ฟ้า พูลวรลักษณ์ | พ่อ-แม่ที่รักลูกท่วมท้น คือผู้กำลังทำสังคมล่มสลาย

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๖๙.๒)

บอส อยู่วิทยา หรือวรยุทธ อยู่วิทยา เป็นลูกคนสุดท้องของนายเฉลิม อยู่วิทยา ลูกชายคนโตจากลูกๆ ทั้ง ๑๑ คน ของนายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าสัวกระทิงแดงรุ่นแรก

คดีของนายบอส อยู่วิทยา ที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง กลายเป็นประเด็นใหญ่ สะเทือนใจประชาชน

ฉันพิศวงว่าทำไมต้องเป็นอย่างนั้น

สมมุติว่า ลูกชายมหาเศรษฐีคนหนึ่งก่อคดี ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน

สมมุติมหาเศรษฐีคนนั้น สิ่งที่เขาทำก็คือ ให้ลูกชายคนนี้รับโทษตามกฎหมาย สมมุติว่าจำคุก ๑๐ ปี ก็ให้เป็นไปตามนั้น ให้คดีนี้ดำเนินไปตามสภาวะธรรมดา หรือเร็วกว่าธรรมดา ไม่ใช่แช่ให้นานที่สุด นานถึงห้าปี

จากนั้น ค่อยหาทางผ่อนเบาโทษของเขา เขาอาจติดคุกจริงแค่ปีเดียว แล้วก็พ้นโทษ ด้วยวิธีการใดก็แล้วแต่ ถึงตอนนั้น สังคมจะไม่ตามไปคุ้ยเขี่ย ด้วยเพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เหตุที่จะไม่มีผลกระทบรุนแรง ก็เพราะว่า มันเป็นการบ่ายเบี่ยงอย่างอ่อนโยน และแยบยล

ที่สำคัญคือมีมารยาท

การอยู่ๆ อัยการสั่งไม่ฟ้อง มันกระทบจิตของมนุษย์ในสังคมโดยรวม มันผิดปกติ และมันไร้มารยาท มันมากเกินไป และมันจะ backfire หรือการกระทำที่จะมีผลตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตั้งใจไว้ บัดนี้ นายบอส อยู่วิทยา กลายเป็นจำเลยของสังคม รวมไปหมดทั้งตระกูล รวมไปหมดถึงคณะรัฐบาล เจ้าหน้าที่ระดับสูง ทั้งหมดกลายเป็นจำเลย เพียงแค่การกระทำที่มากไปหนึ่งเดียวนี้

ที่จริง หากเขาดำเนินไปตามกฎหมาย อย่างอ่อนโยน ลูกชายของเขาอาจติดคุกแค่นิดเดียว อาจแค่สัปดาห์เดียว หรือเดือนเดียวเท่านั้น จากนั้น ลูกชายของเขาก็ไปพักตัวที่ไหนสักที่ อาจเป็นในโรงแรมหรู หรือในบ้านตากอากาศเปล่าเปลี่ยวที่ไหนสักแห่ง และให้คนอื่นติดคุกแทน คอยเซ็นชื่อรับทราบ เจ้าตัวก็อยู่อย่างสบายในสถานที่เร้นลับแห่งหนึ่ง

นี้คือจุดอ่อนของสังคมไทย แต่ทว่าหากเป็นไปดังนี้ ก็ไม่มีใครว่าอะไร ด้วยเพราะมันแยบยล

นี้คือผลของการเป็นลูกมหาเศรษฐี มันคือการฉ้อฉล แต่ยังทำแบบเร้นลับ ไม่ใช่ประกาศตัวอย่างโจ่งแจ้ง และไร้ซึ่งยางอายใดๆ มันคือความแตกต่างของการกระทำที่ไร้ยางอาย หรือมียางอาย

คือคุณไม่กลัวกฎหมาย แต่อย่างน้อย ควรมีความเกรงใจกฎหมาย และสังคมโดยรอบ

เท่ากับว่า เขาไม่ต้องการให้ลูกชายติดคุกแม้แต่วันเดียว ไม่ต้องการเฉียดใกล้คุกตะรางแม้แต่นิดเดียว ใช้อำนาจเงินอย่างไม่หวาดหวั่นสิ่งใด นี้คือการรักลูกมากดั่งดวงใจ และไม่สนใจสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น

หากลูกชายของเขาติดคุกหนึ่งปี ฉันว่าสังคมรับได้ หากลูกชายของเขาติดคุกหนึ่งเดือน แล้วหายตัวไปอย่างเร้นลับ ซ่อนตัวอย่างเร้นลับ สังคมก็คงไม่ทันสังเกต ต่อให้เห็น ก็จะลืม หรือแม้แต่ติดคุกหนึ่งสัปดาห์ ฉันก็ว่า สังคมก็ยังไม่ทันสังเกตอยู่ดี แต่นี่มันคือศูนย์ และตรงนี้เองที่เป็นจุดสะเทือนใจ

พ่อ-แม่ย่อมไม่อยากให้ลูกติดคุก ๑๐ ปี เพราะมันอาจทำลายอนาคตลูกของเขา คิดแบบเห็นใจ แต่การติดคุกนิดหน่อย ไม่ใช่ผลร้าย มันกลับเป็นสิ่งที่ดี ทำให้เขาเข้าใจชีวิต และเข้าใจสังคมของเรานี้ ทำไมนิดหน่อยก็ทนไม่ได้ จะรักลูกอะไรปานนี้

๒ฉันรู้จักบริษัทแห่งหนึ่ง กิจการมีกำไรมหาศาล แต่เจ้าของไม่อยากจ่ายภาษี ด้วยเพราะเชื่อว่า เงินภาษีเหล่านี้ รัฐบาลจะเอาไปคอร์รัปชั่น เจ้าหน้าที่เอาไปโกงกิน เขาจึงหาวิธีจ่ายภาษีให้น้อยที่สุด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในบริษัท ล้วนเป็นลูกหลานของเขา เขาจึงให้ลูกหลานของเขาใช้จ่ายเงินกำไรนั้นอย่างฟุ่มเฟือย เกิดเป็นรายจ่ายมหาศาล มาทำให้รายได้ของบริษัทลดน้อยลง

ผลคือบริษัทนี้เสียภาษีน้อยกว่าความเป็นจริงมากนัก แต่ทว่ามันมีผลสองอย่าง

หนึ่งคือ ที่จริงมันคือการเลี่ยงกฎหมาย ซิกแซ็กหลบเลี่ยงไปได้

และผลข้อสองคือ มันทำให้ลูกหลานของเขา มีนิสัยฟุ่มเฟือยอย่างมหาศาล ด้วยการใช้เงินกับสิ่งไร้ประโยชน์ หรือไม่จำเป็น เหมือนเงินเป็นเศษกระดาษ

จุดนี้เองที่สะเทือนใจ มันทำลายบุคลิกของคน ทำลายนิสัยใจคอของลูกหลาน ให้พวกเขามีความสุขสบายเกินไป เพื่อแลกกับการที่ไม่ต้องเสียภาษีเต็ม

ฉันรู้สึกพิศวง แม้จะคิดแบบเข้าใจ แต่ก็ยังพิศวงอยู่ดี

มองแบบทำความเข้าใจ นี้คือความคิดแบบคนรุ่นเก่า ที่รักลูกหลานเท่าชีวิต และไม่ไว้ใจสังคมภายนอก ไม่ไว้วางใจรัฐบาล หรือองค์กรใดๆ ด้วยเพราะองค์กรเหล่านั้น ไม่ใช่ญาติ เป็นคนอื่น

เงินอาจจะใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย แต่ก็เข้าปากท้องลูกหลานตัวเอง สบายใจกว่า

แต่สังคมอยู่ตรงไหน ไม่มีคำตอบ

ปรากฏการณ์เช่นนี้ แผ่ลามไปทั่ว พ่อ-แม่มากมายส่งเสียลูกของตนให้เรียนในโรงเรียนอินเตอร์ ราคาค่าเทอมแพงเหลือหลาย

บางครอบครัวถึงกับต้องไปกู้เงินมาจ่ายค่าเล่าเรียนให้ลูก ด้วยประสงค์จะให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด ได้เข้าสังคมที่สูงที่สุด มีเพื่อนฝูงที่ร่ำรวยที่สุด พวกเขาดิ้นรนปากกัดตีนถีบ เพื่อแลกมากับการที่ลูกเหล่านั้นเติบโตขึ้น ตีนไม่ติดดิน มิหนำซ้ำ ยังกลับมาดูถูกพ่อ-แม่

หากสังคมถูกกัดกร่อนด้วยเงามืดของสิ่งต่อไปนี้

๑ ความโลภ

๒ ความหลอกลวง

๓ ความกลัว

๔ ความฟุ่มเฟือย

นี้คือสัญญาณของความล่มสลายของสังคม ที่ใกล้จะมาถึง

พ่อ-แม่ที่ท่วมท้นด้วยความรักลูกเหล่านี้ คือผู้กำลังสร้างความล่มสลายแก่สังคม ทีละส่วน ทีละน้อย ทีละรุ่น มันคือความมืดที่ค่อยๆ มืดมิดยิ่งขึ้น แผ่ลามเข้ามา