ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 สิงหาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
“การเที่ยวประณามคนอื่นว่า ‘ชังชาติ’ นั้น เกิดขึ้นเพราะผู้ประณามไม่รู้ว่า ‘ชาติ’ คืออะไร นักการเมืองที่แพ้เลือกตั้ง จนถึง ผบ.ทบ. ต่างคาดหวังว่าคำประณามของตนจะปลุกเร้าให้ประชาชนส่วนใหญ่ลุกขึ้นมาต่อต้านคนที่ถูกประณาม อย่างที่ชนชั้นปกครองไทยเคยทำสำเร็จเมื่อ 50 ปีก่อน แต่กลับปรากฏว่าคำประณาม ‘ชังชาติ’ กลายเป็นเรื่องตลกที่ผู้คนเอามาพูดเล่นเป็นเรื่องสนุก
ในบทความสั้นๆ นี้ ผมหวังว่าจะสามารถทำความเข้าใจสามประเด็นหลักคือ หนึ่ง ชาติคืออะไร สอง สำนึกความเป็นชาติของไทยถูกชนชั้นปกครองครอบงำมาแต่ต้น และพยายามสืบทอดความรู้ผิดๆ นั้นสืบมาอย่างไร และสาม ความเสื่อมสลายของการครอบงำ นำมาสู่ยุคสมัยที่คนเล็กๆ จำนวนมากกำลังเข้ามาสร้างสำนึกใหม่ของความเป็นชาติ…”
เพียง 2 ย่อหน้าแรกที่ยกมาให้อ่านนี้
เชื่อว่า แฟนๆ มติชนสุดสัปดาห์คงไม่สามารถข้ามผ่านการอ่านบทความของ “นิธิ เอียวศรีวงศ์” เรื่อง “รักชาติ” ในเล่มนี้ไปได้
แน่นอน ย่อมหมายรวมถึง ผู้ที่ออกมาจุดประเด็น “ชังชาติ”, ฝ่ายเสนาธิการ, รวมถึงฝ่ายกองเชียร์ “ชังชาติ” ด้วย
เพราะการติดอยู่ใน “กรอบ” อันคับแคบ และบิดเบี้ยว
อาจนำไปสู่การตัดสินใจแก้ปัญหาผิด-ผิด จนก่อความสูญเสียหายอย่างไม่คาดคิดได้
การเปิดกว้าง รับฟังเสียงต่าง
ย่อมจะนำไปสู่การตัดสินใจที่รอบคอบกว่า
ขณะที่เมืองไทยกำลังระทึกกับการตัดสินใจของชนชั้นนำ ว่าจะหาทางออกร่วมหรือแตกหักกับคนยุคใหม่อย่างไร
อภิญญา ตะวันออก แห่งคอลัมน์ อัญเจียแขฺมร์
เขียนบทความคู่ขนานกรณีไทย อย่างน่าสนใจ
“เมื่อสมเด็จยกระดับ-ประวัติศาสตร์เขมรใหม่”
สมเด็จนั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน คือสมเด็จฮุน เซน ผู้นำที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดคนหนึ่งของโลกนั่นเอง
ซึ่งแม้วันนี้จะยังมั่นคงในอำนาจ
แต่สมเด็จฮุน เซน ก็ไม่อาจหยุดเสริมความ “มั่นคง” ให้ตนเองและทายาทต่อไป
ตอนนี้สมเด็จฮุน เซน ตั้งนักวิชาการ 25 คนของสำนักราชบัณฑิตเขมรเพื่อการชำระประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่
หลังจากที่นักการเมืองเขี้ยวโง้งอย่างเขารับ “สัญญาณ” เตือนภัยอะไรบางอย่าง
จึงตื่นตัว “รับ”
สัญญาณดังกล่าวส่งออกมาจากสื่อโซเชียลมีเดีย ผ่านโครงการ “แลไปข้างหน้ากัมพูชา 2040” (Envision Cambodia)
ที่จัดทำโดย “เวติกาอนาคต” (Future Forum) องค์กรเอกชนที่ทำกิจกรรมเพื่อสังคมในกรุงพนมเปญ
มีคนรุ่นใหม่อย่างนายอู วิระ เป็นผู้นำ
และกำลังสร้างแคมเปญทางความคิดในรูปหนังสือดิจิตอลและพ็อดคาสต์ ที่เข้าถึงง่ายในคนรุ่นใหม่
พร้อมระดมนักเขียน 16 คน
เพื่อวิเคราะห์เศรษฐกิจ ศิลปะ วัฒนธรรมและสังคมของกัมพูชาในอีก 2 ทศวรรษหน้า
อย่างมีนัยยะสำคัญต่อคนรุ่นใหม่
ถือเป็นการเปิดแนวรุกของโซเชียลมีเดีย
ที่สมเด็จฮุน เซน ย่อมรู้สึกได้ถึงสัญญาณอันตรายต่อระบอบฮุน เซน
ด้วยมันคือยุทธวิธีของการสร้างฐานมวลชนคนหนุ่มสาว ผ่านประวัติศาสตร์กัมพูชาใหม่
ซึ่งอาจเป็นภัยพิบัติใหม่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าทุกๆ ภัยพิบัติที่ผ่านมา
แม้สมเด็จฮุน เซน เคยต่อกรแบบนี้กับนักการเมืองฝ่ายค้านมาอย่าโชกโชนและในทุกรูปแบบ
แต่คนพวกนั้นไม่มีความรอบด้าน
เมื่อเทียบกับคนรุ่นใหม่อย่างนายอู วิระ
ระบอบฮุน เซน ไม่อาจนอนใจต่อการเปลี่ยนแปลงของพลังมวลชนในโลกเสมือนจริง
ดังกรณีเยาวชนประท้วงที่ฮ่องกง
และตอนนี้คือกลุ่มเยาวชนของไทยที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง
สมเด็จฮุน เซน ผู้ระแวดระวัง มีหรือจะไม่จับตา
โครงการชำระประวัติศาสตร์เขมรขึ้นใหม่ โดยนักเขียนสายราชสำนักสีหนุที่หันมาภักดีฮุน เซน
จึงน่าจับตามองว่าจะออกมาอย่างไร
จะสู้กับคนรุ่นใหม่ (กัมพูชา) ได้หรือไม่