กรองกระแส / กรณี ปรีดี ดาวฉาย การบริหารแบบ ‘ประยุทธ์’ บริหาร โดยไม่บริหาร

กรองกระแส

 

กรณี ปรีดี ดาวฉาย

การบริหารแบบ ‘ประยุทธ์’

บริหาร โดยไม่บริหาร

 

ภายหลังการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของนายปรีดี ดาวฉาย มีการตั้งคำถามถึงสาเหตุตามมามากมาย

ไม่ว่าจะในเรื่องของสุขภาพ ไม่ว่าจะในเรื่องของความขัดแย้ง

แน่นอน กรณีของสุขภาพอาจได้รับการขยายและเน้นย้ำอย่างเป็นพิเศษ แต่คำถามที่ตามมาก็คือ เหตุใดอาการมินิสโตรก จึงรุนแรงกระทั่งมิอาจอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีได้

จำเป็นต้องขัดใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยการยื่นใบลาออก

กล่าวโดยสรุปแล้วมีความเป็นไปได้ว่า แม้สุขภาพจะเคยเป็นจุดอ่อน แต่อย่างน้อย นายปรีดี ดาวฉาย มีความมั่นใจว่าไม่น่าจะเป็นปัญหา จึงได้รับคำเชิญจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แต่แล้วเมื่อเข้าไปทำงานและประสบกับ “ปัญหา” เข้า อาการจึงได้รุนแรงจนมิอาจทำงานได้

นี่จึงเป็นปัญหาของนายปรีดี ดาวฉาย โดยตรง ไม่ว่าในด้านของสุขภาพ ไม่ว่าเมื่อเข้าดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

คำถามจึงอยู่ที่ว่า ใครทำให้ปัญหา “ขยาย” ถึงขั้นไม่อาจอยู่ในตำแหน่งได้

 

ปัญหาภายใน

ปัญหาการบริหาร

สังคมรับรู้ปัญหาแรกเมื่อนายปรีดี ดาวฉาย เสนอรายชื่อการโยกย้ายและแต่งตั้งตำแหน่งอธิบดีในกระทรวงการคลังแล้วถูกคัดค้านจนต้องนำมาทบทวนใหม่

คนที่คัดค้านใน ครม.เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

นี่ย่อมเป็นเรื่องน่าตื่นตระหนก มิใช่เพราะสะท้อนให้เห็นว่ารัฐมนตรีกับรัฐมนตรีช่วยมิได้มีการหารือและทำความตกลงกันมาก่อน

หากแต่ยังน่าตื่นตระหนกจากท่าทีของ “นายกรัฐมนตรี”

ปัญหาที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นไม่เพียงแต่ 1 เกิดการเบียดขับระหว่างรัฐมนตรีว่าการกับรัฐมนตรีช่วยว่าการภายในกระทรวงการคลัง

หากที่สำคัญยังอยู่ที่ “นายกรัฐมนตรี” บริหารจัดการอย่างไร

เรื่องแปลกเป็นอย่างยิ่งยังอยู่ที่ 1 นายกรัฐมนตรีสะท้อนให้เห็นว่ามิได้รับรู้ว่าปัญหาเกิดขึ้นอย่างไรในกระทรวงการคลังเท่านั้น หากแต่ยังมิได้ตัดสินใจ

นั่นก็คือ มิได้ใช้ภาวะ “ผู้นำ” อย่างเพียงพอ

 

อำนาจรัฐมนตรี

พลังพรรคการเมือง

ต้องยอมรับว่าเมื่อได้รับการทักท้วงในที่ประชุม ครม. ความมั่นใจในอำนาจตนเองของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังย่อมถูกบั่นทอนอย่างเด่นชัด

เป็นการบั่นทอนจากรัฐมนตรีช่วยว่าการของตน

กรณีนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของรัฐมนตรีช่วยว่าการซึ่งน่าจะเป็นรองเมื่อเปรียบเทียบกับรัฐมนตรีว่าการ แต่ก็เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการจากพรรคการเมืองสำคัญ

นั่นก็คือ เป็น ส.ส.และเป็นผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ

ยิ่งมีข่าวตามมายืนยันว่าบทบาทในการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งสำคัญภายในกระทรวงควรจะกำหนดมาจากพรรคพลังประชารัฐ

ยิ่งทำให้นายปรีดี ดาวฉาย ยิ่งตื่นตระหนก

เพราะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คือบทบาทที่แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีก็ต้องเกรงใจ

เช่นนี้อาการของมินิสโตรกก็ยิ่งสโตรกอย่างหนักหน่วง

 

หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

บทบาทนายกรัฐมนตรี

การลาออกของนายปรีดี ดาวฉาย มีผลกระทบโดยตรงต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าในฐานะของนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าในฐานะของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

เพราะว่านายปรีดี ดาวฉาย มาตามคำเชิญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เพราะว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไปด้วยในขณะเดียวกัน

แต่เมื่อประสบกับบทบาทของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

นายปรีดี ดาวฉาย ย่อมรับรู้ว่าไม่ว่าในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่

เพราะพรรคประชาธิปัตย์ก็คุมกระทรวงหนึ่ง เพราะพรรคภูมิใจไทยก็คุมกระทรวงหนึ่ง

ในที่สุด กระทรวงพาณิชย์ก็คุมไม่ได้ ในที่สุดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็คุมไม่ได้ ในที่สุดกระทรวงคมนาคมก็คุมไม่ได้ ในที่สุดกระทรวงอุตสาหกรรมก็คุมไม่ได้

และเมื่อกระทรวงการคลังมีปัญหาก็ไม่อาจได้อีกเช่นเดียวกัน

 

บริหารแบบประยุทธ์

บริหารโดยไม่บริหาร

จากหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มายังหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี

รับผิดชอบงานการเมือง รับผิดชอบงานเศรษฐกิจ

ผลงานเศรษฐกิจเป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเป็นที่ซาบซึ้งอย่างยิ่งในยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งงานการเมือง ทั้งงานด้านเศรษฐกิจ

กรณีของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล กรณีของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาถึงกรณีของนายปรีดี ดาวฉาย ทำให้สังคมได้มองเห็นเด่นชัดในกระบวนการบริหารจัดการ

           นั่นก็คือ เป็นการบริหารโดยไม่บริหาร

 


กว่า 12 ปี ของการจัดงาน Healthcare เครือมติชนร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ส่งต่อความรู้และให้บริการสุขภาพแก่คนไทยในทุกมิติ ทั้งการป้องกัน ดูแล และรักษา โดยเฉพาะการบริการตรวจสุขภาพฟรีจากสถานพยาบาลชั้นนำ เวิร์กชอป ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ รวมถึงการยกระดับเวทีเสวนาให้เป็น “Health Forum” เปิดเวทีให้แพทย์ และ Speaker ระดับประเทศ มาร่วมพูดคุยถึงแนวทางการป้องกัน การรักษา และนำเสนอนวัตกรรมทางการแพทย์ รวมถึงเรื่องราวสุขภาพในแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่จะมาให้อัปเดตตลอด 4 วันของการจัดงาน เดินทางสะดวกโดยทางด่วนและ MRT ลงสถานีสามย่าน ทางออกที่ 2