รายงานพิเศษ / จับกระแส ‘บิ๊กตู่’ ขยับ จัดกองทัพยุคเปลี่ยนผ่าน ถ่วงดุล ‘ทหารคอแดง’ ‘บิ๊กเล็ก’ ลุ้น! นั่ง ผบ.ทบ.สายตรง ‘บิ๊กแก้ว-บิ๊กบี้’ พร้อม!! ‘บิ๊กลือ’ กางปีกป้องล้วงลูก

รายงานพิเศษ

 

จับกระแส ‘บิ๊กตู่’ ขยับ

จัดกองทัพยุคเปลี่ยนผ่าน

ถ่วงดุล ‘ทหารคอแดง’

‘บิ๊กเล็ก’ ลุ้น! นั่ง ผบ.ทบ.สายตรง

‘บิ๊กแก้ว-บิ๊กบี้’ พร้อม!!

‘บิ๊กลือ’ กางปีกป้องล้วงลูก

 

ยิ่งใกล้ยิ่งเข้มข้น การจัดโผทหารนายพลปีนี้ โผใหญ่ที่ว่าลงตัวแล้วแต่หัววัน

แต่พอใกล้เวลาที่จะนำโผโยกย้ายขึ้นทูลเกล้าฯ กลับมีความเคลื่อนไหวระดับ 7 ริกเตอร์ เมื่อมีข่าวสะพัดถึงความเปลี่ยนแปลง

หลังจากมีรายงานว่า บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้หารือกับบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ถึงตำแหน่งของบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ.

เนื่องจากไม่มีตำแหน่งที่เหมาะสม ทั้งๆ ที่อาวุโสสูงสุดใน ทบ. เพราะเป็นรอง ผบ.ทบ. ครองอัตราพลเอกพิเศษ หรืออัตราจอมพลเดิมมาแล้ว 2 ปี คงจะไม่สามารถให้นั่งเป็นรอง ผบ.ทบ.ต่อไปเป็นปีที่ 3 ได้

จึงมีการหารือถึงความเป็นไปได้ ที่จะให้ พล.อ.ณัฐพลที่อาวุโสสูงสุดในกองทัพ ข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุดก่อน 1 ปี แล้วให้บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร รุ่นน้อง ตท.21 จปร.32 ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด รอไปก่อน 1 ปี เพราะมีอายุราชการถึงกันยายน 2566

หรือจะให้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ก่อน 1 ปี เพราะนอกจากอาวุโสแล้ว ยังเป็นรุ่นพี่เตรียมทหาร 20 จปร.31 ของบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผช.ผบ.ทบ. ที่จะได้รับเสนอชื่อเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่

โดยให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์รอไปก่อน 1 ปี เพราะมีอายุราชการถึงกันยายน 2566 โดยจะให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทบ.จ่อไว้ก่อน

 

แต่ด้วยเพราะเชื่อกันว่า มีข้อกำหนดว่า ผบ.ทบ.จะต้องเป็น “นายทหารคอแดง” หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904)

แต่มีรายงานว่า ตามระเบียบ ทบ.ไม่ได้มีข้อกำหนดเช่นนั้น เพราะทหารคอแดงก็คือกำลังพลของ ทบ.ตามปกติ และมีภารกิจเพิ่มเติมในการถวายงาน

โดยเฉพาะตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าจะต้องเป็น “นายทหารคอแดง”

แต่ทั้งหมดนี้จะต้องได้รับไฟเขียวเสียก่อน จนเป็นที่ร่ำลือกันว่า ทุกอย่างจะชัดเจนหลัง 12 สิงหาคม 2563

ทั้งนี้เพราะโผโยกย้ายทหารในส่วนของกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ได้ส่งให้ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหมแล้ว คงเหลือแต่ของ ทบ. และ บก.กองทัพไทย ที่จะส่งให้กลาโหมในกลางเดือนสิงหาคม

ประกอบกับมีความเคลื่อนไหวที่ชั้น 6 บก.ทบ. ของ พล.อ.อภิรัชต์ และ พล.อ.ณรงค์พันธ์

 

โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังมีสัญญาณจาก พล.อ.ประยุทธ์มา พล.อ.อภิรัชต์ก็เรียก พล.อ.เฉลิมพลมาพบพูดคุยที่ บก.ทบ. รวมทั้ง พล.อ.ณรงค์พันธ์

โดยมีรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์แจ้งให้ทราบถึงสัญญาณบางประการที่อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด หรือ ผบ.ทบ.

เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับ พล.อ.ณัฐพล ที่รู้กันดีว่าเป็นน้องรักที่นายกฯ ไว้วางใจ เชื่อมือ และช่วยงานนายกฯ มาตลอดตั้งแต่สมัยที่เป็น ผบ.ทบ. จนเป็นนายกรัฐมนตรีในยุค คสช. 5 ปี

อีกทั้งสนิทสนมกับ พล.อ.ประยุทธ์มายาวนานตั้งแต่อยู่ใน ทบ. จนขึ้นเป็น ผบ.ทบ. และรัฐประหารเป็นนายกฯ คสช. ที่ดึง พล.อ.ณัฐพลมาช่วยงาน คสช. เป็นรองเลขาธิการ คสช. และเป็นคีย์แมนสำคัญของ คสช.

จนมาในรัฐบาลปัจจุบัน เมื่อเกิด Covid-19 พล.อ.ประยุทธ์ก็ดึงตัว พล.อ.ณัฐพลมาช่วยงาน ศบค.ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก เป็นกำลังหลักที่ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล

แน่นอนว่า ทั้ง พล.อ.เฉลิมพล และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ย่อมต้องพร้อมรับทุกการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา

 

ทั้งนี้ มีการจับตามองว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องกล้าที่จะตัดสินใจในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของบ้านเมืองและกองทัพ

ไม่เช่นนั้นแล้วกองทัพก็จะถูกจัดวางระบบว่า จากนี้ไป ผบ.ทบ. หรือ ผบ.ทหารสูงสุด จะต้องเป็นทหารคอแดงเท่านั้น ที่อาจจะทำให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจของทหารส่วนใหญ่ในกองทัพ

ที่มีทั้งวงศ์เทวัญ ทหารเสือราชินี และ ที่เคยได้กุมอำนาจในตำแหน่งสำคัญมาตลอดประวัติศาสตร์ของกองทัพ

เพราะกรณีของ พล.อ.อภิรัชต์ที่ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.เมื่อ 2 ปีที่แล้วนั้น ไม่ใช่เพราะว่าเป็นทหารคอแดง แต่เพราะอยู่ใน 5 เสือกองทัพบกและมีความรู้ความสามารถอยู่ในไลน์ที่จะต้องขึ้นอยู่แล้ว

แต่ทว่าก็ได้กลายเป็น ผบ.ทบ.คนแรกที่เป็นทหารคอแดง ผ่านหลักสูตรการฝึกของ ทม.รอ.นาน 3 เดือน และเป็น ผบ.ทบ.ที่เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 คนแรก

แต่ทว่านี่อาจจะไม่ใช่ข้อกำหนดของกองทัพบก ว่า ผบ.ทบ.จะต้องเป็นทหารคอแดง

แม้ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็จะเป็นนายทหารคอแดงที่มีตำแหน่งรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 และเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) เช่นเดียวกับ พล.อ.อภิรัชต์ก็ตาม

เพราะทหารคอแดงก็คือกำลังพลของ ทบ.เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ

จนทำให้เกิดกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจจะตัดสินใจในการดัน พล.อ.ณัฐพลขึ้นเป็น ผบ.ทบ. 1 ปี แต่หากฝ่าด่านไม่สำเร็จ ก็อาจให้ข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด 1 ปี

ที่ทำให้เกิดการลุ้นครั้งใหญ่ในกองทัพบกและกองทัพไทย

แม้ว่าบิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด จะเสนอชื่อ พล.อ.เฉลิมพลเป็น ผบ.ทหารสูงสุดตามเดิม ส่วน พล.อ.อภิรัชต์ก็เสนอชื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์เป็น ผบ.ทบ.ตามเดิมก็ตาม

เพราะหากเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ นั่นหมายถึงทุกอย่างเป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการ

และจะเป็นการวัดอำนาจและบารมีของ พล.อ.ประยุทธ์ในยุคเปลี่ยนผ่านเช่นนี้ได้เป็นอย่างดีด้วย

ท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายของการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมทั้งกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ที่มีการแสดงออกชัดเจนในการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ และสถานการณ์ทางการเมืองที่จะร้อนระอุขึ้นจากนี้ไป

นายทหารที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องคุมได้แบบ 100%

เพราะระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ณรงค์พันธ์นั้นแม้จะเคยทำงานร่วมกันมาในกองทัพภาคที่ 1 แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมเป็นสายตรงใกล้ชิดกันเช่น พล.อ.อภิรัชต์

ขณะที่ พล.อ.ณัฐพลแม้จะไม่ได้เติบโตมาในสายกำลังรบ สายคอมแมน ทว่าเป็นฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายบุ๋น แต่สนิทสนมและเป็นที่ไว้วางใจของ พล.อ.ประยุทธ์อย่างมาก

จึงไม่แปลกที่จะมีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์พยายามที่จะผลักดัน พล.อ.ณัฐพลให้ได้ในตำแหน่งสำคัญ

แม้ว่าจะมีตำแหน่งที่เหมาะสมรองรับ อย่างเช่น เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ว่างลงพอดีเพราะ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา จะเกษียณราชการ

แต่ พล.อ.ณัฐพลก็ไม่สะดวกใจที่จะไปนั่งในตำแหน่งเลขาฯ สมช. เพราะรู้กันดีว่ามีบิ๊กโจ้ พล.อ.ณตฐพล บุญงาม รอจ่อคิวอยู่ แต่ก็มีอายุราชการถึงกันยายน 2566 ก็ยังคงรอได้หากจะให้ พล.อ.ณัฐพลมาเป็นเลขาฯ สมช.ก่อนหนึ่งปี เพราะไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจจะต้องข้ามไปเป็นรองปลัดกลาโหม

ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่ พล.อ.ณัฐพลต้องการเลย

 

กระแสข่าวและความเคลื่อนไหวต่างๆ เหล่านี้ถูกมองว่าอาจเป็นแค่ข่าวลือ แต่ทว่าความเคลื่อนไหวในกองทัพบกที่เข้มข้นก็เป็นการยืนยันว่า มีสัญญาณแห่งความพยายามในการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริง

พล.อ.อภิรัชต์ต้องปิดห้องคุยกับ พล.อ.เฉลิมพล และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด

ก่อนที่ในวันต่อมาจะปิดห้องคุยกับ พล.อ.ณัฐพลเป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง

ท่ามกลางกระแสข่าวสะพัดถึงความหมางเมินระหว่าง พล.อ.อภิรัชต์ กับ พล.อ.ณัฐพล เพื่อน ตท.20 ด้วยกัน จากความพยายามในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

เพราะ พล.อ.อภิรัชต์สนับสนุนให้ พล.อ.ณัฐพลไปเป็นเลขาฯ สมช.มากกว่าที่จะมาเป็น ผบ.ทหารสูงสุด หรือ ผบ.ทบ.

แต่ท้ายที่สุดก็ต้องอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นทั้ง รมว.กลาโหมและเป็นนายกรัฐมนตรี

 

“กําลังพิจารณากันอยู่ แต่ก็ต้องถามความสมัครใจของ พล.อ. ณัฐพลด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว เมื่อถูกนักข่าวถามถึงโอกาสที่ พล.อ.ณัฐพลจะข้ามไปเป็นเลขาฯ สมช.

เมื่อถามว่า มีข่าวว่านายกฯ จะผลักดัน พล.อ.ณัฐพลให้เป็น ผบ.ทหารสูงสุด หรือ ผบ.ทบ.นั้น พล.อ.ประยุทธ์เลี่ยงตอบ โดยกล่าวว่า ก็ให้ ผบ.เหล่าทัพเขาเสนอมาก่อน

“นักข่าวไม่ต้องสนใจเรื่องโผโยกย้ายทหารมากนัก เพราะนักข่าวไม่เกี่ยว แต่เป็นความรับผิดชอบของผมในฐานะ รมว.กลาโหม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ทั้งนี้เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องการให้เกิดการแบ่งกลุ่ม แบ่งเหล่า ว่า เป็นทหารคอแดง วงศ์เทวัญ บูรพาพยัคฆ์ ทหารเสือราชินี โดยใครจะขึ้นตำแหน่งสำคัญ ทั้งแม่ทัพภาคที่ 1 หรือ ผบ.ทบ. และ ผบ.ทหารสูงสุด ให้ยึดตามความรู้ความสามารถ อาวุโส ความเหมาะสม ไม่ใช่เพราะเป็นทหารกลุ่มใด

ดังนั้น ผบ.เหล่าทัพชุดนี้ที่กำลังจะเกษียณราชการย่อมมีอำนาจในการต่อรองน้อย จึงต้องเตรียมพร้อมรับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์

แต่ในที่สุด หากไม่เป็นไปอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการ ก็เป็นการแสดงให้ พล.อ.ณัฐพลได้เห็นแล้วว่า “พี่ตู่” ได้พยายามแล้ว เมื่อนั้นตำแหน่งเลขาฯ สมช. และรองปลัดกลาโหม อาจเป็นคำตอบสุดท้าย

 

ไม่ใช่แค่กองทัพไทย ไม่ใช่แค่กองทัพบก แต่อาจจะรวมถึงกองทัพเรือ และกองทัพอากาศ

เพราะมีข่าวสะพัดในช่วงสุดท้ายนี้ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงล้วงลูก

ส่งผลให้เกิดความฮือฮาในกองทัพเรือเมื่อมีข่าวหนาหูว่า บิ๊กช่อ พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ รอง ผบ.ทร. แซงโค้งสุดท้ายได้ขึ้นเป็น ผบ.ทร.

แต่ทว่ามีรายงานยืนยันว่า พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. เสนอชื่อบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผช.ผบ.ทร. เป็น ผบ.ทร.คนใหม่

กระแสข่าวใบสั่งหรือการล้วงลูกนี้ส่งผลให้ พล.ร.อ.ลือชัยต้องออกมาสะกิดผู้มีอำนาจว่า “คุณจะล้วงลูกได้ไง คุณไม่ให้เกียรติพวกผม 5 เสือเลยเหรอ ก็ผ่านบอร์ดมาแล้ว ไม่ใช่ ผบ.ทร.คนเดียว ไม่ใช่คุยกันได้ เคลียร์กันได้อีกต่อไปแล้ว ถ้าจะเปลี่ยน เปลี่ยนเพราะอะไร นี่คือสิ่งที่เราทำกัน”

พร้อมยืนยันว่า ยังไม่มีสัญญาณใดๆ มา แต่ถ้าขอผมมา ผมก็ขอไปประชุมก่อน ไม่ใช่ผมจะไปเปลี่ยน เพราะมีน้องๆ คุยกัน 5 คน มันไม่ควร

“ไม่ใช่ ผบ.ทร.จะชี้คนนั้นคนนี้ได้ แต่จะมีบอร์ดพิจารณาประกอบด้วย ผบ.ทร. รอง ผบ.ทร. ผู้ช่วย ผบ.ทร. เสธ.ทร. ผบ.กองเรือยุทธการ มาประชุมร่วมกันเพื่อหาว่าใครจะเป็นทายาทกองทัพเรือ ที่จะบริหารกองทัพเรือต่อไปในภายภาคหน้า ไม่ใช่มาทีก็เปลี่ยนที ต้องประชุมร่วมกัน ได้ข้อสรุปตรงกัน”

พร้อมเผยสเป๊ก ผบ.ทร.คนใหม่ ว่า ต้องมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ถ้าไม่มี ชอบโพสต์กระแหนะกระแหน นอกลู่นอกทางอยู่เรื่อย ก็ไม่ควรเป็นผู้นำของกองทัพ

และต้องเป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรม ไม่ใช่พอมีอำนาจเข้าหน่อยก็เหลวไหล และสุดท้ายต้องมีความอาวุโส นี่คือภาพรวมที่จะพิจารณา กระแสข่าวที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดความหวั่นไหวในกองทัพเรืออย่างมาก และทำให้โผทหารเรือเข้มข้นมากขึ้น

แต่ยังมีรายงานยืนยันว่า พล.ร.อ.ลือชัยยังคงยืนยันชื่อ พล.ร.อ.ชาติชายเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ตามเดิม

 

ขณะที่กองทัพอากาศก็มีข่าวการปรับเปลี่ยน จากที่มีข่าวว่า พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. เสนอชื่อบิ๊กจ้อ พล.อ.อ. ธรินทร์ ปุณศรี ผช.ผบ.ทอ. เพื่อน ตท.20 เป็น ผบ.ทอ.คนใหม่

มาเป็นชื่อของบิ๊กต่วย พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ ต่ายทอง เสธ.ทอ. รุ่นน้อง ตท.21 ที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2565

แม้แต่ข่าวที่ว่า บิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.คปอ. ลูกชาย พล.อ.อ.ประพันธ์ อดีต ผบ.ทอ.ผู้ล่วงลับ จะกลายเป็นม้ามืดนั่ง ผบ.ทอ.เลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม พล.อ.อ.มานัตยืนยันว่า โผ ทอ.เสร็จเรียบร้อยลงตัวเสนอให้กระทรวงกลาโหมไปเป็นเหล่าทัพแรกแล้ว

            จึงเรียกได้ว่าโผทหารโผนี้มีการลุ้นจนโค้งสุดท้ายกันในทุกเหล่าทัพเลยทีเดียว