ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 กันยายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
กรณี ปรีดี ดาวฉาย
การบริหารแบบ ‘ประยุทธ์’
บริหาร โดยไม่บริหาร
ภายหลังการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของนายปรีดี ดาวฉาย มีการตั้งคำถามถึงสาเหตุตามมามากมาย
ไม่ว่าจะในเรื่องของสุขภาพ ไม่ว่าจะในเรื่องของความขัดแย้ง
แน่นอน กรณีของสุขภาพอาจได้รับการขยายและเน้นย้ำอย่างเป็นพิเศษ แต่คำถามที่ตามมาก็คือ เหตุใดอาการมินิสโตรก จึงรุนแรงกระทั่งมิอาจอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีได้
จำเป็นต้องขัดใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยการยื่นใบลาออก
กล่าวโดยสรุปแล้วมีความเป็นไปได้ว่า แม้สุขภาพจะเคยเป็นจุดอ่อน แต่อย่างน้อย นายปรีดี ดาวฉาย มีความมั่นใจว่าไม่น่าจะเป็นปัญหา จึงได้รับคำเชิญจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่แล้วเมื่อเข้าไปทำงานและประสบกับ “ปัญหา” เข้า อาการจึงได้รุนแรงจนมิอาจทำงานได้
นี่จึงเป็นปัญหาของนายปรีดี ดาวฉาย โดยตรง ไม่ว่าในด้านของสุขภาพ ไม่ว่าเมื่อเข้าดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
คำถามจึงอยู่ที่ว่า ใครทำให้ปัญหา “ขยาย” ถึงขั้นไม่อาจอยู่ในตำแหน่งได้
ปัญหาภายใน
ปัญหาการบริหาร
สังคมรับรู้ปัญหาแรกเมื่อนายปรีดี ดาวฉาย เสนอรายชื่อการโยกย้ายและแต่งตั้งตำแหน่งอธิบดีในกระทรวงการคลังแล้วถูกคัดค้านจนต้องนำมาทบทวนใหม่
คนที่คัดค้านใน ครม.เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
นี่ย่อมเป็นเรื่องน่าตื่นตระหนก มิใช่เพราะสะท้อนให้เห็นว่ารัฐมนตรีกับรัฐมนตรีช่วยมิได้มีการหารือและทำความตกลงกันมาก่อน
หากแต่ยังน่าตื่นตระหนกจากท่าทีของ “นายกรัฐมนตรี”
ปัญหาที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นไม่เพียงแต่ 1 เกิดการเบียดขับระหว่างรัฐมนตรีว่าการกับรัฐมนตรีช่วยว่าการภายในกระทรวงการคลัง
หากที่สำคัญยังอยู่ที่ “นายกรัฐมนตรี” บริหารจัดการอย่างไร
เรื่องแปลกเป็นอย่างยิ่งยังอยู่ที่ 1 นายกรัฐมนตรีสะท้อนให้เห็นว่ามิได้รับรู้ว่าปัญหาเกิดขึ้นอย่างไรในกระทรวงการคลังเท่านั้น หากแต่ยังมิได้ตัดสินใจ
นั่นก็คือ มิได้ใช้ภาวะ “ผู้นำ” อย่างเพียงพอ
อำนาจรัฐมนตรี
พลังพรรคการเมือง
ต้องยอมรับว่าเมื่อได้รับการทักท้วงในที่ประชุม ครม. ความมั่นใจในอำนาจตนเองของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังย่อมถูกบั่นทอนอย่างเด่นชัด
เป็นการบั่นทอนจากรัฐมนตรีช่วยว่าการของตน
กรณีนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของรัฐมนตรีช่วยว่าการซึ่งน่าจะเป็นรองเมื่อเปรียบเทียบกับรัฐมนตรีว่าการ แต่ก็เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการจากพรรคการเมืองสำคัญ
นั่นก็คือ เป็น ส.ส.และเป็นผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ
ยิ่งมีข่าวตามมายืนยันว่าบทบาทในการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งสำคัญภายในกระทรวงควรจะกำหนดมาจากพรรคพลังประชารัฐ
ยิ่งทำให้นายปรีดี ดาวฉาย ยิ่งตื่นตระหนก
เพราะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คือบทบาทที่แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีก็ต้องเกรงใจ
เช่นนี้อาการของมินิสโตรกก็ยิ่งสโตรกอย่างหนักหน่วง
หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
บทบาทนายกรัฐมนตรี
การลาออกของนายปรีดี ดาวฉาย มีผลกระทบโดยตรงต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าในฐานะของนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าในฐานะของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
เพราะว่านายปรีดี ดาวฉาย มาตามคำเชิญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพราะว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไปด้วยในขณะเดียวกัน
แต่เมื่อประสบกับบทบาทของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
นายปรีดี ดาวฉาย ย่อมรับรู้ว่าไม่ว่าในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่
เพราะพรรคประชาธิปัตย์ก็คุมกระทรวงหนึ่ง เพราะพรรคภูมิใจไทยก็คุมกระทรวงหนึ่ง
ในที่สุด กระทรวงพาณิชย์ก็คุมไม่ได้ ในที่สุดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็คุมไม่ได้ ในที่สุดกระทรวงคมนาคมก็คุมไม่ได้ ในที่สุดกระทรวงอุตสาหกรรมก็คุมไม่ได้
และเมื่อกระทรวงการคลังมีปัญหาก็ไม่อาจได้อีกเช่นเดียวกัน
บริหารแบบประยุทธ์
บริหารโดยไม่บริหาร
จากหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มายังหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
รับผิดชอบงานการเมือง รับผิดชอบงานเศรษฐกิจ
ผลงานเศรษฐกิจเป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเป็นที่ซาบซึ้งอย่างยิ่งในยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งงานการเมือง ทั้งงานด้านเศรษฐกิจ
กรณีของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล กรณีของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาถึงกรณีของนายปรีดี ดาวฉาย ทำให้สังคมได้มองเห็นเด่นชัดในกระบวนการบริหารจัดการ
นั่นก็คือ เป็นการบริหารโดยไม่บริหาร
กว่า 12 ปี ของการจัดงาน Healthcare เครือมติชนร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ส่งต่อความรู้และให้บริการสุขภาพแก่คนไทยในทุกมิติ ทั้งการป้องกัน ดูแล และรักษา โดยเฉพาะการบริการตรวจสุขภาพฟรีจากสถานพยาบาลชั้นนำ เวิร์กชอป ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ รวมถึงการยกระดับเวทีเสวนาให้เป็น “Health Forum” เปิดเวทีให้แพทย์ และ Speaker ระดับประเทศ มาร่วมพูดคุยถึงแนวทางการป้องกัน การรักษา และนำเสนอนวัตกรรมทางการแพทย์ รวมถึงเรื่องราวสุขภาพในแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่จะมาให้อัปเดตตลอด 4 วันของการจัดงาน เดินทางสะดวกโดยทางด่วนและ MRT ลงสถานีสามย่าน ทางออกที่ 2