ฐากูร บุนปาน | อยากเห็นกองทัพเรือเป็นพี่เพื่อนน้องที่กอดคอกับชาวบ้านเหมือนอดีตที่ผ่านมา

ในฐานะเป็นลูกและเป็นหลานทหารเรือ

วัยเด็กโตมาจากโรงเรียนนายเรือ ปากน้ำ

อ่าน “นาวิกศาสตร์-กระดูกงู” มาตั้งแต่เล็ก

ชื่นชมกับประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุษกองทัพเรือหลังยุค 2475 ที่ยืนอยู่เคียงข้าง “ซีกประชาธิปไตย” และภาพลักษณ์ที่เป็น “สุภาพบุรุษ” ของทหารเรือมาตลอด

มีญาติผู้ใหญ่ที่ต้องกระโดดน้ำลงจากเรือขุดแมนฮัตตันในวันจี้จับจอมพล ป. เมื่อปี 2494

แถมยังถูกกล่อมให้เป็น “ติ่ง” ด้วยเพลงไพเราะ และมีความหมายซึ้งกินใจ

ทั้งเดินหน้า ดอกประดู่ วอลซ์นาวี ฯลฯ

จนในช่วงก่อนวัยรุ่นคิดจะไปสมัครเข้าเรียนเตรีมทหารเพื่อเลือกเหล่านายเรือด้วยซ้ำ

ติดที่ว่าสายตาสั้นก่อน

ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกผูกพันกับทหารเรือมาตลอด

จนกระทั่งมา 2-3 ปีหลังนี่ละครับ

ที่ชักจะเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆ แปร่งๆ

จากเรื่องแรกเลยก็คือ บ้านรับรองหรูหราสุดๆ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

ที่ท่านระบุเหตุผลว่าเอาไว้ “รับแขก”

แต่จริงๆ แล้วก็รู้กันอยู่ว่า ปีหนึ่งจะมีแขกบ้านแขกเมืองมาใช้มาพักสักกี่หนกันเชียว

ที่เหลือก็เป็น “สวัสดิการ” ของนายทหารผู้ใหญ่เสียเป็นส่วนมาก

เรื่องบ้านรับรองริมเจ้าพระยายังไม่ทันจางหายไป

ก็มีบ้านรับรองบนภูเขาที่สัตหีบโผล่ขึ้นมาอีก

อีหรอบเดียวกันเลยครับ

ภาพลักษณ์ “สมถะ-ติดดิน” ค่อยๆ จางไป

กลายเป็นอีกชนชั้นหนึ่งที่ดูเหมือนจะห่างชาวบ้านออกไปทุกที

แล้วก็มาถึงเรื่องเรือดำน้ำ

มีข้อถกเถียงกันถึงเรื่องความจำเป็น-ความคุ้มค่า มาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการตัดสินใจซื้อจริง

แต่เมื่อเป็นยุค “รัฐบาลทหาร” ท่านจะเอาของท่านอย่างนี้

ใครจะทำไม

ใน ครม.ไม่มีคนค้าน ในสภา (ปลอมๆ ที่ตั้งกันขึ้นมาเอง) ก็ไม่มีคนค้าน

ท่านก็ด้นของท่านไปจนได้

เช่น ทีแรกบอกว่าซื้อ 2 จะได้แถม 1

เอาเข้าจริงต้องจ่ายเงิน 3 เต็ม

ยังไม่นับค่าเครื่องเคราอะไรทั้งหลายที่จะตามมาเป็นหลักหลายพันถึงหมื่นล้าน

ล่าสุดเขาก็ไปขุดว่าสัญญานั้นลงนามกันไว้ว่าจะซื้อลำเดียว

อีก 2 ลำโผล่จากบาดาลท่อไหน

แต่ร้ายที่สุดก็คือ การตัดสินใจซื้อ (หรือไม่ซื้อ หรือเลื่อนออกไปได้หรือไม่) นั้น

ผิดกาลเทศะเป็นอย่างยิ่ง

ในวันที่ประเทศต้องกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทมาเยียวยาปัญหาปากท้องชาวบ้าน

ในวันที่รัฐบาลเพิ่งประกาศกู้เงินเพิ่ม 214,000 ล้านมาเติมเงินคงคลังที่หมดคลัง

พอมีข่าวว่าต้องใช้เงินอีก 20,000 ล้าน ซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ

ลองคิดดูเถอะว่าปฏิกิริยาของคนทั่วไปจะออกมาเป็นอย่างไร

ซ้ำยังอ้างผลการสำรวจที่ “เชื่อถือไม่ได้” จากองค์กรที่ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ว่าล้มละลายในความน่าเชื่อถือ

ยิ่งไปกันใหญ่

ไม่เชื่อก็ดูปฏิกิริยาที่ตามมาในโลกออนไลน์

ไม่ว่าจะทวิตเตอร์หรือเฟซบุ๊กดูก็แล้วกัน

ขนาดวันแถลงข่าวตอนสตรีมมิ่งโดยหลายๆ สำนัก

ไล่อ่านคอมเมนต์ที่หลั่งไหลกันเข้ามานับหมื่นๆ ดูเถิด

ว่าเป็นบวกหรือเป็นลบ

ไม่ได้จะมาตัดสินนะครับ ว่าเรือดำน้ำควรซื้อหรือไม่ควรซื้อ

แต่มันมีบทเรียนมาตั้งแต่การซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินที่เอามาจอดเฉยๆ เป็นพิพิธภัณฑ์หรือสถานที่ท่องเที่ยว

จนคนตั้งคำถามเรื่องความคุ้มค่า ความโปร่งใสมาก่อนแล้ว

หนนี้แค่มาตั้งคำถามว่า กองทัพเรือรับฟังเสียงสังคมเสียงชาวบ้านแค่ไหน

เคารพการใช้จ่ายเงินจากภาษีของประชาชนแค่ไหน

ถ้าเรือดำน้ำเป็นของจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ต้องใช้วันนี้ทันทีไหม

เลื่อนออกไปอีกปีสองปีอย่างที่มีคนเสนอได้หรือไม่

มาแสดงตัวว่า อยากเห็นกองทัพเรือ-ทหารเรือเป็นสถาบันเป็นพี่เพื่อนน้องที่กอดคอกับชาวบ้านเหมือนอดีตที่ผ่านมา

ขอมากไปไหมครับ