ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 สิงหาคม - 3 กันยายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
ในฐานะเป็นลูกและเป็นหลานทหารเรือ
วัยเด็กโตมาจากโรงเรียนนายเรือ ปากน้ำ
อ่าน “นาวิกศาสตร์-กระดูกงู” มาตั้งแต่เล็ก
ชื่นชมกับประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุษกองทัพเรือหลังยุค 2475 ที่ยืนอยู่เคียงข้าง “ซีกประชาธิปไตย” และภาพลักษณ์ที่เป็น “สุภาพบุรุษ” ของทหารเรือมาตลอด
มีญาติผู้ใหญ่ที่ต้องกระโดดน้ำลงจากเรือขุดแมนฮัตตันในวันจี้จับจอมพล ป. เมื่อปี 2494
แถมยังถูกกล่อมให้เป็น “ติ่ง” ด้วยเพลงไพเราะ และมีความหมายซึ้งกินใจ
ทั้งเดินหน้า ดอกประดู่ วอลซ์นาวี ฯลฯ
จนในช่วงก่อนวัยรุ่นคิดจะไปสมัครเข้าเรียนเตรีมทหารเพื่อเลือกเหล่านายเรือด้วยซ้ำ
ติดที่ว่าสายตาสั้นก่อน
ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกผูกพันกับทหารเรือมาตลอด
จนกระทั่งมา 2-3 ปีหลังนี่ละครับ
ที่ชักจะเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆ แปร่งๆ
จากเรื่องแรกเลยก็คือ บ้านรับรองหรูหราสุดๆ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ที่ท่านระบุเหตุผลว่าเอาไว้ “รับแขก”
แต่จริงๆ แล้วก็รู้กันอยู่ว่า ปีหนึ่งจะมีแขกบ้านแขกเมืองมาใช้มาพักสักกี่หนกันเชียว
ที่เหลือก็เป็น “สวัสดิการ” ของนายทหารผู้ใหญ่เสียเป็นส่วนมาก
เรื่องบ้านรับรองริมเจ้าพระยายังไม่ทันจางหายไป
ก็มีบ้านรับรองบนภูเขาที่สัตหีบโผล่ขึ้นมาอีก
อีหรอบเดียวกันเลยครับ
ภาพลักษณ์ “สมถะ-ติดดิน” ค่อยๆ จางไป
กลายเป็นอีกชนชั้นหนึ่งที่ดูเหมือนจะห่างชาวบ้านออกไปทุกที
แล้วก็มาถึงเรื่องเรือดำน้ำ
มีข้อถกเถียงกันถึงเรื่องความจำเป็น-ความคุ้มค่า มาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการตัดสินใจซื้อจริง
แต่เมื่อเป็นยุค “รัฐบาลทหาร” ท่านจะเอาของท่านอย่างนี้
ใครจะทำไม
ใน ครม.ไม่มีคนค้าน ในสภา (ปลอมๆ ที่ตั้งกันขึ้นมาเอง) ก็ไม่มีคนค้าน
ท่านก็ด้นของท่านไปจนได้
เช่น ทีแรกบอกว่าซื้อ 2 จะได้แถม 1
เอาเข้าจริงต้องจ่ายเงิน 3 เต็ม
ยังไม่นับค่าเครื่องเคราอะไรทั้งหลายที่จะตามมาเป็นหลักหลายพันถึงหมื่นล้าน
ล่าสุดเขาก็ไปขุดว่าสัญญานั้นลงนามกันไว้ว่าจะซื้อลำเดียว
อีก 2 ลำโผล่จากบาดาลท่อไหน
แต่ร้ายที่สุดก็คือ การตัดสินใจซื้อ (หรือไม่ซื้อ หรือเลื่อนออกไปได้หรือไม่) นั้น
ผิดกาลเทศะเป็นอย่างยิ่ง
ในวันที่ประเทศต้องกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทมาเยียวยาปัญหาปากท้องชาวบ้าน
ในวันที่รัฐบาลเพิ่งประกาศกู้เงินเพิ่ม 214,000 ล้านมาเติมเงินคงคลังที่หมดคลัง
พอมีข่าวว่าต้องใช้เงินอีก 20,000 ล้าน ซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ
ลองคิดดูเถอะว่าปฏิกิริยาของคนทั่วไปจะออกมาเป็นอย่างไร
ซ้ำยังอ้างผลการสำรวจที่ “เชื่อถือไม่ได้” จากองค์กรที่ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ว่าล้มละลายในความน่าเชื่อถือ
ยิ่งไปกันใหญ่
ไม่เชื่อก็ดูปฏิกิริยาที่ตามมาในโลกออนไลน์
ไม่ว่าจะทวิตเตอร์หรือเฟซบุ๊กดูก็แล้วกัน
ขนาดวันแถลงข่าวตอนสตรีมมิ่งโดยหลายๆ สำนัก
ไล่อ่านคอมเมนต์ที่หลั่งไหลกันเข้ามานับหมื่นๆ ดูเถิด
ว่าเป็นบวกหรือเป็นลบ
ไม่ได้จะมาตัดสินนะครับ ว่าเรือดำน้ำควรซื้อหรือไม่ควรซื้อ
แต่มันมีบทเรียนมาตั้งแต่การซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินที่เอามาจอดเฉยๆ เป็นพิพิธภัณฑ์หรือสถานที่ท่องเที่ยว
จนคนตั้งคำถามเรื่องความคุ้มค่า ความโปร่งใสมาก่อนแล้ว
หนนี้แค่มาตั้งคำถามว่า กองทัพเรือรับฟังเสียงสังคมเสียงชาวบ้านแค่ไหน
เคารพการใช้จ่ายเงินจากภาษีของประชาชนแค่ไหน
ถ้าเรือดำน้ำเป็นของจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ต้องใช้วันนี้ทันทีไหม
เลื่อนออกไปอีกปีสองปีอย่างที่มีคนเสนอได้หรือไม่
มาแสดงตัวว่า อยากเห็นกองทัพเรือ-ทหารเรือเป็นสถาบันเป็นพี่เพื่อนน้องที่กอดคอกับชาวบ้านเหมือนอดีตที่ผ่านมา
ขอมากไปไหมครับ