ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 สิงหาคม - 3 กันยายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ |
ผู้เขียน | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ |
เผยแพร่ |
นอกจากผลงานศิลปะดิจิตอลของชวลิต เสริมปรุงสุขแล้ว ภายในนิทรรศการ Rest in Progress ยังมีการจัดฉายภาพยนตร์สารคดี “Whether Art is Life or Not” ที่ว่าด้วยชีวิต ความรู้สึกนึกคิด และกระบวนการสร้างผลงานของชวลิต เสริมปรุงสุข ในอัมสเตอร์ดัม
ซึ่งเป็นผลงานของนวลขนิษฐ์ พรหมจรรยา และจักริน เทพวงค์ นักทำสารคดีหน้าใหม่ผู้สนใจและเฝ้าติดตามชีวิตและการทำงานของศิลปินผู้นี้อย่างใกล้ชิด
โดยนวลขนิษฐ์กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของสารคดีเรื่องนี้ของเธอว่า
“Whether Art is Life or Not เป็นผลงานที่ต่อเนื่องจากหนังสั้น Whether it is Art or Not ที่ทำขึ้นในปี 2559 คือตอนไปเรียนอัมสเตอร์ดัมและได้รู้จักกับอาจารย์ชวลิต พอได้คุยกันก็รู้สึกว่าอาจารย์มีความน่าสนใจ ก็เลยติดตามอาจารย์ไปเรื่อยๆ แล้วถ่ายวิดีโอเก็บเอาไว้ พอเราได้ทุนทำงานศิลปะจาก Amsterdam Fund for the Arts ก็เลยเอาฟุตเทจเหล่านั้นทำออกมาเป็นหนังสั้น ที่แสดงมุมมองที่เรามีเกี่ยวกับศิลปินคนนี้ ที่มีชื่อเสียงในฐานะศิลปินแห่งชาติในเมืองไทย แต่ที่เนเธอร์แลนด์เขากลับอยู่อย่างสันโดษมากๆ เราสนใจในมุมของความเป็นโลกสองใบที่แตกต่างกันของเขา
พอได้ทำหนังก็เข้าใจตัวตนและวิธีการทำงานของอาจารย์มากขึ้น พอดีตอนนั้นเป็นช่วงที่อาจารย์บริจาคทรัพย์สินและผลงานให้กระทรวงวัฒนธรรมไปหมดแล้ว และหันมาทำงานดิจิตอล เหมือนกับอาจารย์ตัดสินใจเตรียมพร้อมที่จะตาย ซึ่งการทำงานดิจิตอลไม่ต้องการพื้นที่เยอะ และสามารถอยู่ไปได้เรื่อยๆ เหมือนลึกๆ แล้วอาจารย์อยากให้งานของตัวเองอยู่ไปนานๆ
ต่อมาเราก็ได้เอาหนังสารคดีเรื่องนี้มาฉายที่เมืองไทยที่ BANGKOK CITYCITY GALLERY หลังจากนั้นก็พัฒนาโครงการนี้ต่อจนกลายเป็น Whether Art is Life or Not หนังสารคดีขนาดความยาว 80 นาที โดยได้ทุนจากกระทรวงวัฒนธรรม และนำไปฉายที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน และหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (Bacc) พร้อมกับฉายในนิทรรศการครบรอบอายุ 80 ปีของอาจารย์ชวลิตอีกด้วย”
ท้ายที่สุด ในนิทรรศการครั้งนี้ยังมีการจัดแสดงและจำหน่ายหนังสือ Rest in Progress R.I.P. ที่รวบรวมผลงานศิลปะดิจิตอลและภาพถ่ายของชวลิต เสริมปรุงสุข ตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งศิลปินมุ่งหวังให้หนังสือเล่มนี้เกิดประโยชน์ต่อวงการศิลปะร่วมสมัยของไทยและศิลปินไทยรุ่นใหม่ๆ ให้ได้ศึกษากระบวนการคิดเบื้องหลังในการผลิตผลงานชุดนี้ของเขา
เมื่อจัดพิมพ์เสร็จ หนังสือชุดนี้จะถูกแจกจ่ายไปตามห้องสมุดสาธารณะและสถาบันศิลปะทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศไทย และส่วนหนึ่งจะนำออกจำหน่ายผ่านทางช่องทางต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศโดยไม่หวังผลกำไร หากแต่มุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนในวงกว้าง ซึ่งได้รับการสนับสนุนการจัดพิมพ์โดยพิพิธภัณฑ์ศิลปะ MOCA กรุงเทพฯ
โดยสองนักออกแบบแห่ง Studio 150 ผู้ออกแบบหนังสือกล่าวถึงที่มาที่ไปของหนังสือเล่มนี้ว่า
“ย้อนกลับไปในปี 2559 เราได้ทำหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Whether It is Art or Not ที่เป็นหนังสือรวบรวมผลงานของอาจารย์ชวลิตในช่วงปี 2556-2559 และเหมือนการสังเกตการณ์ของเราที่มีต่องานในยุคดิจิตอลของอาจารย์ออกมา เพราะเราสังเกตเห็นงานที่อาจารย์โพสต์ลงเฟซบุ๊กบ่อยมาก เราเลยสนใจว่าศิลปินแห่งชาติที่อายุขนาดนี้ยังใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางในการนำเสนอผลงานของตัวเอง ประจวบกับ (เบล) นวลขนิษฐ์ทำสารคดีเกี่ยวกับอาจารย์ขึ้นมาพอดี ก็เลยกลายเป็นโครงการร่วมที่มีการแบ่งปันข้อมูลและวัตถุดิบซึ่งกันและกัน โดยเปิดตัวหนังสือเล่มนี้และจัดฉายหนังสารคดีที่ BANGKOK CITYCITY GALLERY
หลังจากนั้น พออาจารย์ได้เห็นหนังสือ ก็เลยได้มีโอกาสรู้จักกันและอาจารย์ก็ชักชวนเราว่ามีโครงการอยากจะทำหนังสือรวบรวมผลงานในช่วงหลังอย่างจริงจัง และอาจารย์คิดว่าคงเป็นหนังสือที่รวบรวมผลงานครั้งสุดท้ายแล้ว เลยอยากทำให้เป็นหนังสือที่มีคุณภาพให้เป็นมาตรฐานของ Artist”s book (หนังสือศิลปิน) ในประเทศไทย ซึ่งเป็นการรวบรวมผลงานในช่วงปี 2560-2562 ก่อนที่อาจารย์จะทำผลงานภาพพิมพ์ดิจิตอลที่แสดงในนิทรรศการ 80+ Chavalit Soemprungsuk Art Festival
ในการทำงานร่วมกัน อาจารย์ให้อิสระกับเรามาก เพราะอยากให้หนังสือเล่มนี้เป็นมุมมองของคนรุ่นใหม่จริงๆ อาจารย์แค่บอกความต้องการคร่าวๆ ว่าอยากได้หนังสือปกแข็ง ที่รวบรวมผลงานรวมถึงข้อเขียนและภาพถ่าย ทางเราก็คิดคอนเซ็ปต์ว่าจะเล่าเรื่องอย่างไร หน้าตาเป็นยังไง
สุดท้ายเรามองว่าหนังสือเล่มนี้อาจจะเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของอาจารย์ เราเลยออกแบบด้วยการเล่าเรื่องย้อนกลับไปสู่ชีวิตและวิธีคิดของอาจารย์ และออกแบบแต่ละบทในหนังสือให้เป็นเหมือนปัจจัยในผลงานทั้งหลายของอาจารย์ ทั้งชนิด รูปแบบ รูปทรง สีสัน หรือหัวข้อในการทำงาน
พอเราแบ่งแบบนี้เลยทำให้เราสามารถเล่าเรื่องราวชีวิตการทำงานของอาจารย์ได้ ทั้งกระบวนการทำงาน มุมมองส่วนตัว หรือแม้กระทั่งแนวคิดในการเตรียมพร้อมที่จะตาย เหมือนเป็นมรณสติในการเตรียมตัวที่จะจากโลกนี้ไป เลยตั้งชื่อว่า Rest in Progress หรือกระบวนการของการเตรียมตัวที่จะตาย ซึ่งใช้ชื่อย่อล้อไปกับคำว่า R.I.P. (การพักผ่อนอย่างสงบสุขหลังความตาย) ซึ่งเราได้แรงบันดาลใจจากข้อเขียนของอาจารย์ที่ว่า “ในพจนานุกรมฉบับศิลปิน รีไทร์แปลว่าตาย” (The Artist”s Dictionary “Retire” Means “Die”)
เราอยากแสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องยาวนานในการทำงานของอาจารย์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเป็นศิลปิน ที่ไม่ได้ทำงานแค่ครั้งเดียวแล้วดังเปรี้ยงปร้างแล้วก็จบ แต่เป็นการทำงานอย่างสม่ำเสมอ และใช้ชีวิตกับศิลปะตลอดชั่วชีวิต”
นิทรรศการ Rest in Progress จัดแสดงระหว่างวันที่ 8 กรกฎาคม – 2 ตุลาคม 2563 ณ นิทรรศสถาน อาคารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดให้เข้าชมในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น. ดูเส้นทางได้ที่ https://bit.ly/33TD9i3
สามารถซื้อหนังสือ Rest in Progress R.I.P. ได้ทั้งในสถานที่จัดแสดงนิทรรศการและที่ร้านจำหน่ายสินค้าศิลปะ ชั้น 1 พิพิธภัณฑ์ศิลปะ MOCA
ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับซีรี่ส์นิทรรศการ 80+ Chavalit Soemprungsuk Art Festival Thailand ผ่าน Official Facebook Page : Chavalit Soemprungsuk
ขอบคุณภาพและข้อมูลจากกองทุนศิลปะ อ.ชวลิต เสริมปรุงสุข ภาพถ่าย : ปรีชา ภัทรอัมพรชัย