เครื่องเคียงข้างจอ / วัชระ แวววุฒินันท์ /เรื่องขำๆ

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

เรื่องขำๆ

 

เครื่องเคียงฯ ฉบับที่แล้ว มีชื่อตอนว่า “เรื่องสมมุติ” โดยเขียนถึงเรื่องที่สมมุติขึ้นเป็นตุเป็นตะ ที่มีฐานมาจากเรื่องจริง

ฉบับนี้ผมเขียนในชื่อตอนว่า “เรื่องขำๆ” บ้าง ต่างกันที่เรื่องที่ว่าขำนั้นมันเรื่องจริงทั้งนั้น

มาขำด้วยกันไหมครับ

 

ขําเรื่องแรก เกี่ยวกับ “ข่าวการยิงกันตายคาบ่อนแถวพระราม 3” ที่ปรากฏเป็นข่าวครึกโครมทางหน้าจอและหน้า น.ส.พ. รวมทั้งในโลกโซเชียลด้วย

ทำไมเหรอ เรื่องคนยิงกันตายนี่มีอะไรให้ขำนัก

คนตายน่ะไม่ขำหรอกครับ ขำไม่ออก แต่ที่ขำคือขำคนเป็นๆ นี่แหละ แถมเป็นคนเป็นๆ ที่แต่งเครื่องแบบผู้รักษากฎหมายเสียด้วย

ลองคิดดูสิครับ มีการยิงกันตายคาบ่อนตั้งแต่หัวค่ำ แต่ตำรวจที่อยู่ห่างออกไปแค่ 3 กิโลเมตร กลับมาถึงที่เกิดเหตุหลังจากนั้นอีก 3-4 ชั่วโมง โอ้โฮ ทำไมมันเดินทางช้าอย่างนั้นล่ะครับ

โอเคว่ากรุงเทพฯ รถติด ก็พอรู้อยู่ แต่ติดขนาดทำให้กว่าจะจรลีมาถึงที่ได้ต้องกินเวลาขนาดนี้เลยหรือ เพื่อที่ว่าเมื่อมาถึงแล้วจะได้พบว่า ในสถานที่เกิดเหตุแทบไม่เหลือหลักฐานอะไรให้คุณตำรวจได้ใช้เป็นเบาะแสแล้ว

โอ๊ย…ขำไหมครับ ผมละขำกลิ้งเลยว่า เฮ้ย มันเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ก็ได้เหรอ ขอหัวเราะหน่อยเถอะ ฮะ ฮะ ฮ่า…

 

ที่ขำต่อเนื่องติดพันก็คือ เฮ้ย…ทำไมมีการให้คนมาเคลียร์สถานที่เกิดเหตุก่อนตำรวจเดินทางมาถึงด้วยเหรอ เห็นจากในภาพแล้วเหมือนเป็นเหตุการณ์ปกติเลย คนจำนวนหนึ่งเดินเข้าเดินออกมายกโต๊ะ ยกอุปรณ์ออก ทั้งๆ ที่มีคนนอนตายอยู่ใกล้ๆ

มีการปีนบันไดถอดเอากล้องวงจรปิดออกไปหมด ไม่ใช่ตัวสองตัว เป็นสิบๆ ตัว ทำกันยังงี้ก็ได้เลยเหรอ แถมสุดท้ายไอ้พวกที่ย้ายของก็เอาไปซ่อนไว้ตึกตรงข้ามนี่เอง คิดว่าจะหาไม่เจอรึไง ทำเหมือนเด็กเล่นขายของจริงๆ โอย…ขำประเทศไทย

ขำไหมครับ ผมละข้ำ…ขำ

แล้วที่ขำหนักไปอีก เพราะพอคุณตำรวจที่ (เพิ่ง) มาถึง ก็บอกว่า ที่เกิดเหตุใช่บ่อนรึเปล่ายังไม่ชี้ชัดเพราะมีโต๊ะแค่ตัวเดียว และไม่มีกล้องวงจรปิดเลย

โอย…ก็มันจะมีได้ยังไงล่ะครับ เล่นถ่วงเวลาให้ถอดให้เก็บไปหมดขนาดนี้แล้ว โอ๊ย…ขำกลิ้ง

จริงๆ แล้วที่ขำมาก่อนหน้านี้แล้วคือ การที่คนชั้นปกครองและผู้ถือกฎหมายทั้งหลายออกมาบอกว่า “ไม่มีบ่อน…ไม่มี้” ต้องทำเสียงสูงด้วยจึงจะได้อารมณ์ น่าขำไหมล่ะที่บ่อนอยู่ตรงไหนชาวบ้านชาวช่องแถวนั้นรู้หมด แต่ทำไมตำรวจไม่เคยรู้เลย

เฮ้ย…เอ้า เชิญขำหมู่

แต่ที่ขำไม่ออกคือ ที่ตำรวจบอกไม่รู้ว่ามีบ่อน แต่มีตำรวจไปเล่นการพนันในบ่อนนี้จนถูกยิงตาย นี่มันอะไรกันครับท่านผู้แสดงจำอวดทั้งหลาย

 

ขําเรื่องต่อมาก็คือ “กรณีของบอส อยู่วิทยา” ที่ตอนนี้กลายเป็น “เผือกร้อน” กันไปทั่ว ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายทั้งโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ต่างพากันเปรอะเปื้อนด้วยกระแสสังคมและแรงกดดันทั้งสิ้น

แล้วขำอะไรเหรอในเรื่องนี้

โอ๊ย…มีเรื่องให้ขำเต็มไปหมด

ขำอย่างแรกคือ ขำจากยุทธการ “ดิ้นและแถ” ของผู้ถูกสอบสวนอยู่ในขณะนี้

ใครได้อ่านหรือติดตามข่าว คงอยากรู้ว่าที่ตอนนี้มีคณะกรรมการสอบสวนเกิดขึ้นกันหลายชุดนั้น พวกที่ถูกเรียกไปให้ข้อมูลหรือไปให้สอบสวน จะชี้แจงอย่างไร

ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่ว่าแหละครับ คือ “ดิ้นและแถ” ด้วยการถามอย่างตอบอย่าง ถามซ้ายตอบขวา ตอบไปตอบมาเผลอๆ จะวกเข้าหาตัวเอง เพราะเคยพูดไว้อย่าง แต่ตอนนี้มาหลุดไปอีกอย่าง

เช่น การกลับคำให้การเรื่องความเร็วรถของบอส ที่เดิมยืนยันเสียงแข็งไว้ว่าต่ำกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาเป็นราว 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในทันทีทันใด เร็วกว่ารถเฟอร์รารี่ยูเทิร์นเสียอีก อ้างว่าสับสนในข้อมูล

หรือกรณีที่มีนายตำรวจมาให้ข้อมูลว่า โคเคน เป็นส่วนผสมยาที่ใช้ทำฟัน จึงไม่ติดใจเอาความ แล้วทีหลังเหล่านักวิชาการและทันตแพทย์ระดมกันออกมาคัดค้านว่าไม่จริง ก็ยังไม่เห็นว่าจะรับผิดชอบกับคำพูดของตัวเองอย่างไร

อย่างนี้จึงชวนให้นึกถึงความกระอักกระอ่วนที่ต้องพยายามเอาตัวให้รอดของเจ้าตัว พอนึกก็ยิ่งอดขำออกมาไม่ได้ โถ…หัวเราะไปสงสารไป ตัวคงถลอกปอกเปิกน่าดู

และที่ขำแบบสะใจคือ ขำที่เห็นการโยนกลองกันไป-มาระหว่างอัยการและตำรวจ ที่เป็นต้นทางของการตัดสินดำเนินคดี ถ้าเป็นกีฬาก็ให้นึกถึงกีฬาปิงปอง ที่ต่างคนต่างพยายามตีลูกให้ออกไปจากตัวให้เร็วที่สุด ไม่ใช่ตีออกไปอย่างเดียว ยังตีกระหน่ำใส่อีกฝ่ายด้วย

ส่วนคนที่ไม่มีคู่กรณีให้โยนกลองกัน ก็คงเปรียบเป็นกีฬากอล์ฟคือ กูขอตีมันไปให้ไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้จะได้ปลอดภัย

กว่าเครื่องเคียงฯ ตอนนี้ที่เขียนอยู่จะตีพิมพ์ ก็อาจได้เห็นอาการตีปิงปองหรือตีกอล์ฟของใครต่อใครให้ได้ขำกลิ้งกันอีกก็ไม่รู้

หรือไม่ก็อาจได้เห็นอาการ “ดิ้น แถ และจ๋อย” ให้บังเกิดแก่สายตาประชาชีก็เป็นได้

 

ขําเรื่องต่อมาคือ ขำที่เห็นอะไรบางอย่างของ “รายการข่าวบนหน้าจอโทรทัศน์” นั่นคือเห็นตัวเลขที่แสดงไว้ตรงมุมจอล่างเพื่อแสดงให้เห็นว่า ฉันติดตามคดีนี้หรือเรื่องนี้มากี่วันแล้วนะจ๊ะ เช่น

“90 วัน ใครฆ่าน้องชมพู่”

ในขณะที่ช่องคู่แข่งก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน

“90 วัน ไขปริศนาคดีชมพู่”

กว่าจะตีพิมพ์เครื่องเคียงฯ ตอนนี้ก็ร่ำๆ ว่าจะถึง 100 วันอยู่รอมร่อ

ที่ขำเพราะเดี๋ยวนี้เขาเล่นกันอย่างนี้แล้วว่า ใครจะตามเกาะติด ขยี้คดีนั้นๆ มากกว่ากัน ทุกวันนี้ก็พยายามสรรหาแง่มุมมานำเสนอต่างๆ นานา ครั้นจะเลิกเล่นก็เลิกไม่ได้ เหมือนขี่หลังเสืออยู่ยังไงไม่รู้

 

ขําสุดท้ายคือ “เรื่องเศรษฐกิจ” ที่โดนพิษโควิดเล่นงานจนระทมกันไปทุกหย่อมหญ้า อะไรที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น อย่างสมาคมฟุตบอลที่เคยอู้ฟู่ ถึงคราวต้องดิ้นรนหากู้เงินเพื่อจัดแข่งฟุตบอลลีกให้ได้ หรือโรงงานที่เปิดทำการได้วันเดียวก็ต้องสั่งปิดลอยแพพนักงานเป็นร้อย หรือสองผัว-เมียรมควันตายคู่หนีหนี้เพราะพิษโควิด

แต่เป็นการขำที่ขื่นๆ ขำแบบน้ำตาตกใน ขำแบบหัวเราะแค่นๆ

เพราะไม่รู้ว่าจะได้เลิกขำเมื่อไหร่ หรือต้องขำไปร้องไห้ไปเช่นนี้อีกนาน

กลัวแต่ว่าจะกลายเป็น “โรคขำเรื้อรัง” เท่านั้น รักษาเท่าไรก็ไม่หาย

ไม่รู้เหมือนกันว่า “โรคขำเรื้อรัง” กับ “โรคชังชาติ” อันไหนจะรักษาง่ายกว่ากัน

ขำตายละ