ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 สิงหาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | กาแฟดำ |
ผู้เขียน | สุทธิชัย หยุ่น |
เผยแพร่ |
สัปดาห์ก่อนผมเสนอบทสนทนาของผมกับรัฐมนตรีข้ามเพศของไต้หวันที่ดูแลกิจกรรมดิจิตอลว่าด้วยความสำเร็จของการใช้เทคโนโลยีและ “ข้อมูลเปิด” ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงเพื่อสู้โควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับคนไทยเราในการวางยุทธศาสตร์ดิจิตอลในการยกระดับประสิทธิภาพในการสร้างชาติได้อย่างแท้จริง
บทเรียนที่สำคัญคือการที่รัฐบาลจะต้องเปิดกว้างกับประชาชน และจะต้องให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าเป็นส่วนหนึ่งของ “กองทัพนักรบ” ในการทำสงครามกับโรคระบาด
สิ่งที่รัฐมนตรีดิจิตอลคนรุ่นใหม่อย่างออเดรย์ ถัง เน้นหนักก็คือ “นวัตกรรมสังคม” หรือ social innovation ที่ทำให้ประชาชนทุกวงการมีส่วนในการช่วยกันสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่เอื้อต่อการส่งเสริมให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
เมื่อทำสงครามกับโรคระบาดต้องไม่มีฝักไม่มีฝ่าย ไม่มีพวกเขาพวกเรา และที่สำคัญคือจะต้องทำให้เกิดความตระหนักว่าหากแพ้ศึกครั้งนี้ก็คือความพ่ายแพ้ของคนทั้งประเทศ
สูตร Fast, Fair, Fun คือการเน้นความรวดเร็ว, ความเสมอภาคและเป็นธรรมสำหรับคนทั้งหลาย
และที่ต้องไม่ลืมคือ “ความสนุก”
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือการใช้อารมณ์ขันเข้าปะทะกับความเครียดของการแพร่ระบาดของโรค
และคนที่ใช้อารมณ์ขันอธิบายปัญหาและปัดเป่าข่าวลือข่าวปล่อยทั้งหลายนั้นคือคนระดับสูงในรัฐบาลเอง
ความสนุกและอารมณ์ขันจึงกลายเป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้สามารถเผด็จศึกไวรัสตัวนี้ได้อย่างน่าทึ่ง
วันนี้ผมนำเอาอีกบางตอนของบทสัมภาษณ์ออนไลน์วันนั้นมาให้ได้อ่านเพื่อวิเคราะห์กันต่อ
ถาม : นอกจาก Fast, Fair แล้ว สูตรของความสำเร็จของไต้หวันในการบริหารวิกฤตโควิด-19 ยังมีเรื่อง Fun ด้วยใช่ไหม…และยังนำไปสู่เรื่องของ Rough Consensus หรือ “ความเห็นพ้องร่วมอย่างหยาบๆ” ใช่ไหมครับ
ตอบ : ใช่ค่ะ ความเห็นพ้องต้องกันแบบหยาบๆ (Rough Consensus) มันสำคัญมาก
เพราะถ้าความเห็นของประชาชนตรงกันจริงๆ คุณจะต้องโหวตแล้วลงชื่อ ซึ่งมันเสียเวลามาก มันยากมากที่ได้ไปถึงจุดที่คนเห็นตรงกันทั้งหมด
แต่ถ้าเห็นตรงกันแค่หยาบๆ หรือในระดับที่พออยู่กับมันได้ เราก็สามารถบรรลุได้ง่ายมาก
และตอนนี้มันง่ายขึ้นไปอีกเพราะนายกฯ ซู เจิง-ชาง ที่ชอบยิ้มตลอดเวลา ก็มีส่วนอย่างมากในการสร้างความเห็นพ้องต้องกันแบบหยาบๆ และช่วยอธิบายด้วยวิธีใหม่ๆ โดยใช้มีม ซึ่งนี่เป็นส่วนสนุกของรวดเร็ว เป็นธรรม และสนุก
ถาม : ที่คุณเน้นเรื่อง “สนุก” ก็เพื่อเข้าถึงคนไม่สนใจการเมืองใช่ไหม
ตอบ : ใช่ คุณต้องทำให้สนุกถึงจะตรงจุด คือตอนที่คนไปแห่ตุนกระดาษทิชชู ตอนนั้นมีข่าวลือที่บอกว่า เพราะรัฐบาลเพิ่มการผลิตหน้ากากอนามัยจากไม่ถึง 2 ล้านชิ้นต่อวัน เป็น 20 ล้านชิ้นต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 10 เท่า โดยใช้วัสดุเดียวกับกระดาษทิชชู จะทำให้ไม่มีทิชชูใช้อีกไม่นาน
แน่นอนว่ามันไม่จริง
แต่คนที่เชื่อทฤษฎีสมคบคิดก็แห่ออกไปซื้อกระดาษทิชชูจนขาดตลาด พอเราเห็นข่าวลือนี้แพร่หนักขึ้นเรื่อยๆ เราก็ต้องทำอะไรบางอย่าง
ภายในหนึ่งชั่วโมงนั้นคุณเห็นนายกรัฐมนตรีในสไลด์ ทำรูปหันบั้นท้ายออกมาและส่ายสะโพกนิดหน่อย มีตัวหนังสือตรงนี้เขียนว่าเราทุกคนมีบั้นท้ายแค่คู่เดียว
นั่นแปลว่าไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก ไม่ต้องวิ่งไปตุนกระดาษทิชชู
จากนั้นก็อธิบายต่อว่ากระดาษทิชชูผลิตจากวัสดุจากอเมริกาใต้และหน้ากากอนามัยผลิตจากวัสดุในประเทศ ไม่ใช่วัสดุเดียวกัน มีมนี้เลยกลายเป็นไวรัล
ทุกคนชอบรูปนายกฯ ส่ายสะโพก มันเข้าถึงคนได้มากกว่าข่าวลือ
หลังจากนั้น 2 วันเราเห็นผล มันเหมือนวัคซีน คนที่เห็นมีมนี้ไม่ตื่นตระหนกอีกแล้ว ประชาชนรู้สึกแตกต่างออกไป
แล้วเราก็พบว่าคนที่ปล่อยข่าวลือที่จริงเป็นคนที่ซื้อทิชชูมาขายต่อ
เราเลยใช้กลยุทธ์ใช้อารมณ์ขันปะทะข่าวลือมันปาก
ในการต่อสู้กับข้อมูลลักษณะนี้ ไม่ได้เจอแค่ครั้งเดียว แต่เจอตลอด
อย่างตอนที่เราอธิบายเรื่องการรักษาระยะห่าง เราใช้สุนัขเป็นโฆษกของกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิภาพ
ถ้าคุณอยู่ในบ้าน จะเห็นหมา 3 ตัว แต่ถ้าอยู่นอกบ้านจะเหลือ 2 ตัว แล้วก็จำไว้ว่าควรใส่ปิดปากและจมูกตอนจาม แล้วเอามือจับปาก ต้องใส่หน้ากาก ต้องเตือนตัวเองตลอดให้ทำแบบนี้
เราทำอะไรพวกนี้ตลอด รวมไปถึงเกมออนไลน์ที่ดังๆ คุณจะเห็นว่ามีมพวกนี้แพร่ออกไป ซึ่งมันทำให้ข่าวลือแพร่ยากขึ้นถ้าเจอมุขตลกของเรา
ถาม : มันไม่ใช่แค่เทคโนโลยี คุณจะต้องมีทีมงานที่สร้างสรรค์ด้วย ทีมงานสร้างสรรค์ที่เห็นว่ามีข่าวปลอมและข่าวลือ…
ตอบ : และดาวตลกด้วย
ถาม : คุณใช้ดาวตลกช่วยนายกรัฐมนตรีด้วยเหรอ
ตอบ : ใช่ค่ะ นายกรัฐมนตรีเป็นดาวตลกเบอร์ 1 เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนเพิ่งจะได้แต่งตั้งเป็นโฆษกของคณะรัฐมนตรี
ถาม : เออ มีแบบนี้ด้วย
ตอบ : ท่านไม่ได้รับผิดชอบแค่แคมเปญ “เรามีบั้นท้ายแค่คู่เดียวเท่านั้น” แต่รับผิดชอบสิ่งนี้ด้วยซึ่งตลกมาก
มีข่าวลือว่าถ้าออกไปทำผม คุณโดนปรับ 1 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ต่อมา
แล้วนายกรัฐมนตรีก็เอารูปตอนหนุ่มมาทำโปสเตอร์ที่มีข้อความว่า “ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ผมคงไม่ลงโทษใครที่ดูเหมือนผมตอนหนุ่มๆ หรอก”
จากนั้นเราก็ประกาศให้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมต้องติดฉลาก ซึ่งจะบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม 2564
ตรงนี้นายกฯ บอกว่า ยังไงซะ ถ้าคุณยังย้อมผมหลายครั้งต่อสัปดาห์ มันคงไม่ทำให้กระเป๋าคุณฉีก แต่มันจะทำร้ายศีรษะของคุณ ดูผมเป็นตัวอย่างสิ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ
ถาม : ตลกอย่างนี้ได้ผล
ตอบ : มันตลกมาก ท่านนายกฯ ล้อเลียนตัวเอง ไม่ได้ทำกับคนอื่น ก็เลยเป็นมุขที่ดีมาก
นี่คือสูตร รวดเร็ว เป็นธรรม และปรีดา
ถาม : ประชาชนชื่นชอบ แล้วมองการเมืองเป็นเรื่องสนุกและเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันด้วย
ตอบ : มันเข้าถึงคนค่ะ
ถาม : ทำให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลพูดภาษาเดียวกับชาวบ้าน
ตอบ : ถ้าเรามีความคิดดีๆ อย่างเช่น สวมหน้ากากอนามัยสีชมพูหรือใช้หม้อหุงข้าวแบบเก่าฆ่าเชื้อที่หน้ากากอนามัย ก็แค่โทร.มา 1922 แล้วความคิดของคุณก็จะกลายเป็นมีมในวันถัดมา
ถาม : ตรงนี้เลยเป็นแหล่งระดมความคิดที่เปิดกว้าง ทางเลือกที่เปิดกว้างสำหรับประชาชนทั่วไป เพราะฉะนั้นใครก็ตามก็มีส่วนร่วมได้ ตรงนี้คือสิ่งที่คุณบอกว่าเป็นการมีส่วนร่วมของประชาชนใช่ไหม
ตอบ : ใช่ มันเป็นสิ่งที่ฉันเรียกว่า “คลังความคิดร่วมกัน” ทุกคนช่วยเราคิดนวัตกรรมเพื่อสังคมใหม่ๆ ออกมา คือถ้าความคิดที่กลั่นออกมาแล้ว ถ้ามันได้เผยแพร่ออกไป มันก็จะช่วยให้สังคมดีขึ้น
(สัปดาห์หน้า : บทเรียนที่ไต้หวันได้ครั้งนี้คืออะไร)