จรัญ พงษ์จีน : เมื่อ ครม.”ประยุทธ์” 2/2 เจอรับน้องแบบเบิ้มๆ

จรัญ พงษ์จีน

รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” “ตู่ 2/2” คลอดยังไม่ทันไร “ทัวร์ลง” มากจมหู แตกประเด็นให้เคลียร์กันมือระวิง หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน การเคลื่อนไหวของพลังมวลชน โรเตชั่นกลับมายึดถนนราชดำเนินอีกครั้ง ในนามของ “ม็อบปลดแอก”

อิสรภาพงอกงามขึ้นมาใหม่ โดยภูมิพลังของเยาวชน ฝ่ากระโจนออกนอกกำแพงความคิด นำธงจุดคบไฟส่องทาง โดย “เด็กมัธยม-มหาวิทยาลัย” ไหลดุจสายน้ำสู่ที่หมายเดียวกัน ท่ามกลางการดูถูกดูแคลนของ “มนุษย์ป้า-มนุษย์ลุง” ว่า “ฟันน้ำนม” แต่ทำท่าจะส่งผลสะเทือนต่อผู้มีอำนาจค่อนข้างสูง

“บิ๊กตู่” จะตีเนียนแก้เกมแบบเดิมๆ ไม่ได้ผลแน่นอน “ม็อบเด็ก” รับประกันซ่อมฟรีว่า ไม่ใช่สิวขึ้นเม็ดเดียวเอง ต้องปรับหมากตั้งรับให้ดีๆ “ลมสงบ” แต่กำลังเผชิญ “พายุ”

ศึกครั้งนี้ มันไม่ใช่แค่ “ดาบสองคม” แต่เป็น “ดาบสองเล่ม” เล่มหนึ่งไว้สังหารศัตรู อีกเล่มหนึ่งไว้ฮาราคีรีตัวเอง

“คนรุ่นใหม่” วัยแห่งการเปลี่ยนแปลง ออกมาจุดกระแสได้ถูกที่ถูกเวลา ใกล้กับฤดูกาลโยกย้ายข้าราชการระดับ “บิ๊กเนม” ที่ต้องจัดแถวให้แล้วเสร็จในปลายกันยายน

พูดถึงการโยกย้าย ถนนทุกสายโฟกัสไปที่ “4 เหล่าทัพ”

ปีนี้ “ของแรง” เนื่องเพราะระนาบผู้บัญชาการ ทั้ง “กองทัพบก-เรือ-อากาศ” และ “ตำรวจ” เข้าคิวเกษียณอายุราชการพร้อมกันทุกตำแหน่ง นับ 1. จาก “พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ผู้บัญชาการทหารบก

2. “พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์” ผู้บัญชาการทหารเรือ 3. “พล.อ.อ.มานิต วงษ์วาทย์” ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ 4. “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

คนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต ขนาดตำแหน่ง ผบ.ตร.ที่จะมารับไม้ต่อจาก “บิ๊กแป๊ะ” ซึ่งข่าวระบุว่า เจ้าตัวเลือกชะตาอนาคตแล้วว่าจะลงคลุกฝุ่นสู่ถนนสายการเมือง ประกาศท้าชิง “ผู้ว่าฯ กทม.”

เทียบฟอร์มกันปอนด์ต่อปอนด์ เซียนทุกสำนักฟันธงมาตั้งแต่ปีมะโว้ว่า “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” รอง ผบ.ตร.จะเข้าวินแบบนอนน้ำใส ด้วยเหตุและปัจจัยหลายประการ ทั้งค้ำอาวุโสแล้วยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นจาก “นรต.36” ของ “พล.ต.อ.จักรทิพย์” แถมยังเป็นเพื่อน ตท.20 รุ่นเดียวกับ “บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์” ผบ.ทบ.ด้วย วงพนันขันต่อ ทั้งเฮียเสงมุมแดง เฮียแสงมุมน้ำเงิน วางอัตราต่อรองกันสุดกู่ ระดับ 3 ต่อ 1 บางโต๊ะ ร้อยเหยียบขี้หมากอง

แต่โผ ตร.ทำท่าจะลูกกลมๆ ข่าวล่ามาเรือ เมาธ์กันกระจายว่า “พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก” รอง ผบ.ตร.ฝ่ายบริหาร นรต.รุ่น 38 เร่งสปีดโค้งสุดท้ายเบียดแทรกเข้าป้าย หยิบชิ้นปลามันไปหน้าตาเฉย

จริงเท็จประการใด ไม่มีใครทราบ รู้แต่ว่า หาก “พล.ต.อ.มนู” นั่งแป้นกรมปทุมวันจริง และจะอยู่ในตำแหน่งแค่ปีเดียว เกษียณในเดือนกันยายน 2564 โผ ผบ.ตร.ปีหน้าอาจจะโอเวอร์อีกระลอก “พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์” รอง ผบ.ตร. ลูกชาย “พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์” จะกระโดดค้ำถ่อ ทำลายประวัติศาสตร์จอมยุทธ์สีกากี เป็นเบอร์ 1 ทั้งพ่อและลูก

โดยปาดหน้า “พล.ต.อ.สุวัฒน์” ไปอีกคำรบและไปเกษียณพร้อมกันในปี 2565

 

ขณะที่ “3 เหล่าทัพ” เริ่มจาก “กองทัพบก” แทน “พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ล่าสุด แน่นอนแล้วว่า “พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้” ผู้ช่วย ผบ.ทบ. รองผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 (รอง ฉก.ทม.รอ.904) เป็นผู้บัญชาการทหารบก

“กองทัพเรือ” ชิงดำกันอยู่ระหว่าง “พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ” รอง ผบ.ทร. กับ “พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน” ผช.ผบ.ทร.

“กองทัพอากาศ” เบียดกัน 2 แคนดิเดต “พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี” ผู้ช่วย ผบ.ทอ. กับ “พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ต่างทอง” เสธ.ทอ.

ไฮไลต์โผโยกย้ายทั่นนายพล ที่ถูกจับตามองที่สุด ดังที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่า อยู่ที่ “กองทัพบก” ช่วงต้นปลายเดือนก่อนมีข่าวว่า “เริ่มแกว่ง” อยู่มากพอสมควร เพราะหากนับอาวุโส “แก่พรรษา” ทาง “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” รอง ผบ.ทบ.ค้ำยันมายาวนาน

และเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.20 ของ “บิ๊กแดง” เป็นรอง ผบ.ทบ.มาแล้ว 2 ปี กอปรกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เรียกใช้บริการเป็นมือเป็นไม้ ช่วยงานให้รัฐบาลอยู่เนืองๆ มายาวนานและมากมายหลายเรื่อง

แต่วาสนาคงไม่ถึง อาจจะต้องข้ามห้วยไปนั่งตำแหน่ง “เลขาธิการ สมช.” แทน “พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตาตา” ที่จะเกษียณ

“บิ๊กบี้” ว่าที่ ผบ.ทบ.คนใหม่ จาก ตท.22 หรือ จปร.33 ช่วงหลังๆ ขยับรวดเร็วมาก จาก ผบ.พล.1 เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 1 ตามลำดับ ก้าวสู่ระนาบ 5 เสือ ทบ.ในตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ.เมื่อเดือนตุลาคม 2562

และจะอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ทบ.อีก 3 ปี เกษียณในเดือนกันยายน 2566 ย้ำอีกครั้งว่า จะอำลากองทัพไปพร้อมๆ กับ “พล.อ.ประยุทธ์” หากอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบเทอม

ก่อนหน้านี้มีข่าวจริงมั่ง มั่วมั่งว่า มีมือดีจะเตะสกัด “บิ๊กบี้” ชักบันไดไต่เพดาน ให้รอไปก่อน เพราะอายุราชการยังยาวไกล แต่ “เอาไม่อยู่”

“บิ๊กบี้” แต้มบุญ ต้นทุนสูงหลายประการ เหนือสิ่งอื่นใดคือ “จงรักภักดี” แล้ว ยังตรงเป๊ะระดับไม้บรรทัดเรียกพี่…ซื่อสัตย์ กล้าหาญ กตัญญู เป็นกำแพงที่ทรงพลานุภาพ

“พล.อ.ประยุทธ์” นายกฯ กับ “พล.อ.ณรงค์พันธ์” ว่าที่ ผบ.ทบ. กรณีที่ต่างคนต่างอยู่ในตำแหน่งครบเทอม จะปลดระวางลงจากหลังเสือพร้อมกันในปี 2566 โน้นก็จริง

แต่ความสัมพันธ์มี “ระยะห่าง-ช่องว่าง” มากกว่า “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กแดง”

แถม “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กบี้” เมื่อนับอายุขัยคนละเจน วัยแตกต่างกัน 10 ปี รับราชการห่างกัน 10 รุ่น และสายบังคับบัญชาคนละส่วน

ดังนั้น แม้จะอยู่ในภายใต้ร่มเงาเดียวกัน และสายบัญชาการตามขั้นตอนเดิมระหว่างนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เหนือผู้บัญชาการทหารบก มีไลน์ปฏิบัติกันอยู่แต่ “ไม่เหมือนเดิม”

กองทัพกับรัฐบาล ปี 2563 มี “จุดเปลี่ยน” แน่นอน