สถานีคิดเลขที่ 12 โดยสุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร / มนตร์”เคลิบเคลิ้ม-งงงวย”

สถานีคิดเลขที่ 12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

————————–

มนตร์”เคลิบเคลิ้ม-งงงวย”

————————

ลูกๆหลานๆ อุตส่าห์”โคลนนิ่ง” เอา หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

มาร่วม ร่ายเวทมนตร์คาถา”แฮร์รี่ พอตเตอร์”

บทที่ว่า “เอกซ์เปกโต พาโตรนุม” –Expecto Patronum (คาถาผู้พิทักษ์)

เพื่อ ปลุกให้ผู้พิทักษ์ ปกป้องประชาธิปไตย ตื่นขึ้นมาแสดงบทบาท

แต่ ดูเหมือนจะไม่ขลัง สักเท่าไหร่

เพราะหลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวไปถาม พล.อ.ประวิตร “ตัวจริง” ถึง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ก็ได้คำตอบว่า ต้องดูว่า “กมธ.(คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560) ว่าอย่างไร ไม่เช่นนั้นเราจะตั้ง กมธ.ฯไว้ทำไม”

เมื่อถามต่อว่าหาก กมธ.ฯ เสนอให้แก้ไขในประเด็นไหนพรรค พปชร.จะดำเนินการตามนั้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ต้องดูว่าส.ส.ว่าอย่างไร”

–แล้วส.ส.ว่าอย่างไร

ได้คำตอบจาก น.ส.พัชรินทร์ ซําศิริพงษ์ โฆษกพปชร.ว่าต้องรอรายงานจากกมธ.วิสามัญฯ ได้รับรายงานชุดดังกล่าวแล้ว จะนำรายงานมาปรึกษาหารือกันอีกครั้ง ว่าเป็นการแก้ไขรายมาตรา หรือแก้ไขทั้งฉบับ โดยการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในฐานะที่พรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะนำรายงานมาหารือกันในส่วนของวิปรัฐบาลก่อน เพื่อที่จะหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุด เสนอต่อรัฐบาล

“จำเป็นต้องใช้เวลาในการพิจารณาให้ละเอียดและรอบคอบ”โฆษกพปชร. ย้ำ

วนเป็นเขาวงกต

และ ย้วย-ยืด ไปตามสถานการณ์

จนแทบจะคาดหวัง อะไรไม่ได้

ยิ่ง ไปดูท่าที ของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา (ส.ว.) ก็ชัดเจนว่า ไม่เอา ตามข้อเรียกร้องที่ให้มีการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อให้มีการตั้ง ส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่

โดยอ้างว่า ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง และจะยิ่งทำให้ยุ่งเหยิง

ทำให้เห็นว่า ข้อเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญของ กลุ่มเยาวชน ปลดแอกชาติ เจอ”แรงเสียดทาน”หนักแน่

และยิ่ง เมื่อเจอ กรณี “พี่แดง”สอนน้อง”จปร.” ว่า โรคระบาดโควิด-19 ระบาดอย่างไร ก็ยัง รักษาหายได้

แต่ โรคชังชาติ รักษาอย่างไรก็ไม่หาย

บทเรียน พิสดารนี้ มิได้ มีเป้าหมาย เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แต่ พุ่งเข้าปะทะ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ออกมามายื่นข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยตรงเลยทีเดียว

เป็นการ พุ่งปะทะ แบบ ไม่ต้องมาจับเข่าคุยกันอีกแล้ว

เพราะเมื่อ เป็นโรคชังชาติ ซึ่งตามความเห็นของพี่แดงว่า “รักษาไม่หาย”

ก็ต้อง “เท” ทิ้ง คนเหล่านี้สถานเดียว

และตอนนี้ตำรวจก็เริ่ม กวาดจับแกนนำกันอย่างเอิกเกริกแล้ว

ท่าทีเช่นนี้ ทำให้ สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงออกมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไม่ว่า ความพร้อมที่จะคุยกับคนรุ่นใหม่

ไม่ว่า ความพร้อมที่จะสนับสนุน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามผลการศึกษาของกมธ.วิสามัญ

เบาโหวงลงแทบจะทันที

เพราะ เมื่อ ทั้ง พี่ใหญ่ น้องเล็ก และ กองหนุน ส.ว. แสดงออกถึง การไม่เอาด้วย กับสิ่งที่ เหล่าแฟล็ชม็อบเสนอ

แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะสวนทางหรือ

นี่จึงทำให้ มีการประเมินว่า สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ พยายามจะประนีประนอม รับฟังเสียงต่างจากคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่ความจริง

มิใช่ บท ผู้พิทักษ์ ปกป้องประชาธิปไตย อย่าง ที่ลูกๆหลานๆ พยายามร่าย หรอก

แต่เป็นการร่ายมนตร์ บท ที่ทำให้ เคลิบเคลิ้มงง งวย มากกว่า!