ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 กันยายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
ท่าทีของแต่ละกลุ่มก้อนออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ล้วนน่าจับตาอย่างยิ่ง
ไม่ว่าท่าทีของคณะเยาวชน/ประชาชนปลดแอก ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชน ในการเรียกร้องกดดันรัฐบาล 3 ข้อ ให้หยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา
ถือเป็นการก้าวลงถนนครั้งสำคัญของพลังคนรุ่นใหม่ ส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึงรัฐบาล จนนำมาสู่การเดินหน้าปลดล็อกแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แต่ยังมีความเคลื่อนไหวของอีกกลุ่มในขณะนี้ ที่แนวทางการขับเคลื่อนสวนทางกับคณะเยาวชน/ประชาชนปลดแอกและนักเรียน-นักศึกษาอย่างสิ้นเชิง
นั่นคือ “กลุ่มไทยภักดี” ที่เป็นการรวมตัวกันของอดีตนักการเมืองและประชาชนฝั่งสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ที่สำคัญ ข้อเรียกร้องของกลุ่มไทยภักดีไม่ต้องการให้เกิดการยุบสภา ไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
จึงเป็นเรื่องน่าจับตาหลังจากนี้สำหรับความเคลื่อนไหวในลักษณะตรงข้ามกันระหว่างคณะเยาวชน/ประชาชนปลดแอก และกลุ่มไทยภักดี
จุดเริ่มต้นกลุ่มไทยภักดี เกิดจากการรวมตัวกันของนักเรียนอาชีวะและประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับความเคลื่อนไหวและข้อเรียกร้องของคณะเยาวชน/ประชาชนปลดแอก
ก่อนตั้งกลุ่มครั้งแรกชื่อ ศูนย์ประสานงานนักศึกษา อาชีวะ ประชาชน ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ (ศอปส.)
นัดระดมพลชุมนุมคู่ขนานกับการชุมนุมใหญ่ของคณะประชาชนปลดแอกเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เมื่อถึงวันนัดหมาย ผู้ชุมนุม ศอปส.รวมตัวประมาณ 50 คนปักหลักประจันหน้ากับคณะประชาชนปลดแอก เฝ้าสังเกตการณ์การชุมนุม
แต่สุดท้ายกลุ่ม ศอปส.ต้องสลายการชุมนุมไป หลังเจ้าหน้าที่เข้าเจรจาเพราะเกรงจะเกิดเหตุการณ์ม็อบชนม็อบ
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองเริ่มเข้มข้นมากขึ้น รวมถึงความเห็นที่ไม่ตรงกันของแต่ละกลุ่มก้อนการเมือง
ทำให้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ประกาศจัดตั้งกลุ่มที่มีแนวคิดตรงกัน
แถลงตั้ง “กลุ่มไทยภักดี” ขึ้นในวันที่ 19 สิงหาคม พร้อมกับเปิดตัวผู้ร่วมก่อตั้งอีกจำนวน 27 คน
การขับเคลื่อนของกลุ่มไทยภักดีมีแนวร่วมอุดมการณ์ตรงกันอีก 6 กลุ่มรวมอยู่ ประกอบด้วย กลุ่มประชาพิทักษ์หัวหิน กลุ่มเสื้อหลากสี กลุ่มเพชรบุรีรวมใจปกป้องสถาบัน กลุ่ม ศอปส. ข้าแผ่นดินจอมสยาม และศิษย์เก่าอุเทนถวาย
ตั้ง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เป็นประธานกลุ่มไทยภักดี ทำหน้าที่ผู้นำขับเคลื่อนและวางแนวทางเคลื่อนไหว
ย่างก้าวต่อมาของกลุ่มไทยภักดี เป็นการประกาศระดมพลและชุมนุมใหญ่ในวันที่ 30 สิงหาคม
โดยใช้อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง เป็นสถานที่นัดรวมตัวเครือข่ายที่มีจุดยืนเดียวกันจำนวนหลายร้อยคน
จัดกิจกรรม “ต้องไม่ทนการคุกคาม ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์”
การเคลื่อนไหวของกลุ่มไทยภักดีรอบนี้ มี นพ.วรงค์เป็นแกนนำ รวมถึงอดีตนักร้องดังอย่างอุ๊-หฤทัย ม่วงบุญศรี เข้าร่วมชุมนุมด้วย
ในวันเดียวกันนั้น กลุ่มไทยภักดีก็ได้ประกาศจุดยืนและแนวทางขับเคลื่อนของกลุ่ม 5 ข้อคือ
1. ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. สืบสานรากเหง้าเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ความเป็นไทย
3. อำนาจควบคุมตรวจสอบทุนผูกขาด
4. เสริมสร้างความเท่าเทียมด้วยเทคโนโลยีทันสมัยในการประกอบอาชีพของทุกชนชั้น
และ 5. สร้างรากฐานความมั่งคั่งของชาติอย่างมั่นคงด้วยระบบเศรษฐกิจพึ่งพาตนเอง
พร้อมประกาศข้อเรียกร้องถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยกัน 3 ข้อคือ
1. ต้องไม่ยุบสภา
2. ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดกับทุกกลุ่มที่ก้าวล่วงสถาบัน
และ 3. ต้องไม่แก้รัฐธรรมนูญ 2560
นพ.วรงค์ปราศรัยย้ำอุดมการณ์ 5 ข้อว่า ไม่มีแนวคิดจัดม็อบชนม็อบ แต่จะใช้ความจริงต่อสู้ หลังจากนี้กลุ่มไทยภักดีจะเดินสายเปิดเวทีให้ความรู้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อนำความจริงไปบอกประชาชน
ในขณะเดียวกันก็ปราศรัยโจมตีอดีตพรรคอนาคตใหม่และพฤติการณ์การชุมนุมของนิสิต-นักศึกษา
เรียกร้อง 3 ข้อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงพฤติกรรมของนักศึกษาคือ
1. อธิการบดีมหาวิทยาลัยต้องปิดพื้นที่และใช้วิจารณญาณในการดูแล
2. รมว.ศึกษาธิการต้องเรียกผู้บริหารระดับสูงและระดับจังหวัดมอบนโยบายเพื่อดูแลนักเรียน
และ 3. ขอให้รัฐบาลดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมาย
การชุมนุมครั้งนี้กลุ่มไทยภักดียังพยายามผลักดันแนวร่วมคนรุ่นใหม่ อย่าง “น้องเกม” คชโยธี เฉียบแหลม อายุ 15 ปี แกนนำกลุ่มเยาวชนช่วยชาติ
สำหรับน้องเกม คชโยธี เป็นที่รู้จักและคุ้นหน้าคุ้นตาหลังเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม ศอปส.เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม
และได้เรียกชื่อคณะประชาชนปลดแอกเป็นคณะประชาชน “ปลดแอ๊ก”
จนทำให้เป็นที่รู้จักของสังคมในฐานะเจ้าของวลี “ประชาชนปลดแอ๊ก”
ทว่าสุดท้ายหลายคนถึงกับมึนงง เมื่อ นพ.วรงค์ระบุน้องเกม คชโยธี ไม่ใช่สมาชิกกลุ่มไทยภักดี ทั้งที่ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่และร่วมกิจกรรมกับทางกลุ่มมาตลอด
ในวันชุมนุมกลุ่มไทยภักดี ยังเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น
เมื่อลุงใส่เสื้อแดงซึ่งกำลังกวาดน้ำขังถนนอยู่บริเวณประตูทางเข้า-ออก ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมกลุ่มไทยภักดี โดนทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก เย็บ 3 เข็ม
นายสุคนธ์ พุฒตาล อายุ 60 ปี ลุงที่โดนทำร้ายร่างกายเล่าว่า
ตนเองเป็นพนักงานภารโรงของสนามกีฬาดังกล่าวมานานกว่า 37 ปี กำลังจะเกษียณอายุเดือนกันยายนนี้
ขณะเกิดเหตุกำลังกวาดน้ำขังบนถนน ก่อนมีผู้ชุมนุมเข้ามาถามว่า “ทำไมต้องกวาดน้ำ” จึงตอบกลับไปว่า “น้ำท่วมเจิ่งนองถนน ให้ประชาชนเดินเข้างานสะดวก”
เมื่อผ่านไปสักพักก็มีคนเข้าตีศีรษะแตก โดยยังรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงถามไปว่า “ตีผมทำไม”
“ปกติผมจะใส่เสื้อสีตามวัน วันเกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์ก็ใส่เสื้อสีแดง ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้”
“เราคนไทยด้วยกัน มาตีผมเพื่ออะไร ผมไม่เข้าใจ เราคนไทยด้วยกันไม่จำเป็นต้องมาเลือกสี อยู่ด้วยกันแบบมิตรภาพดีกว่า มาทะเลาะกันทำไม”
เป็นอีกเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ชุมนุม และตำรวจอยู่ระหว่างติดตามหาตัวคนก่อเหตุ
ท่าทีจากนี้ของกลุ่มไทยภักดีที่เริ่มขยับและออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง
ด้วยจุดยืนพร้อมเคียงข้างสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบสุดตัว
สวนทางจุดยืนของคณะเยาวชน/ประชาชนปลดแอกโดยสิ้นเชิง
เสริมสร้างอุณหภูมิการเมืองทั้งในและนอกสภาร้อนระอุมากขึ้น
ส่วนจะถึงขั้นเป็นตัวชี้วัดอายุของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่
ต้องติดตามห้ามกะพริบตา