

ทุกแห่ง คนเหล่านี้นอกจากเหมือนกัน อยู่ในวัยใกล้เกษียณ อีกสิ่งที่เหมือนๆ กันคือ เริ่มงานในป่านั้นๆ มาตั้งแต่ครั้งเริ่มต้นประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์

และที่เหมือนกันอีกประการคือ หลายคนอยู่ในสภาพที่ดูไม่ออกหรอกว่าโชกโชนมากเพียงใด

 

ผมได้ยินชื่อโก๊ะตึ๋งบ่อย แต่ไม่ค่อยได้พบตัวเขานัก พูดให้ถูก ไม่ค่อยมีใครได้พบแก เพราะโก๊ะตึ๋งจะนั่งเฝ้ายามอยู่ในป้อมเงียบๆ หากเป็นตอนเย็น เขาก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะพูดคุยกับใครได้ เพราะเหล้าขาว 35 ดีกรีหมดไปกว่าครึ่งขวดแล้ว

ในวงเหล้า มักมีคนพูดถึงวีรกรรมต่างๆ ของโก๊ะตึ๋งให้หนุ่มๆ ฟัง เช่นเดียวกับเรื่องราวของ “ตำนาน” อย่างน้ามืด, น้าสนม และอีกหลายๆ คน เขาเหล่านี้คือคนที่ร่วมงานมากับหัวหน้าวีรวัธน์ ซึ่งเป็นหัวหน้าเขตในยุคเริ่มต้น ยาวนานถึง 16 ปี

วันหนึ่ง ผมมีโอกาสได้คุยกับโก๊ะตึ๋ง เขามาทำหน้าที่เบิกจ่ายอะไหล่รถที่อยู่ในระหว่างการซ่อม แทนลุงพเยาว์ ซึ่งลาไปดูลูกที่ป่วยนอนอยู่โรงพยาบาลในเมืองกาญจน์

โก๊ะตึ๋งมายืนดูบุญชัยที่มุดอยู่ใต้ท้องรถ ผมนั่งคอยส่งเครื่องมือ

“ลูกปืนล้อหลังหลวม ผ้าเบรกหมด เบิกอะไหล่ด้วย” บุญชัยในฐานะช่างใหญ่พูดดังๆ โก๊ะตึ๋งเดินช้าๆ ไปเอาของ สักพักก็กลับมาพร้อมอะไหล่ ผมรับมาส่งให้บุญชัย ได้โอกาสชวนโก๊ะตึ๋งคุย

“เล่าเรื่องปะทะตอนโน้นให้ฟังหน่อยครับ” ผมเริ่ม แม้ว่าจะได้ยินเรื่องนี้จากในวงเหล้าหลายครั้งแล้ว แต่อยากฟังจากเจ้าตัว

“ไม่อยากพูด มันนานแล้ว” โก๊ะตึ๋งทำหน้าเฉย

“เอาน่า เล่าให้หม่องโจฟังหน่อย” บุญชัยยุ

“เอา เล่าก็เล่า” โก๊ะตึ๋งเริ่มพลางออกท่าทาง

“นั่นๆ อย่าออกลีลามากเดี๋ยวล้ม” บุญชัยเลื่อนตัวออกมาจากใต้ท้องรถ

โก๊ะตึ๋งหันมาค้อน…

 

เรื่องปะทะอย่างดุเดือดของโก๊ะตึ๋ง เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2528

“มีชาวบ้านมาแจ้งว่ามีคนเข้ามาล่าสัตว์ในทุ่ง พวกผมเลยพากันไปตรวจสอบ” ช่วงนั้นยังไม่ได้ใช้การลาดตระเวนในระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพ พื้นที่ห่างไกล ไม่ค่อยได้เดินไปตรวจสอบ

“เข้าไปเห็นพวกล่าสัตว์ทำเพิงพักไว้ใหญ่มาก ตัดไม้ไผ่มาผ่า วางคว่ำ-หงาย ทำหลังคา เพิงนอนได้สัก 20 คนมั้ง” โก๊ะนิ่งไป แบบทบทวนความจำ

“ใกล้ๆ เพิงมีเขากระทิง, เขากวาง, ร้านย่างเนื้อ” โก๊ะตึ๋งพูดพลางเดินไปนั่งบนล้อที่บุญชัยถอดวางไว้

“เข้าไปไม่เห็นคนสักคน พวกเราเลยแอบซุ่ม ให้พวกมันกลับมา”

โก๊ะตึ๋งหยุดเล่า มองซ้าย-ขวา “ไอ้บุญ เอ็งไม่มีอะไรแก้คอแห้งสักหน่อยเหรอ”

“ไม่มีหรอก ยังไม่เลิกงาน กินได้ไง” บุญชัยเสียงแข็ง “เล่าต่อๆ”

โก๊ะตึ๋งค้อนอีกครั้ง

“รออยู่ 6 วัน พวกมันก็ไม่กลับมา” โก๊ะตึ๋งเล่าต่อ “เสบียงหมด จึงตัดสินใจกลับหน่วย เดินจากนั่นสักครึ่งชั่วโมง สวนกับพวกมันพอดี เรามี 4 คน ผมนับพวกมันได้ 7 พอประจันหน้ากันเท่านั้นแหละ เสียงปืนจากทางมันดังทันที หลบแทบไม่ทัน”

โก๊ะตึ๋งหยุดพักเหนื่อย สมพรเดินผ่านมากับเพื่อนๆ ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน หยุดเดินเข้ามาฟังอย่างสนใจ หลายคนอายุแค่ 18-19 เกิดหลังเหตุการณ์นี้

“คนเราน้อย เอาไงดีวะ” โก๊ะตึ๋งเล่าต่อ “ผมปรึกษาไอ้ด้วง ลูกน้องในทีม”

“เอาระเบิดมา ไอ้ด้วงพูดเบาๆ ผมส่งระเบิดมือที่อยู่ในกระเป๋าให้ มันค่อยคลานไปหลังกอไผ่”

โก๊ะตึ๋งหยุดราวกับรู้ว่าเราอยากฟังเร็วๆ

“ลีลาแท้” บุญชัยยิ้มๆ

“สักพักเสียงระเบิดตูม เสียงปืนเงียบกริบ ผมเข้าไปดู พบพวกมันตายคาที่คนหนึ่ง มีรอยเลือดเป็นทาง”

พวกเขาทิ้งศพไว้ที่นั่น เดินกลับ ใช้เวลาสองวันถึงหน่วย

“พวกผมใช้การเดินมาตามลำห้วยกลบร่องรอย เพราะคิดว่าพวกมันต้องตามมาเอาคืนแน่”

สมพรและเพื่อนๆ ฟังอย่างตั้งใจ

“ถึงหน่วย หัวหน้าวีกระโดดกอด ถามว่า พวกเราเป็นอะไรไหม แกรู้ข่าวจากวิทยุที่ผมส่งมาเลยห่วง”

ช่วงเวลานั้น แถวหมู่บ้านทิไล่ป้า และหมู่บ้านจะแก อาวุธสงครามหาไม่ยาก

การล่าสัตว์ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน มีเหตุการณ์ปะทะในป่า ชีวิตสูญเสียเสมอๆ

โก๊ะตึ๋งและเพื่อนๆ ผ่านช่วงเวลานั้นมาอย่างโชกโชน

 

“ตึ๋งมันมีเมียเป็นกะเหรี่ยงนอกนะครับ” โก๊ะตึ๋งเดินกลับห้องพัก บุญชัยเล่า งานซ่อมรถยังไม่เสร็จ

ชีวิตรักโก๊ะตึ๋งน่าสนใจไม่น้อย

“เมียมันสวยที่สุดในหมู่บ้านตอนนั้นเลยละ หัวหน้าไปขอให้ ทางผู้หญิงเข้าใจผิด นึกว่าหัวหน้าขอให้ผู้ช่วยที่เป็นหนุ่มหล่อเลยตกลง ตอนที่รู้ว่าเป็นไอ้ตึ๋ง ก็เลยตามเลยแล้ว” บุญชัยเล่าขำๆ

 

ว่าตามจริง เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในสภาพอย่างโก๊ะตึ๋ง ตอนนี้คือความหนักใจของหัวหน้าเขต

เด็กเข้าใหม่ หรือใครมาที่นี่ ก็จะเห็นผู้ชายแก่ขี้เมา หมดสภาพ

“เสียดาย” บุญชัยพูดสั้นๆ

“ผมว่าที่ผ่านมาโก๊ะแกโชกโชนเกินไปครับ ตอนนี้เลยต้องแอบซ่อนตัวอยู่หลังขวดเหล้า” สมพร ชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาทำงานให้ความเห็น

 

โก๊ะตึ๋งทำให้ผมนึกถึงเสือ เมื่อเสือนอนหมอบอยู่นิ่งๆ เราไม่ “เห็น” มันหรอก

เสือมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งคือ ลายบนตัวของมัน กลมกลืนเข้าได้ดีกับสภาพรอบๆ ที่มันอยู่

ถ้าเสืออยู่นิ่งๆ ยากที่จะมองเห็น นี่นับเป็นข้อดีในฐานะของนักล่า

แต่ในอีกมุมหนึ่ง คุณสมบัตินี้ก็ทำให้ยากที่ใครจะเห็น

“เห็น” ชีวิตจริงๆ ที่มันเป็น…