รายงานพิเศษ / โชคชัย บุณยะกลัมพ/เฟซบุ๊กฟ้องรัฐบาลไทย ปกป้องรักษาสิทธิเสรีภาพ

รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ

https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/

เฟซบุ๊กฟ้องรัฐบาลไทย

ปกป้องรักษาสิทธิเสรีภาพ

 

ความขัดแย้งระหว่าง “เฟซบุ๊ก” กับรัฐบาลไทย อาจจะบานปลาย ขยายวงกว้าง

เมื่อเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดฮิตพร้อมสู้ ไม่ทำตามคำสั่งศาลที่ให้ลบเนื้อหาไม่เหมาะสม พร้อมขู่ว่าจะฟ้องและอาจจะส่งผลต่อการลงทุนในประเทศไทย หลังรัฐบาลไทยสั่งให้เฟซบุ๊กทำการบล็อกกลุ่ม “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส”

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากสถานการณ์ม็อบที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างในทางการเมือง มีการชุมนุมและเรียกร้องทางการเมืองของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ที่เรียกตนเองว่า คณะประชาชนปลดแอก

ยื่นเสนอ 3 ข้อเรียกร้อง 2 หลักการ และ 1 ความฝันเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการแสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว และผูกโบสีขาว เพื่อเรียกร้องทางการเมือง และปฏิรูปการศึกษา

จนเกิดเป็นความเห็นที่แตกต่างกันอย่างกว้างขวางในสังคม

มีการใช้การสื่อสารของโลกโซเชียลจำนวนมากเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมืองทั้งความจริง

และบางข้อมูลที่ฝ่ายรัฐมองว่าเป็นข้อมูลที่บิดเบือนความจริง ทำให้มีคนเข้าใจผิด อาจทำให้รู้สึกโกรธ สับสน และไม่เข้าใจ การออกมาชุมนุมแสดงสิทธิของตัวเอง แม้ทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย แต่สิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันคือ เราเห็นแตกต่างทางการเมืองได้ แต่ไม่ควรล่วงเกินหรือละเมิดสิทธิของคนอื่น รวมไปถึงสถาบัน

 

จึงมีการลุยปราบเว็บผิดกฎหมายของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

โดยอ้างว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันมีกระแสทางออนไลน์ที่ส่งผลกระทบต่อความสงบสุขของสังคมจำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด

โดยอ้างว่า ในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาก็มีการฟ้องกันเอง แม้แต่ตัวประธานาธิบดีสหรัฐก็ยังมีการฟ้องร้องเครือข่าย มีการบล็อก มีการปิด และมีผู้นำบางประเทศถูกสั่งปิดทวิตเตอร์ เพราะใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จออกมา

มีการส่งข้อมูลและแจ้งเบาะแสสื่อสังคมออนไลน์ผิดกฎหมายเข้ามาทางเพจ อาสา จับตา ออนไลน์ของดีอีเอส จำนวน 3,083 ยูอาร์แอล

หลังจากตรวจสอบแล้วดีอีเอสอ้างว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดกฎหมาย คือมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวนทั้งสิ้น 1,395 ยูอาร์แอล

แบ่งเป็น เฟซบุ๊ก 1,014 ยูอาร์แอล, ยูทูบ จำนวน 226 ยูอาร์แอล, ทวิตเตอร์ จำนวน 121 ยูอาร์แอล, เว็บไซต์ จำนวน 25 ยูอาร์แอล และติ๊กต็อก 9 ยูอาร์แอล

มีข้อความที่หมิ่นเหม่ในเฟซบุ๊ก 1,120 ยูอาร์แอล ซึ่งได้ดำเนินการยื่นเพื่อขอคำสั่งศาลแล้ว และศาลมีคำสั่งปิดหรือลบข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์และเว็บผิดกฎหมายแล้วทั้งสิ้น 653 ยูอาร์แอล

รวมทั้งกลุ่มของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ที่ทางเฟซบุ๊กได้ทำการลบออกจากระบบเนื่องจากดีอีเอสมีคำสั่งศาลระบุว่ามีความผิด

ส่วนทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ก็ได้ดำเนินคดีกับแอดมินและผู้เกี่ยวข้องกับกลุ่มเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส” ฐานเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคง จนอาจสร้างความสับสนให้กับผู้คนในสังคม

มีการกล่าวหานายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการและผู้ลี้ภัยทางการเมือง ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา เบื้องต้นตรวจสอบแล้วมี 6 ประเด็นที่เข้าข่ายความผิด

ทั้งนี้ ยังตรวจสอบพบว่ามีอีกหลายกลุ่มที่มีความผิดลักษณะเดียวกับกลุ่มรอยัลลิสต์

ทางด้านกระทรวงดีอีเอสยังเตรียมประสานไปยังผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเพื่อปิดกั้นเว็บไซต์ที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในกรณีมีหมายศาลแจ้งไปแล้วไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน จะใช้อำนาจตาม ม.27 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเช่นกัน

 

จากกรณีนี้ เฟซบุ๊กออกแถลงการณ์และส่งถึงซีเอ็นเอ็น บิสซิเนส ระบุว่า หลังจากทบทวนอย่างระมัดระวังแล้ว เฟซบุ๊กได้พิจารณาแล้วว่าได้ถูกบังคับให้จำกัดถึงการเข้าถึงเนื้อหา ที่รัฐบาลไทยระบุว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเฟซบุ๊กหมายถึงกลุ่ม “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส” ที่มีสมาชิกอยู่ราว 1 ล้านคน ทำให้คนในประเทศไทยไม่สามารถเปิดเข้าไปดูในกลุ่มดังกล่าวได้

จากการที่เฟซบุ๊กถูกกดดันจากรัฐบาลไทยให้จำกัดการปราศรัยทางการเมืองบางประเภทในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลไทยได้ขู่ที่จะดำเนินคดีทางอาญาต่อตัวแทนของเฟซบุ๊กในประเทศไทย และตอนนี้ทางเฟซบุ๊กกำลังพิจารณาที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับรัฐบาลไทย เพราะข้อเรียกร้องของรัฐบาลไทยถือว่ารุนแรง ฝ่าฝืนต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และยังส่งผลกระทบต่อเสรีภาพการแสดงออกของผู้คน

โดยเฟซบุ๊กระบุว่า “เราทำงานเพื่อปกป้องและคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตทั้งหมด และเตรียมที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อข้อเรียกร้องครั้งนี้”

ขณะที่เฟซบุ๊ก ประเทศไทย ก็เผยแพร่แถลงการณ์ว่า

“เฟซบุ๊กมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องและรักษาไว้ซึ่งสิทธิต่างๆ ของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตทุกคน ขณะนี้เรากำลังเตรียมความพร้อมเพื่อโต้แย้งในข้อกฎหมายต่อข้อเรียกร้องครั้งนี้ การแทรกแซงที่เกินขอบเขตของรัฐบาล กรณีนี้ยังถือเป็นการบั่นทอนความสามารถของเฟซบุ๊กในการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ตลอดถึงการดำเนินงานของสำนักงานในประเทศไทย การคุ้มครองดูแลพนักงานของบริษัท และการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนโดยตรงต่อธุรกิจต่างๆ ที่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก”

 

หลังจากมีแถลงการณ์ของเฟซบุ๊ก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้ออกมาแถลงเช่นกัน โดยระบุว่า ทั้งหมดก็มาจากเพจกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส ซึ่งก็รู้ว่าใครเป็นผู้ขับเคลื่อนเพจดังกล่าว ก็คือนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ซึ่งคนเหล่านี้ทุกคนก็รู้อยู่ว่าเป็นอย่างไร แล้ววันนี้อยู่ที่ไหน แล้วเขารับผิดชอบความเสียหายกับประเทศชาติของเราหรือเปล่า

“การที่เราดำเนินการในเรื่องของเพจต่างๆ เหล่านี้ เป็นการดำเนินการตามกฎหมายไทย ไม่เคยไปใช้อำนาจที่เรียกว่าเผด็จการ ซึ่งผมไม่ได้มีแล้ว เป็นการขอคำสั่งศาล เราสามารถยืนยันได้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายไทย หากมีการฟ้องร้องเราก็ต้องใช้กฎหมายไทยไปสู้ในทางกฎหมายของเรา”

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ฝ่ายรัฐบาลมีการแถลงข่าวการระงับการแพร่หลายข้อมูลคอมพิวเตอร์ และมีหนังสือแจ้งเตือนการปิดกั้นตามคำสั่งศาลอีก จำนวน 1,024 รายการ (ยูอาร์แอล) ไปยังสื่อสังคมออนไลน์/เว็บไซต์ต่างๆ

แบ่งเป็น เฟซบุ๊ก จำนวน 661 รายการ, ยูทูบ 289 รายการ, ทวิตเตอร์ 69 รายการ และเว็บอื่นๆ จำนวน 5 รายการ

มีการย้ำให้ทุกแพลตฟอร์มต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล

กว่า 12 ปี ของการจัดงาน Healthcare เครือมติชนร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ส่งต่อความรู้และให้บริการสุขภาพแก่คนไทยในทุกมิติ ทั้งการป้องกัน ดูแล และรักษา โดยเฉพาะการบริการตรวจสุขภาพฟรีจากสถานพยาบาลชั้นนำ เวิร์กชอป ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ รวมถึงการยกระดับเวทีเสวนาให้เป็น “Health Forum” เปิดเวทีให้แพทย์ และ Speaker ระดับประเทศ มาร่วมพูดคุยถึงแนวทางการป้องกัน การรักษา และนำเสนอนวัตกรรมทางการแพทย์ รวมถึงเรื่องราวสุขภาพในแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่จะมาให้อัปเดตตลอด 4 วันของการจัดงาน เดินทางสะดวกโดยทางด่วนและ MRT ลงสถานีสามย่าน ทางออกที่ 2
ลงทะเบียนเข้างานฟรี มีต้นไม้แจกด้วยนะ (จำนวนจำกัด)