ฟ้า พูลวรลักษณ์ | มนุษย์กำลังเจริญมากเกินไป กำลังขยายตัวอย่างไร้ขอบเขต

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๖๙)

ในป่าใหญ่

สิ่งมีชีวิตที่เจริญเติบโตมากเกินไป จะมีเห็ดชนิดหนึ่งมาจัดการกับมัน มันชื่อ Cordyceps Fungus มีหลายร้อยชนิด แต่ละชนิดจะมาจัดการกับสิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าพันธุ์ สปอร์ของมันจะเข้าไปในสมองของสิ่งมีชีวิตที่เจริญเติบโตมากเกินไปเหล่านั้น ทำให้เป็นบ้า มีพฤติกรรมผิดปกติ เห็ดจะค่อยๆ เติบโต งอกออกมาจากหัวของมัน แล้วไม่ช้า ชีวิตเหล่านั้นก็จะตาย

ฟังดูน่าสะพรึงกลัว เหมือนหนังสยองขวัญ

แต่มันเป็นเรื่องจริง มันคือการที่ธรรมชาติจัดการตัวเองให้สมดุล

ธรรมชาติเกรงกลัวชีวิตที่เจริญเกินไป ชีวิตที่กลายเป็นเจ้าป่า หรือเจ้าโลก หรือเจ้าจักรวาล

สิ่งเหล่านี้ยากที่จะเกิดขึ้นได้

เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นปฏิปักษ์กับธรรมชาติทั้งมวล

แต่มนุษย์กำลังเจริญมากเกินไป กำลังขยายตัวอย่างไร้ขอบเขต

วันหนึ่งธรรมชาติจะหยุดพวกเรา มันอาจปรากฏตัวขึ้นในรูปแบบใดก็ได้ ธรรมชาติมาได้ในทุกทิศทาง มาได้ ๓๖๐ องศา หรือมากกว่านั้นเสียอีก

มันอาจเป็นเห็ดรา อาจเป็นแบคทีเรีย หรือไวรัส

ที่เราเห็นในหนังซอมบี้ ไม่ใช่สิ่งเกินเลย

เราจะสูญเสียไปเป็นก้อน เป็นอาณานิคม เป็นเผ่าพันธุ์

อาจไปหมดเลย หรือไปเป็นก้อนใหญ่

มองดูจริงๆ มนุษย์ก็ไม่แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่น เราเต็มไปด้วยความอยาก อยากกิน อยากสนุก อยากสบาย อยากสืบพันธุ์

ความอยากทำให้เราขยายตัวไปเรื่อย จากล้านเป็นร้อยล้าน จากร้อยล้านเป็นพันล้าน จากพันล้านเป็นหมื่นล้าน

จากทวีปหนึ่งไปยังอีกทวีปหนึ่ง

พยายามคิดถึงข้อดีพิเศษของมนุษย์ เรามีอยู่หลายข้อ

๑ มนุษย์มีความละเอียดอ่อน เขียนบทกวี สร้างงานวรรณกรรม สร้างภาพยนตร์ ร้องเพลง วาดภาพ ฯลฯ

๒ มนุษย์เดินทางได้ไกลยิ่งนัก เราคือพญาอินทรี ที่บินได้ไกลกว่านกทั้งปวง เราไปได้ในสุญญากาศ

๓ เรามีความลึกซึ้ง มีปรัชญา มีศาสนา ที่คิดข้ามชาติภพ คิดไกลเกินการดำรงอยู่ของวันนี้

๔ เรามีประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ มีวิทยาศาสตร์ รวมเป็นพลังงานมหาศาล เพื่อรับมือกับความซับซ้อนนานาชนิด ในทุกรูปแบบ

และมนุษย์มองไปรอบด้าน ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดจะเทียบกับเราได้ เราจึงขยายตัวอย่างไม่สิ้นสุด

แต่ธรรมชาติรังเกียจชีวิตที่เจริญเติบโตมากเกินไป ไม่ช้ามันก็จะจัดการกับเรา ที่น่าเศร้าคือ มีแนวโน้มค่อนข้างสูง เวลามนุษย์สูญพันธุ์ มนุษย์จะทำลายดาวเคราะห์ที่มันอาศัยอยู่พร้อมกันไปด้วย รวมไปถึงชีวิตอื่นอีกนับล้านเผ่าพันธุ์

มนุษย์จะไม่ยอมจากไปง่ายๆ

ในสมัยเด็กๆ ฉันสามารถนั่งคิดฝันอะไรมากมายในโรงเรียน สามารถปีนต้นไม้ เด็ดผลไม้ ดื่มด่ำกับความสุขแบบเรียบง่าย

แต่วันนี้ฉันทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว ทั้งนี้เพราะโลกยุคนั้นกับยุคนี้แตกต่างกัน ด้วยว่าโลกยุคนี้มีความเร่ง

เหมือนรถไฟขบวนที่ฉันนั่งอยู่นี้ สมัยก่อนไปช้าๆ วันนี้วิ่งเร็วเหลือเกิน

เกินกว่าที่ฉันจะเอื้อมมือออกไปเด็ดดอกไม้ข้างทางได้ แทบจะแม้แต่มองก็ไม่ได้แล้ว ด้วยเพราะมันวิ่งเร็วขึ้น

และความเร็วมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

พริบตาเดียวที่ฉันเผลอไป ฉันนั่งเลยสถานีของฉันไปแล้ว

มนุษย์จะแก้ปัญหาประชากรล้นโลกได้อย่างไร

เรามีสองทางเลือก

๑ แก้ปัญหาจากภายนอก

๒ แก้ปัญหาจากภายใน

แก้ปัญหาจากภายนอกคือ การเดินทางไกลออกไปเรื่อยๆ ไปให้ไกลสุด ก่อนที่เราจะสูญพันธุ์

ปัญหาคือ เรายากจะเจอดาวเคราะห์ดวงใดที่น่าอยู่เหมือนโลก เราเสี่ยงจะไปตายดาบหน้าไหม เรายังมองไม่เห็นดาวดวงนั้น

แก้จากภายใน คือการหดตัว การลดจำนวนประชากร การจัดการความสมดุลของจำนวนประชากรโลก และจัดการกับระบบนิเวศน์อย่างจริงจัง วิธีแก้จากภายใน เป็นทางออกที่มีสติปัญญา แต่ทว่า มันทำยาก มันต้องต่อสู้กับสัญชาตญาณอื่นของมนุษย์ สู้กับกิเลสตัณหาของมนุษย์ ก็มนุษย์อยากสืบพันธุ์ ใครจะห้ามพวกเขาได้

แม้แต่เพื่อนที่เป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติของฉัน ก็มีลูกหลานเต็มบ้าน ฉันจะไปว่าเขาก็ไม่ได้ ได้แต่มอง ในแง่หนึ่งเขาก็ไม่ผิด แต่ในแง่หนึ่ง เขาก็ทำตัวได้แย่กว่าคนที่เขาเคยกล่าวหา เพราะตัวมนุษย์นี่เองที่ทำลายธรรมชาติด้วยการมีชีวิตอยู่ของเราเอง

ในบางทะเล มีปลาหมึกมากกว่าปลา

ในบางถ้ำ มีงูเป็นเจ้าถ้ำ

มนุษย์เราก็ยังคงดิ้นรนต่อไป เพื่อความอยู่รอด

เราเกิดแล้วเราก็ตาย ในขณะที่สิ่งรอบตัวของเรา ไม่มีอะไรเลยที่หยุดนิ่ง

ไม่มีอะไรเลยที่จะคงที่

เมื่อฉันอายุมากขึ้น ฉันก็ยิ่งมองเห็น และมองเห็นความเชื่อมโยงของความไม่คงที่นี้ ว่ามันเชื่อมโยงกันอย่างไร และจะมีผลอย่างไร

แต่แปลก ในบ่ายวันหนึ่ง ไม่นานมานี่เอง ในร้านแมคโดนัลด์แห่งหนึ่ง ฉันเห็นครอบครัวหนึ่งที่มีลูกเจ็ดคน

ปรากฏการณ์นี้ เป็นภาวะปกติในสมัยก่อน ในสมัยที่ฉันเป็นเด็ก ฉันเห็นมากมายหลายครอบครัว ที่มีลูกหกเจ็ดคน แต่ในยุคนี้ นี้เป็นเรื่องประหลาด

มันทำไม่ได้แล้ว ในแง่ของการเลี้ยงดู ภาระ รายจ่ายที่มากมาย พลังงานที่ต้องใช้ในการเลี้ยงดู แต่แม้กระนั้น ฉันก็ยังนานๆ เจอที ครอบครัวที่มีลูกหกเจ็ดคน ท่ามกลางความวุ่นวาย ความขัดแย้งของยุคสมัย มันก็มีความน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ความหอมหวานของโลกและมนุษย์

และฉันสัมผัสได้ถึงความรัก

พ่อ-แม่ที่ยอมมีลูกหกเจ็ดคนในยุคนี้ จะต้องเป็นคนรักเด็กแน่นอน ความรักนี้ซึ้งใจฉัน มันเปล่งออกมาท่ามกลางความวุ่นวายนั้น

ถ้าคนส่วนใหญ่ในโลกยุคนี้ มีลูกคนละหกเจ็ดคน โลกนี้คงจะหายนะแน่ และเฉียบพลัน

แม้มันจะผิดในแง่ของเหตุผล แต่ในแง่อารมณ์ มีบางอย่างถูกต้องในนั้น และนี่เองที่ประทับใจฉัน

และนี่เป็นอีกหนึ่ง paradox ที่แก้ไม่ได้

มันอยู่พ้นสมองของฉัน