ในประเทศ : “ยิ่งลักษณ์” ปะทะ “บิ๊กตู่” หมัดตรง “เรือดำน้ำ” ดวลหมัด “จำนำข้าว”

การออกโรงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อกรณีเรือดำน้ำ สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับรัฐบาล คสช. หลายแมกนิจูด

ไม่เช่นนั้นท่านผู้นำระดับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คงไม่กระโดดลงมาร่ายรำด้วยตัวเอง

แลกหมัดซัดกันนัวระหว่างโครงการรับจำนำข้าวกับโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ แถมด้วยโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค

สิ่งสำคัญทำให้ “หมัดตรง” ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อกรณีเรือดำน้ำมีน้ำหนักทรงพลังดุจค้อนเหล็ก ก็เพราะคนปล่อยหมัดไม่ใช่แค่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

แต่ยังเคยดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหมอีกด้วย

นั่นหมายถึงบรรดาทหาร “นายพล” ใน คสช. และ 3 เหล่าทัพ บก เรือ อากาศ รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

ล้วนเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทั้งสิ้น

ถามว่า แล้วคนเคยเป็นนายกฯ และ รมว.กลาโหมจะไร้เดียงสา บ้าๆ บอๆ ไม่เข้าใจความจำเป็นของกองทัพเรือที่ต้องการมีเรือดำน้ำไว้ครอบครองอย่างนั้นหรือ

คำตอบคือ ไม่น่าใช่

แล้วอะไรทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมาคัดค้าน ท้วงติง แสดงความไม่เห็นด้วย กระทั่งในสมัยตนเองอยู่ในอำนาจก็ยังขอให้กองทัพเรือชะลอจัดซื้อไปก่อน

“ในฐานะอดีต รมว.กลาโหมเข้าใจความต้องการมีเรือดำน้ำไว้เพื่อป้องกันประเทศ เพื่อความมั่นคง แต่วันนี้บ้านเมืองยังอยู่ในสภาวะปกติ อาจมีบางส่วนชะลอได้ แล้วนำงบฯ ไปใช้ในสิ่งที่เร่งด่วนกว่า วันข้างหน้าหากมีงบฯ มีความสามารถหารายได้มากขึ้น ก็สามารถซื้อสิ่งที่ต้องการหรือต้องใช้ในอนาคตได้”

ชัดเจนว่าเป็นการวางน้ำหนักไปยังเรื่องความจำเป็น เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน

แม้การอนุมัติจัดซื้อเรือดำน้ำจะดำเนินไปอย่าง “ปิดลับ” ภายใต้ข้ออ้างเอกสาร “มุมแดง”

แต่ท่าทีแสดงออกถึงการคัดง้างของ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับเปิดเผย

ตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง

กระบวนท่าหมัดเรือดำน้ำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ปล่อยออกมากระแทกใส่ปลายคางรัฐบาล คสช.

ได้รับการตอบโต้ด้วยความรุนแรงระดับเดียวกัน จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม

ด้วยหมัดโครงการรับจำนำข้าว

พล.อ.ประยุทธ์แถลงตอนหนึ่งหลังประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงว่า สิ่งสำคัญที่จะพัฒนาประเทศและดูแลประชาชนได้มากที่สุดคือการสร้างเสถียรภาพทางการเมืองและความมั่นคง อันนำไปสู่การแก้ปัญหาในเรื่องอื่นๆ

ก่อนจะระบุพาดพิงถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมาว่า คือต้นเหตุของการสูญเสียงบประมาณจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลชุดนี้ต้องผ่อนชำระ ชดใช้หนี้ในระบบการเงินการคลังของประเทศ จนทำให้หลายอย่างติดขัด

กระทั่งมีผู้ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ขัดแย้งกันเองในตัว เพราะในขณะที่อ้างว่าหลายอย่างติดขัด แต่โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำละกว่า 1.3 หมื่นล้าน กลับผ่านไปได้อย่างราบรื่น

หมัดตอบโต้ที่มาจาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีลักษณะประสานคล้องจองกับท่วงทำนองเพลงหมัดของ พล.อ.ประวิตร ที่กล่าวเปรียบเทียบมูลค่าความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวกับราคาเรือดำน้ำ

“ถ้าเอาเงินที่เสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวมาซื้อเรือดำน้ำ จะซื้อได้ประมาณ 50 ลำ”

และยังว่า

“เรือดำน้ำที่ซื้อมาเพื่อให้กองทัพเข้มแข็ง เป็นการพัฒนากองทัพ ผมไม่เห็นว่าเสียหายตรงไหน เสียเงินไปแต่ได้ของมา แต่โครงการจำนำข้าว เงินหายไปหมด ไปไม่ถึงประชาชน เงินหายไปไหน ขาดทุน 5 แสนล้าน อยากให้ไปตอบพนักงานสอบสวน ไม่ต้องออกมาแบบนี้”

แล้วก็เป็น พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่ยอมปล่อยให้ประเด็นกล่าวหารัฐบาลมีแนวคิดที่จะยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค หรือลดสิทธิบัตรทอง เงียบหายไปแบบคลุมเครือ

“ขอให้ประชาชนไปจับคนที่พูดมาตบปากสักที” นายกฯ และหัวหน้า คสช. กล่าวระหว่างเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ 1 พฤษภาคม

นับตั้งแต่รัฐบาล คสช. เข้ามาบริหารประเทศ เกิดข่าวสะพัดเรื่องการยกเลิกโครงการ 30 บาทแล้วหลายครั้ง ไม่แน่ชัดว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เช่นเดียวกับข่าวลือรัฐบาลถังแตก

แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องของกลอนพาไป เหมือนช่วงต้นปี 2559 ที่มีคนในรัฐบาลตอบคำถามด้วยคำถาม

เรื่องการใช้งบฯ อุดหนุนชาวนาและชาวสวนยางพารา ที่ประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำว่า จะให้เอาเงินมาจากไหน หรือจะยกเลิกโครงการ 30 บาท

การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร่วมกันหยิบยกโครงการรับจำนำข้าวขึ้นมาสวนกลับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในกรณีเรือดำน้ำ

ด้านหนึ่ง สร้างความสะใจให้บรรดากองเชียร์รัฐบาล คสช.

แต่อีกด้านหนึ่ง กลับมีคนเห็นว่า เป็นแค่การตอบโต้ทางการเมือง นำจุดแข็งฝ่ายตรงข้ามมาแปลงเป็นจุดอ่อน สร้างความชอบธรรมกลบกระแสเคลือบแคลงของสังคม

ทั้งที่ข้อโต้ตอบดังกล่าวไม่ได้เป็นการตอบคำถามใดๆ ไม่ว่าในแง่การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา ความจำเป็น ความสอดคล้องกับฐานะเศรษฐกิจของประเทศ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีชีวิตความเป็นอยู่ยากลำบาก

น.ส.ยิ่งลักษณ์ โพสต์ข้อความตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นการนำเงินทุกบาทโอนผ่าน ธ.ก.ส. จ่ายถึงมือชาวนาโดยตรง ช่วยให้ชาวนานับล้านครัวเรือนมีโอกาสลืมตาอ้าปาก ส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น

ต่างกับในบางรัฐบาลบริหารประเทศมา 3 ปี พบปัญหาเศรษฐกิจต้องแก้ไข แต่กลับใช้เงินงบประมาณจำนวนมากไปกับการซื้อรถถัง-เรือดำน้ำ ที่เต็มไปด้วยข้อคับข้องใจ

แน่นอนว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำ เป็นเรื่องยากจะตัดสินได้ชัดเจนในเวลานี้ว่าใครถูก ใครผิด

แต่สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายสะท้อนออกมา ได้แสดงให้เห็นถึงแนวคิดในการดำเนินนโยบายบริหารประเทศระหว่างรัฐบาลทหาร กับรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง

ใครให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่ากัน