ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 สิงหาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
ปะทะความคิด
ระหว่าง โลกเก่า โลกใหม่
กับ ‘รัฐประหาร’
หากแหวกม่านควันแห่งคำสบประมาท หมิ่นหยามที่ว่าเป็น “ม็อบมุ้งมิ้ง” เป็น “ม็อบฟันน้ำนม” หรือล่าสุดที่ว่าเป็น “ม็อบวูบวาบ” เข้าไป
แล้วศึกษาข้อเสนออันเป็นข้อเรียกร้อง 3 ประการเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม
เริ่มจาก 1 หยุดคุกคามประชาชน และตามมาด้วย 1 ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ให้เป็นประชาธิปไตย และ 1 ยุบสภาเพื่อมอบโอนอำนาจในการตัดสินใจให้กับประชาชน
ก็จะสัมผัสได้ในความเป็นระบบและยึดโยงกันในทางเนื้อหา
ยิ่งเมื่อมีการประสาน “เยาวชนปลดแอก” เข้ากับ “คณะประชาชนปลดแอก” เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม เข้าไปพร้อมกับการเสนออีก 2 ข้อสำคัญในทางการเมือง
1 คัดค้านและพร้อมต่อต้านรัฐประหาร 1 คัดค้านและพร้อมต่อต้านรัฐบาลแห่งชาติ
ก็จะเห็นได้ว่ารากฐานในทาง “ความคิด” และความเข้าใจต่อสภาพการณ์ทาง “การเมือง” ทั้งของ “เยาวชน” และ “ประชาชน” ปลดแอกดำรงอยู่และดำเนินไปอย่างลึกซึ้ง
โดยเฉพาะประเด็นว่าด้วย “รัฐประหาร”
แนวทางรัฐประหาร
ทางออกการเมือง
รัฐประหารนับจากเมื่อเดือนเมษายน 2476 ต่อเนื่องมายังเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ด้านหลักล้วนเป็นความพยายามในการจัดระเบียบและแก้ปัญหาทางการเมืองของชนชั้นปกครอง
หากไม่ 1 เพื่อกระชับอำนาจ ก็ 1 เพื่อโค่นล้มปรปักษ์ทางการเมือง
ภายในกระบวนการรัฐประหารจึงไม่มี “ประชาชน” เข้าไปแสดงบทบาท หากดำรงอยู่เสมอเป็นเพียงเบี้ยหมากเพื่อใช้ในการแอบอ้างหรือปูทางและสร้างเงื่อนไข
เป้าหมายแท้จริงคือ การชิงอำนาจจากชนชั้นปกครองด้วยกัน และการกระชับอำนาจ
บางครั้งชนชั้นปกครองยอมทำแม้กระทั่งรัฐประหารตนเองอย่างเมื่อปี 2494 อย่างเมื่อปี 2501 อย่างเมื่อปี 2514 ก็เพื่อเสริมเติมและสร้างอำนาจให้กระชับมั่นคง
เราจึงเห็นจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โค่นจอมพล ป. พิบูลสงคราม
เราจึงเห็นจอมพลถนอม กิตติขจร ที่เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยึดอำนาจจากจอมพลถนอม กิตติขจร ที่เป็นนายกรัฐมนตรี
“รัฐประหาร” จึงเป็นทางออกหนึ่งของการกระชับและสืบทอดอำนาจ
ข่าวลือรัฐประหาร
“เยาวชนปลดแอก”
ข่าวลือรัฐประหารอันปล่อยมาในสถานการณ์นับแต่การปรากฏตัวของ “เยาวชนปลดแอก” เมื่อวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม มีเป้าหมายหลายประการด้วยกัน
1 เป็นการปล่อยออกมาเพื่อข่มขู่
ไม่เพียงแต่ข่มขู่พวกตนเอง ไม่เพียงแต่ข่มขู่พรรคร่วมรัฐบาล ไม่เพียงแต่ข่มขู่พรรคฝ่ายค้าน หากแต่ยังเป็นการข่มขู่ต่อกระบวนการเคลื่อนไหวของเยาวชนปลดแอก
เห็นได้จากการปล่อยออกมาพร้อมกับ “รัฐบาลแห่งชาติ”
ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งเป็นเป้าหมายอย่างแท้จริงก็คือ เวลา 1 ปีภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 สะท้อนให้เห็นถึงความหงุดหงิดต่อกระบวนการทางรัฐสภา
ยิ่งเมื่อประสบกับการลุกขึ้นมาชุมนุมและเรียกร้องของ “เยาวชนปลดแอก”
ยิ่งถวิลหาอำนาจอันเบ็ดเสร็จในยุคหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 การนำเสนอ “รัฐบาลแห่งชาติ” ก็เป็นเพียงเครื่องถนิมพิมพาภรณ์อย่างใหม่เท่านั้นเอง
ข่าวลือ “รัฐประหาร” จึงเท่ากับเป็นการโยนหินถามทาง
ข่าวลือรัฐประหาร
แนวโน้มใหม่ สังคม
การปรากฏขึ้นของ “เยาวชนปลดแอก” เป็นปรากฏการณ์ใหม่ในทางความคิดและในทางการเมืองซึ่งแปลกแตกต่างไปจากอดีต
ไม่ว่าอดีตหลังรัฐประหารเดือนพฤศจิกายน 2514
ไม่ว่าอดีตหลังรัฐประหารเดือนกุมภาพันธ์ 2534 ไม่ว่าอดีตหลังรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าอดีตหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557
เพราะคราวนี้แม้เป็น “เยาวชน” แต่มิได้จำกัดเฉพาะนิสิต นักศึกษา
ตรงกันข้าม โฉมแห่งการเคลื่อนไหวลงลึกและแพร่กระจายไปถึงระดับนักเรียน ไม่เพียงแต่เข้าร่วมอย่างธรรมดา ตรงกันข้าม กลับดำรงอยู่ในสถานะแกนนำ
ทั้งยังเป็นการเคลื่อนไหวในยุค “ดิจิตอล” อันต่างไปจากยุค “อะนาล็อก”
เป็นการย้ายพื้นที่แห่งการแสดงออกจากโลกแห่ง “ออนไลน์” มาอยู่ในลักษณะ “ออฟไลน์” และก่อให้เกิดสภาวะแปลกแยกอย่างน่าตื่นตะลึง
ปรากฏการณ์ใหม่นี้เองที่ทำให้เกิดความต้องการในการแก้ปัญหาโดยวิธี “รัฐประหาร” อีก
แนวโน้มรัฐประหาร
แนวโน้มการต่อต้าน
การต่อต้านรัฐประหารมีพัฒนาการของมันโดยเฉพาะในรัฐประหารเดือนพฤศจิกายน 2514 เป็นครั้งแรกที่มีนักศึกษาไปวางหรีดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
และ ส.ส.นำโดยนายอุทัย พิมพ์ใจชน และเพื่อนไปฟ้องต่อศาล
แม้นายอุทัย พิมพ์ใจชน และเพื่อนจะถูกจับกุมคุมขัง เช่นเดียวกับนักศึกษาถูกเชิญตัวไปสถานีตำรวจแล้วปล่อยตัว
แต่ผลก็คือ สถานการณ์เดือนตุลาคม 2516
เช่นเดียวกับเมื่อเกิดรัฐประหารเดือนกุมภาพันธ์ 2534 ก็ตามมาด้วยสถานการณ์เดือนพฤษภาคม 2535
แต่รัฐประหารก็ยังเกิดขึ้นอีกในเดือนกันยายน 2549 และเดือนพฤษภาคม 2557
สภาพการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันถือว่าเป็นความต่อเนื่องจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
แต่สถานการณ์จะจบลงอย่างไร อีกไม่นานน่าจะมีคำตอบ