ต่างประเทศ : เปิดรายละเอียด เหตุสังหารหมู่ 2 มัสยิด “ไครสต์เชิร์ช”

Australian white supremacist Brenton Tarrant attends his first day in court in Christchurch on August 24, 2020. - Tarrant, who murdered 51 Muslims in last year's New Zealand mosques shooting showed no emotion as his sentencing hearing opened August 24, with horrific details of an atrocity prosecutors said was meticulously planned to inflict maximum casualties. (Photo by JOHN KIRK-ANDERSON / POOL / AFP)

เรื่องราวของการสังหารหมู่ชาวมุสลิม 51 คนอย่างเลือดเย็นที่มัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 15 มีนาคมปีที่แล้ว ถูกนำเรื่องขึ้นพิจารณาพิพากษากำหนดโทษ สำหรับนายเบรนตัน ทาร์แรนต์ ผู้ก่อเหตุ ที่ศาลฎีกานิวซีแลนด์ เมืองไครสต์เชิร์ช นิวซีแลนด์ ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา

โดยนายทาร์แรนต์ผู้มีแนวคิดลัทธิคลั่งคนขาว ที่ว่าความด้วยตัวเอง และรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า ประกอบอาชญากรรมร้ายแรงด้วยการฆาตกรรมผู้อื่น 51 ข้อหา และพยายามกระทำฆาตกรรมอีก 40 ข้อหา และมีพฤติกรรมอันเป็นการก่อการร้ายอีก 1 ข้อหา

ซึ่งในการพิจารณาพิพากษากำหนดโทษนี้ อัยการได้มีการเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับแผนการก่อเหตุโจมตีของทาร์แรนต์เอาไว้อย่างละเอียด

และแสดงให้เห็นความน่ากลัวของเรื่องนี้ ที่ว่าทาร์แรนต์ต้องการที่จะยิงคนให้ได้มากกว่าที่เขาทำไป!!

 

โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกานิวซีแลนด์ได้ออกนั่งบัลลังก์เพื่อรับฟังคำให้การถึงผลกระทบต่อชีวิตของเหยื่อที่รอดชีวิตและครอบครัวของเหยื่อที่เสียชีวิตจากเหตุสะเทือนขวัญครั้งใหญ่ในนิวซีแลนด์ พร้อมรับฟังรายงานสรุปพฤติกรรมของทาร์แรนต์ชาวออสเตรเลีย วัย 29 ปี

เป็นการเผชิญหน้าระหว่างทาร์แรนต์กับครอบครัวเหยื่อผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิตเป็นครั้งแรก โดยมีขึ้นท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

บาร์นาบี ฮอเวส พนักงานอัยการแห่งรัฐ ได้เปิดเผยรายละเอียดถึงเจตนารมณ์และพฤติกรรมอันแสนอำมหิตของนายทาร์แรนต์ตอนหนึ่งไว้ว่า

“เมื่อเขาเห็นเด็กชายมูคัด อิบราฮิม วัย 3 ขวบ เกาะอยู่ที่ขาของพ่อเขา ทาร์แรนต์ก็ฆ่าเขาด้วยการจ่อยิงอย่างตั้งใจถึง 2 นัด”

ฮอเวสบอกด้วยว่า ทาร์แรนต์ถูกเจ้าหน้าที่สกัดจับเอาไว้ได้ ขณะที่เขากำลังจะเดินทางไปก่อเหตุยังมัสยิดแห่งที่ 3 หลังก่อเหตุที่มัสยิด 2 แห่งไปแล้ว

และทาร์แรนต์ยอมรับว่า เขาไปมัสยิดทั้ง 2 แห่งเพื่อตั้งใจที่จะฆ่าคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

แถมยังบอกด้วยว่า เขาต้องการที่จะฆ่าคนให้ได้มากกว่าที่ฆ่าไป และตอนที่ถูกจับ เขากำลังเดินทางไปยังมัสยิดอีกแห่งหนึ่งที่เมืองแอชเบอร์ตัน เพื่อก่อเหตุโจมตี

และว่า การก่อเหตุโจมตีนั้นมีแรงบันดาลใจมาจากความเชื่อทางมโนคติ และเขายังตั้งใจที่จะสร้างความหวาดกลัวให้ซึมซับเข้าไปในจิตใจของบุคคลที่เขาระบุว่าเป็น “ผู้บุกรุก” ซึ่งรวมทั้งบรรดาชาวมุสลิม หรือพวกผู้อพยพที่ไม่ใช่ชาวยุโรปทั้งหลาย

 

ทั้งนี้ ทาร์แรนต์ย้ายไปอยู่ที่นิวซีแลนด์เมื่อปี 2017 และตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองดูนดิน ห่างจากเมืองไครสต์เชิร์ชไปทางตอนใต้ราว 360 กิโลเมตร ที่ซึ่งทาร์แรนต์ใช้เป็นที่สะสมอาวุธปืนอานุภาพร้ายแรง และยังซื้อลูกกระสุนไว้กว่า 7,000 นัด

2 เดือนก่อนหน้าการก่อเหตุโจมตี ทาร์แรนต์ได้ขับรถไปยังเมืองไครสต์เชิร์ช และใช้โดรนบินเหนือมัสยิดอัล นูร์ ถ่ายภาพบนภาคพื้นดินและอาคารต่างๆ ไว้ รวมทั้งประตูทางเข้าและทางออก อีกทั้งยังมีการจดรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางระหว่างมัสยิด 2 แห่งเอาไว้

ในวันก่อเหตุ คือวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2019 ทาร์แรนต์เดินทางออกจากเมืองดูนดิน และขับรถไปยังเมืองไครสต์เชิร์ช พร้อมกับอาวุธปืนอานุภาพสูง ที่เขาระบุว่าเป็นการต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์

จากบันทึกของกล้องที่ทาร์แรนต์ติดเอาไว้ที่หมวกกันน็อกของเขา แสดงให้เห็นว่าทาร์แรนต์ได้มีการบรรจุกระสุนใส่แม็กกาซีนเอาไว้

และเตรียมถังบรรจุน้ำมันเอาไว้เพื่อเตรียมเผามัสยิด

 

ในช่วงนาทีแรกๆ ที่ทาร์แรนต์บุกเข้าไปในมัสยิดอัล นูร์ เขาได้ส่งแถลงการณ์ 74 หน้าไปยังเว็บไซต์ของกลุ่มหัวรุนแรง และแจ้งเตือนไปยังครอบครัวของตัวเองถึงสิ่งที่ตัวเขาได้ทำลงไป

หลังจากนั้นก็ทำการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก และส่งอีเมลที่มีข้อความข่มขู่ที่จะโจมตีมัสยิดให้แก่บรรดานักการเมืองและสื่อหลายต่อหลายแห่ง

ก่อนจะลงมือก่อเหตุกราดยิงในมัสยิด 2 แห่ง คือที่มัสยิดอัล นูร์ และศูนย์กลางอิสลามลินวูด จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 51 ราย กลายเป็นเหตุกราดยิงที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศนิวซีแลนด์

สำหรับคำตัดสินโทษของทาร์แรนต์จะมีขึ้นในวันที่ 27 สิงหาคม และคาดว่าจะถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีทัณฑ์บน หากถูกตัดสินดังกล่าวจริง ทาร์แรนต์จะกลายเป็นนักโทษคนแรกของนิวซีแลนด์ที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต โดยไม่มีการลดหย่อนโทษ

ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศนิวซีแลนด์!!

 


กว่า 12 ปี ของการจัดงาน Healthcare เครือมติชนร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ส่งต่อความรู้และให้บริการสุขภาพแก่คนไทยในทุกมิติ ทั้งการป้องกัน ดูแล และรักษา โดยเฉพาะการบริการตรวจสุขภาพฟรีจากสถานพยาบาลชั้นนำ เวิร์กชอป ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ รวมถึงการยกระดับเวทีเสวนาให้เป็น “Health Forum” เปิดเวทีให้แพทย์ และ Speaker ระดับประเทศ มาร่วมพูดคุยถึงแนวทางการป้องกัน การรักษา และนำเสนอนวัตกรรมทางการแพทย์ รวมถึงเรื่องราวสุขภาพในแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่จะมาให้อัปเดตตลอด 4 วันของการจัดงาน เดินทางสะดวกโดยทางด่วนและ MRT ลงสถานีสามย่าน ทางออกที่ 2
ลงทะเบียนเข้างานฟรี มีต้นไม้แจกด้วยนะ (จำนวนจำกัด)