อเล็กไซ นาวัลนี หอกข้างแคร่ของวลาดิมีร์ ปูติน

อเล็กไซ นาวัลนี นักเคลื่อนไหวต่อต้านการทุจริต วัย 44 ปี ชาวรัสเซีย เป็นนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลที่วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียคุ้นหน้าคุ้นตามากที่สุด

นาวัลนีวิพากษ์วิจาร์ปูตินอย่างรุนแรงและโจ่งแจ้งมาโดยตลอด

ไม่ว่าจะเป็นการวิจารณ์ว่าพรรคการเมืองของปูตินเป็นศูนย์รวม “อาชญากรและหัวขโมย”

การโจมตีการบริหารงานของปูตินว่ากำลัง “สูบเลือดออกจากรัสเซีย”

รวมไปถึงการประกาศจะทำลาย “รัฐฟิวดัล” ระบบเจ้าขุนมูลนายแบบโบราณที่กำลังถูกสร้างขึ้นในประเทศ

นาวัลนีเคยเป็นแกนนำการประท้วงต่อต้านปูตินครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมี

แต่การลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียเป็นสิ่งที่นาวัลนียังไม่เคยทำสำเร็จ หลังจากถูกตัดสิทธิการลงสมัครในการเลือกตั้งเมื่อปี 2018 เนื่องจากถูกดำเนินคดียักยอกทรัพย์

ล่าสุดนาวัลนีเกิดอาการป่วย ต้องสงสัยว่าจะถูกวางยาพิษ โดยเกิดอาการป่วยกะทันหันขณะเดินทางด้วยเครื่องบิน จนเครื่องบินต้องลงจอดฉุกเฉินและนำตัวส่งโรงพยาบาล

โดยแพทย์ในประเทศเยอรมนีระบุว่านาวัลนีอาจได้รับสารทำลายระบบประสาทเข้าไปในร่างกาย

 

นาวัลนีเกิดวันที่ 4 มิถุนายน ปี 1976 ในกรุงมอสโก จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโกในปี 1998 ได้ร่วมเป็นนักวิจัยในมหาวิทยาลัยเยล สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2010 มีภรรยาและลูกอีก 2 คน

เส้นทางการเมืองของนาวัลนีเริ่มต้นขึ้นในปี 2008 นาวัลนีเริ่มต้นเขียนบล็อกวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลรัสเซีย เกี่ยวกับการบริหารงานที่ผิดพลาดและการทุจริตคอร์รัปชั่น

หนึ่งในกลยุทธ์ของนาวัลนีก็คือการเข้าไปนั่งเป็นผู้ถือหุ้นหรือคณะกรรมการเสียงข้างน้อยในบริษัทน้ำมัน ธนาคาร หรือหน่วยงานของรัฐ และตั้งคำถามเกี่ยวกับช่องโหว่เงินงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

นอกจากนี้ นาวัลนียังใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางในการสื่อสารกับสังคม และสามารถดึงผู้ติดตามที่ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้จำนวนมาก

 

การเคลื่อนไหวต่อต้านการทุจริตในประเทศ ทำให้นาวัลนีกลายเป็นศัตรูทางการเมืองของพรรครัฐบาลอย่าง “ยูไนเต็ดรัสเซีย” อย่างเป็นทางการ

โดยในปี 2011 แม้นาวัลนีจะไม่ได้ลงชิงเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่นาวัลนีรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เรียกร้องให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งหันมาเลือกพรรคอื่นๆ ยกเว้นพรรคยูไนเต็ดรัสเซีย

ผลปรากฏว่า แม้พรรคยูไนเต็ดรัสเซียจะชนะการเลือกตั้งครองเสียงข้างมากในสภาได้อีกครั้ง แต่จำนวนเก้าอี้กลับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ การเลือกตั้งครั้งนั้นยังเกิดข้อครหาขึ้นเกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งในหลายพื้นที่ กระตุ้นให้เกิดการประท้วงขึ้นในหลายเมืองใหญ่ รวมถึงในกรุงมอสโก

 

นาวัลนีถูกจับกุมคุมขังเป็นเวลา 15 วัน หลังการประท้วงครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2011 แต่ก็ถูกปล่อยตัวออกมาเป็นแกนนำการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในกรุงมอสโก ในวันที่ 24 ธันวาคมปีเดียวกัน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมมากถึง 120,000 คน

หลังจากนั้นปูตินได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัยอย่างง่ายดาย ขณะที่นาวัลนีถูกดำเนินคดีย้อนหลังหลายคดี รวมถึงการตรวจสอบใบอนุญาตในฐานะทนายความ

หลังจากถูกจับกุมในคดียักยอกทรัพย์ในปี 2013 คดีซึ่งถูกมองว่ามีแรงจูงใจทางการเมือง นาวัลนีได้รับการปล่อยตัวอย่างน่าประหลาดใจ และออกมาลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีกรุงมอสโก

การเลือกตั้งซึ่งนาวัลนีได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับที่ 2 ได้คะแนนไปในสัดส่วนถึง 27 เปอร์เซ็นต์ เป็นรองเพียงนายเซร์ไก โซบยานิน พันธมิตรของปูตินเท่านั้น

การเลือกตั้งดังกล่าวนับเป็นความสำเร็จของนาวัลนี และทำให้นาวัลนีกลายเป็นเสี้ยนหนามของประธานาธิบดีปูตินอย่างเต็มตัว ด้วยเพราะความสำเร็จจากการหาเสียงผ่านสื่อโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้ใช้สื่อกระแสหลักในประเทศเลย

แม้ศาลสูงรัสเซียจะยกฟ้องในคดียักยอกทรัพย์ของนาวัลนีในเวลาต่อมา แต่ในปี 2017 นาวัลนีโดนดำเนินคดีเดียวกันอีกเป็นครั้งที่ 2 ต้องโทษจำคุก 5 ปีแต่ให้รอลงอาญา ซึ่งนาวัลนีระบุว่า เป็นการจงใจขัดขวางไม่ให้ตนลงเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2018

 

อย่างไรก็ตาม นาวัลนีเองก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝั่ง “เสรีนิยม” ในฐานะผู้มีแนวคิด “ชาตินิยมรัสเซีย” ด้วย จากการแสดงความเห็นว่าแคว้นไครเมียร์ที่รัสเซียยึดเอามาจากประเทศยูเครนนั้น เป็นของรัสเซีย

ขณะเดียวกันการได้เป็นนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยเยล สหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 1 เทอม ก็สร้างความกังวลกับนักการเมืองฝั่งชาตินิยมในรัสเซียเช่นกัน

การถูกวางยาพิษครั้งนี้ อาจเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า นาวัลนีเป็นหอกข้างแคร่ของรัฐบาลรัสเซีย ที่รัฐบาลจะต้องกำจัดให้สิ้นไป

อย่างไรก็ตาม นาวัลนีเองก็ยังถูกตั้งคำถามเช่นกันว่า ฐานเสียงสนับสนุนของนาวัลนี นอกจากเสียงสนับสนุนจากเยาวชนคนรุ่นใหม่ในกรุงมอสโกแล้ว

จะสามารถดึงเสียงสนับสนุนให้กว้างออกไปยังเมืองชนบทห่างไกล เมืองอื่นๆ ของประเทศหรือไม่

 


กว่า 12 ปี ของการจัดงาน Healthcare เครือมติชนร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ส่งต่อความรู้และให้บริการสุขภาพแก่คนไทยในทุกมิติ ทั้งการป้องกัน ดูแล และรักษา โดยเฉพาะการบริการตรวจสุขภาพฟรีจากสถานพยาบาลชั้นนำ เวิร์กชอป ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ รวมถึงการยกระดับเวทีเสวนาให้เป็น “Health Forum” เปิดเวทีให้แพทย์ และ Speaker ระดับประเทศ มาร่วมพูดคุยถึงแนวทางการป้องกัน การรักษา และนำเสนอนวัตกรรมทางการแพทย์ รวมถึงเรื่องราวสุขภาพในแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่จะมาให้อัปเดตตลอด 4 วันของการจัดงาน เดินทางสะดวกโดยทางด่วนและ MRT ลงสถานีสามย่าน ทางออกที่ 2