วิเคราะห์ : ปัดฝุ่น “รถยนต์ไฟฟ้า” ตั้งใจหรือฝันไป?

ทวีศักดิ์ บุตรตัน

กลับมาปั้นฝันกันใหม่อีกรอบหรือเปล่า หรือแค่คำพูดลอยๆ กับโครงการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า หลังจากคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกมาพูดว่า ในปี 2573 หรือ 10 ปีข้างหน้า ไทยจะผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 30 เปอร์เซ็นต์ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมด

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลชุดที่แล้วที่มีคุณสุริยะเป็นรัฐมนตรีว่ากระทรวงอุตสาหกรรม ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและประกาศแผนให้ประเทศไทยมียานยนต์ไฟฟ้าใช้ใน 3 ระยะด้วยกัน

ระยะสั้นๆ ระหว่างปี 2563-2564 จะมีรถไฟฟ้าใช้ในส่วนราชการ รถบัสสาธารณะ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารับจ้างสาธารณะ และรถส่วนบุคคลอื่นๆ ประมาณ 60,000-110,000 คัน

ระยะกลางระหว่างปี 2564-2571 จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดหรืออีโค อีวี (Economy Electric Vehicle) และรถบัสไฟฟ้า ประมาณ 25,000 คัน

ส่วนแผนระยะยาวในปี 2573 จะมียานยนต์ไฟฟ้า 750,000 คัน

บังเอิญว่าทั่วโลกเจอวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และบ้านเราปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ ข่าวการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าโดนกลบกระแส ไม่มีใครหยิบมาพูดถึงอีกเลย ประกอบกับตลาดรถยนต์ทรุดวูบ ยอดขายร่วงเหมือนกับธุรกิจอื่นๆ

 

แม้จะมีรัฐบาลชุดใหม่ แต่คุณสุริยะยังคงอยู่ตำแหน่งเดิม ซึ่งคุณสุริยะได้หยิบเรื่องยานยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่อีกรอบ ดูเหมือนว่าไม่ได้เป็นเป้าหมายหลักเพราะคุณสุริยะเน้นโครงการนำรถเก่ามาแลกรถใหม่มากกว่า

คุณสุริยะบอกว่า ต้องการช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ที่ประสบวิกฤตเศรษฐกิจ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงการคลังร่วมมือกัน ดึงรถเก่าๆ อายุ 15-20 ปี ออกจากถนน

โครงการนี้มีระยะเวลา 5 ปี ถ้าผ่านฉลุย คาดว่าจะนำรถเก่าราว 3 ล้านคันพ้นถนน

ในหลักการเบื้องต้นจะจัดตั้งกองทุนเพื่อระดมเงินในการบริหารจัดการซากรถเก่า

รูปแบบจะตั้งศูนย์รวบรวมกำจัดซากและการส่งเสริมให้เกิดโรงงานกำจัดซากเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีอยู่ 1 ราย คือ บริษัทกรีน เมทัลส์ ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ

การนำรถยนต์เก่ามาแลกรถยนต์ใหม่จะมี 2 ส่วน คือ สำหรับผู้ที่เสียภาษีอยู่แล้วสามารถนำเงินจากการซื้อรถใหม่ไปหักลดหย่อนภาษีปลายปีไม่เกิน 1 แสนบาท

ส่วนผู้ที่ไม่ได้เสียภาษีจะได้รับคูปองส่วนลดราคาเพื่อซื้อรถใหม่

สำหรับโครงการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า คุณสุริยะบอกว่า ต้องใช้เวลาในการวางโครงสร้างพื้นฐานรองรับและยังต้องรักษาฐานการผลิตรถยนต์ที่มีอยู่

ปัจจุบันไทยเป็นการฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญ ตามสถิติปี 2562 ไทยผลิตรถยนต์มากเป็นอันดับที่ 11 ของโลก

 

สรุปแล้ว คุณสุริยะมุ่งมั่นช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยังเป็นเครื่องยนต์สันดาป ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล น้ำมัน ก๊าซ ส่วนโครงการยานยนต์ไฟฟ้าคงต้องนอนฝันไปก่อน

ในความเป็นจริงช่วงนี้ควรเป็นจังหวะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะถ้าหากไม่ผลักดันโครงการยานยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง โอกาสประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเหมือนอย่างที่ฝันและหวังให้เป็นไปตามแผนทั้งระยะสั้น ระยะกลางหรือระยะยาวแทบเป็นไปไม่ได้เลย

การปลุกให้อุตสาหกรรมรถยนต์ในเมืองไทย เปลี่ยนรูปแบบการผลิตใหม่ ใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดน่าจะเป็นทิศทางอนาคตที่ดีกว่าเนื่องจากทั่วโลกจะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้นเพราะรถยนต์ไฟฟ้าลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิล

การเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าจึงเป็นเรื่องที่มีลำดับความสำคัญกว่าการนำรถเก่ามาแลกรถใหม่

เชื่อว่าระยะเวลา 5 ปีต่อจากนี้ไป หากรัฐบาลทุ่มสรรพกำลังพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจะพลิกโฉมหน้าของประเทศอย่างแน่นอน

ถึงเวลานั้นรัฐบาลควรวางโครงสร้างพื้นฐานสำหรับให้คนไทยใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ

คนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าควรจะได้รับการยกเว้นภาษี รัฐบาลจัดหาเงินอุดหนุนการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วประเทศโดยเบื้องต้นไม่คิดค่าใช้จ่าย

 

ในประเทศที่มีผู้นำวิสัยทัศน์ไกลจะใช้นโยบายโน้มน้าวให้คนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น อย่างเช่นรัฐบาลเยอรมนี ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับการยกเว้นภาษียานยนต์เป็นระยะเวลา 5-10 ปี และสนับสนุนเงินให้แก่ผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 5,000 ยูโร ถ้าเป็นรถยนต์ของบริษัทจะชดเชยให้ 3,000 ยูโร

คนขับรถยนต์ไฟฟ้าได้สิทธิไม่ต้องเสียค่าจอดรถ มีที่จอดรถพิเศษ หรือใช้ช่องทางเดินรถพิเศษ

เช่นเดียวกับรัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินสนับสนุนแก่ผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการลดหรือยกเว้นภาษีจากผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และมีมาตรการนำรถยนต์ทั่วไปคันเก่ามาแลกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่

รัฐบาลอังกฤษวางเป้าให้ประเทศปลอดจากมลพิษทางอากาศภายใน 30 ปีข้างหน้า จึงมุ่งมั่นโครงการรถยนต์ไฟฟ้า มีนโยบายออกเงินสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลาย เช่น อุดหนุนเงินสำหรับผู้ซื้อรถไฟฟ้าถึง 35% ของราคาเต็ม หรือตกราวๆ 130,000 บาท แต่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ผ่านมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม

รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ในอังกฤษ ตั้งราคาราวๆ คันละ 8 แสนบาท ถูกกว่ารถใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลถึง 2 เท่าตัว

ทางด้านรัฐบาลจีนส่งเสริมนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการอุดหนุนเงินให้ผู้ผลิตรถยนต์ที่ทำวิจัยและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า หรือให้เงินช่วยเหลือผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันละกว่า 1 แสนบาท

โลกใบใหม่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ จะเป็นโลกของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกลเท่านั้น