จับอาการ “บิ๊กตู่” รับสารพัดมรสุม “ไม่สบายใจ เครียด นอนไม่หลับ” ทาง 2 แพร่ง ศก.-การเมืองไทย

แม้นายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล หรือซินแสภาณุวัฒน์ หมอดูชื่อดังที่ได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะยังยืนยันคำทำทายเดิม เมื่อถูกสื่อถาม

หลังเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อมาปรับฮวงจุ้ยห้องทำงานของนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ที่ตึกบัญชาการ 1 ว่า “รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ได้ 2 สมัย เพราะโหงวเฮ้งท่านดี มีความมั่นคง”

แต่เบื้องหน้าด้วยสถานการณ์หลังชุมนุมใหญ่ ประชาชนปลดแอก “ขีดเส้นตายไล่เผด็จการ” ของนิสิต นักศึกษา นักเรียน ประชาชนนับหมื่นคน บนถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยข้อเรียกร้องที่มีความเข้มข้น

ยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง หยุดคุกคาม แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และยุบสภา กับ 2 จุดยืน ไม่เอารัฐประหาร กับไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ และอีก 1 ความฝัน ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

จึงทำให้ซินแสภาณุวัฒน์มองภาพรวมหลังการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า “ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ จำเป็นต้องมองว่า ใครที่จะเหมาะเป็นนายกฯ เพื่อความมั่นคงของรัฐบาล ต้องมีคนคุมเกมทุกอย่างให้อยู่ในกรอบ เดือนนี้เป็นเดือนลิงหลอกเจ้า วุ่นวาย สารพัดปัญหา รับปากอย่างก็ทำอีกอย่าง และเดือนหน้ากันยายนก็มีเรื่องจุกจิกอยู่ แต่ที่เป็นห่วงคือเดือนตุลาคมจะมีปัญหา ถ้าไม่เบรกให้ดี จะถึงขั้นให้ฟืนไฟ หรือเสียเลือดเสียเนื้อ”

“แต่เชื่อว่านายกฯ ไม่ทำเรื่องพวกนี้”

ทั้งนี้ ต้องยอมรับ แม้ว่าเนื้อหาบางข้อเรียกร้องจากผู้ชุมนุมจะแหลมคมมาก จน พล.อ.ประยุทธ์เอ่ยปากว่า “ไม่สบายใจ”

แต่เมื่อดูปริมาณของผู้ที่เข้าร่วมในการชุมนุมทางการเมืองนับตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคมเป็นต้นมา กลับพบว่าไม่ได้น้อยลงไปเลย

จากหลักพันต้นๆ ใช้เวลาไม่ถึงเดือน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ถนนทุกสายพาคนหลักหมื่นมุ่งตรงเพื่อไปล้อมวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กระทั่งต้องปิดการจราจรบน ถนนราชดำเนินไปโดยปริยาย

หลักฐานยืนยันผู้ชุมนุมเกินหมื่นคนแน่นอน

เพราะนับจากยอดต่อคิวเพื่อลงชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนร่วมกับไอลอว์และเครือข่ายเพียงวันเดียว ที่บริเวณการชุมนุม มีมากถึง 10,521 คน

นี่ยังไม่นับความเคลื่อนไหวในพื้นที่ “ออนไลน์”

โดยเฉพาะในโลกทวิตเตอร์ ที่เป็นไปอย่างคึกคัก

แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมปลดแอก ไม่ว่า #ขีดเส้นตายไล่เผด็จการ #ประชาชนปลดเเอก #แทกเพื่อนไปมอบ เป็นต้น ล้วนติดท็อป 5 เทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศไทย รวมๆ แล้วเป็นจำนวนหลายล้านข้อความเลยทีเดียว

ถือว่าม็อบจุดติด แม้แต่แกนนำบางคนยังระบุเลยว่าคนชุมนุมเยอะเกินที่คาดไว้มาก

ก่อนยุติการชุมนุมเมื่อ 16 สิงหาคม “ฟอร์ด” ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี แกนนำกลุ่มประชาชนปลดแอกประกาศว่า “ขอขีดเส้นตายภายในเดือนกันยายนนี้ 250 ส.ว.ต้องออกจากสภา ไม่มีการแก้ไขอะไร เราจะยกระดับการชุมนุมต่อไปด้วย”

แน่นอนว่า ทุกข้อเรียกร้อง ทุกเงื่อนไข เป็นโจทย์ที่ทุกสายตาต่างมองไปยังท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

อย่างที่ทราบ 1 วันหลังการชุมนุมใหญ่ขีดเส้นตายไล่เผด็จการ ในพิธีเปิดงาน “ยกกำลังสองการศึกษา สู่ความเป็นเลิศ และการแสดงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนการศึกษาไทย” นั้น

มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงกับสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่เรียกสื่อให้เข้าไปฟังวิสัยทัศน์ในห้อง

“ถ้าไม่เข้ามาจะไม่พูด ไม่ให้สัมภาษณ์ เพราะเรื่องนี้เป็นความเป็นความตายของประเทศ”

แม้จะไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์เครียดอะไร

แต่เมื่อดูหัวข้อและสาระก็พออนุมานเอาได้

“เราเป็นประเทศที่มีอัตลักษณ์ความเป็นไทยสูง วันนี้เราลืมสิ่งเหล่านี้ไปแล้วหรือ ต้องกลับมาทบทวนใหม่ทั้งหมด ผมถูกสอนมายุคโบราณ ยอมรับว่าวันนี้เลยคิดมาก คิดละเอียดยุบยิบทุกวัน หลายประเทศอิจฉาอัตลักษณ์ความเป็นไทย หลายเรื่องที่เขาอยากจะร่วมมือ หลายอย่างที่อยากมาลงทุน เพราะเรามีอัตลักษณ์ ความเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้อยู่กับคนไทยทุกคน แต่สิ่งเหล่านี้ถูกลืมไปหรือเปล่า เป็นหน้าที่ของครูและการศึกษาต้องช่วยกันสอนและอบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนดีและเก่ง”

ถือเป็น “ความเครียด” เมื่อได้เห็นการแสดงออกของเยาวชนคนรุ่นใหม่

เพราะเพียงแค่ 1 วัน หลังการชุมนุมใหญ่ขีดเส้นตายไล่เผด็จการอีกเช่นกัน

จากการชุมนุมของนิสิต-นักศึกษา คราวนี้เป็นคิวนักเรียนมัธยมทั่วประเทศ พร้อมใจกันชู 3 นิ้วระหว่างยืนเคารพธงชาติ ผูกโบขาวแสดงสัญลักษณ์ ท้าทายสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจว่าเป็นอัตลักษณ์ความเป็นไทยชาติ

สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความไม่สบายใจ กระทั่งทำให้ พล.อ.ประยุทธ์เครียดถึงขั้นนอนไม่หลับ

ความน่าสนใจนับจากนี้ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เครียดจนกระทั่งนอนไม่หลับ แล้วจะตัดสินใจแก้ไขปัญหานี้อย่างไร?

แม้ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์จะเงี่ยหูฟัง เปิดโอกาสให้สภาตั้งคณะ กมธ.รับฟังความเห็นนิสิต-นักศึกษาขึ้นมา

แต่อีกมุมก็ยังปรากฏภาพการคุกคามพร้อมๆ กับให้สัมภาษณ์ในทำนอง “ดิสเครดิต” นิสิต-นักศึกษา แม้แต่นักเรียนอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดส่งสัญญาณให้พรรคร่วมรัฐบาลยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 1 ใน 3 ข้อเรียกร้องของม็อบ

ชงแก้มาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยจะไม่แก้หมวด 1 บททั่วไป กับหมวด 2 พระมหากษัตริย์

ที่สำคัญ ไม่มีการพูดถึงการยกเลิก หรือแตะต้อง 250 ส.ว.โดย คสช.อันเป็น “เงื่อนไข” ของม็อบที่ประกาศขีดเส้นตายไว้ เป็นประเด็นสำหรับการเคลื่อนไหวต่อไป ในอีก 1 เดือนข้างหน้า

นี่ยังเป็น “ความเห็นต่าง” ที่หลายฝ่ายต่างแสดงความเป็นห่วง ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังมีความผันผวน และต้องการความเชื่อมั่นในการเร่งบรรเทาและฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด

อย่างที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ชี้ปัจจัยเสี่ยงต่อที่จะกระทบซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศ หลังออกมาเผยภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ที่ติดลบถึง 12.2% เลยทีเดียว

จึงทำให้จากเดิมที่คาดไว้ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะติดลบอยู่ที่ 6-5% แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงขณะนี้ติดลบอยู่ที่ 7.8-7.3% แล้ว

นี่ยังไม่นับรวมตัวเลขการว่างงาน ที่เพียงไตรมาส 2 ปีนี้ มีคนว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 7.5 แสนคนแล้ว ถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 11 ปี

ฉะนั้น ไม่ว่าจะการเมือง หรือจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ล้วนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่งยวด

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่สบายใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กระทั่งเครียดจนนอนไม่หลับ

เพราะการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ถือว่าอยู่บนทาง 2 แพร่ง อยู่บนระหว่างเขาควาย

ที่ตัดสินใจอย่างไรก็ล้วนมีผลเชื่อมโยงถึงกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้