ลุ้น ผบ.ตร. คนที่ 12 วัดใจ “บิ๊กตู่” เคาะใคร ?

เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน ที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ต้องถอดเครื่องแบบอำลาตำแหน่งแม่ทัพสีกากี ซึ่งครองตำแหน่งมายาวนานที่สุด 5 ปี

ที่ผ่านมา “บิ๊กแป๊ะ” ทำงานแบบคนพูดน้อยต่อยหนัก เก่งทั้งบู๊และบุ๋น

แต่พอนับถอยหลังใกล้เกษียณอายุราชการ ขยันทำผลงานไม่ว่าจะเป็นจังหวัดใด ใกล้หรือไกล ต้องไปแสดงฝีมือแถลงข่าวด้วยตนเอง คล้ายเดินสายอำลาหน่วยกลายๆ

พร้อมประกาศอีกเพียง 3 เดือน จะลุยงานเต็มที่ มีอยู่ 3 งานหลักที่เป็นความเดือดร้อนประชาชนต้องเร่งแก้ไขคือ 1.ยาเสพติด 2.เงินกู้นอกระบบ 3.เด็กแว้น

และยังกำชับเรื่องปราบปรามยาเสพติด หากมีการจับยาเสพติดในท้องที่ใดโดยที่ ผกก.ในพื้นที่ไม่รู้เห็น หรือไม่ใส่ใจ ปล่อยปละละเลย จะลงโทษทางวินัย เพราะถือว่ายาเสพติดเป็นภัยอย่างร้ายแรง

นอกจากนั้น ยังมีกระแสข่าวลือหนาหูจะลงเล่นการเมืองหลังเกษียณ ซึ่งเจ้าตัวออกมาปฏิเสธ ไม่มีการทาบทามใดๆ ไม่สนใจเล่นการเมือง แต่กลัวการเมืองเล่นเอา

ส่วนอนาคตจะได้เห็นบิ๊กแป๊ะในสนามการเมืองหรือไม่ ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

เป็นเรื่องปกติอยู่เอง เมื่อใกล้จะพ้นตำแหน่ง ต้องเฟ้นหาผู้นำหน่วยคนใหม่ ส่วนคนที่อยู่ในใจจะเป็นใครนั้น จับสัญญาณชัดเจนได้ตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ 2563

โดย ผบ.แป๊ะ พูดบนเวทีงานเลี้ยงต้อนรับปีใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า “ผมจะอยู่กับท่านอีก 270 กว่าวัน จากที่เริ่ม 1,800 กว่าวัน อีก 270 กว่าวันจะจากกันไป จะท่านรองมนู (พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก) ก็ดี รองสุวัฒน์ (พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข) ก็ดี คนที่จะมาดูแลต่อไป จะจัดแบบนี้อีกหรือไม่ ก็เป็นหน้าที่ผู้บังคับบัญชาที่ต้องดูแล”

แต่อย่างที่ทราบกันว่า ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน มีสิทธิ์คั่วเก้าอี้ผู้นำกรมปทุมวันมี 4 ราย คือ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ นรต.37 พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. นรต.38 ที่จะเกษียณอายุราชการปี 2564 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. นรต.36

ทั้งสองคนนี้จะเกษียณพร้อมกันในปี 2565

ขณะที่ตามกฎหมาย “พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547” ประกอบประกาศและคำสั่งต่างระบุถึงคุณสมบัติ ผบ.ตร.และการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ว่า มาตรา 51 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ให้แต่งตั้งตามหลักเกณฑ์ ใน (1) ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากข้าราชการตํารวจยศ พล.ต.อ.

มาตรา 53 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ หรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วเสนอคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

ใกล้เข้าสู่โค้งสุดท้าย เค้าลางว่าที่ ผบ.ตร.คนที่ 12 เริ่มชัดเจนขึ้น เหลือแคนดิเดตเพียง 2 คน คือ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ขับเคี่ยวสร้างผลงานตีคู่กันมาอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อดูประวัติรับราชการของนายตำรวจทั้งสอง ปรากฏเป็นศิษย์สำนัก พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร.ด้วยกันทั้งคู่

พล.ต.อ.มนูแม้จะไม่ใช่นักเรียนเตรียมทหาร แต่เป็นศิษย์โรงเรียนพรหมานุสรณ์ จ.เพชรบุรี ที่เดียวกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผช.ผบ.ทบ. ว่าที่ ผบ.ทบ.คนต่อไป ส่วน พล.ต.อ.สุวัฒน์เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารที่ 20 กับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ที่กำลังจะเกษียณราชการ และยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ ผบ.ตร.คนปัจจุบันด้วย

เวลานี้มองว่าต่างฝ่ายต่างมีแรงหนุนที่เดาทิศทางลมค่อนข้างยาก และไม่มี “กูรู” สำนักใดกล้าฟันธงว่าใครจะได้รับเลือกเป็นผู้นำกรมปทุมวัน

ท่ามกลางกระแสข่าวลือต่างๆ นานาว่าใครจะได้เป็นเต็งหนึ่ง มีการหยิบยก “พิธีกรรม” นั่นคือ การแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดต ที่เคยทำในยุคสมัยของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ซึ่ง “บิ๊กแป๊ะ” ปฏิเสธข่าวนี้ว่า ยังไม่ได้ทำหนังสือถึงรอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจท่านใด

ส่วนกรณีที่สื่อมีการนำเสนอว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ มาจากนักเรียนนายร้อยรุ่น 36 นั้น ก็ถือว่าเป็นแนวคิดของสื่อที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้ ซึ่งขั้นตอนของการนำเสนอรายชื่อผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการคนใหม่นั้นอยู่ในกรอบระยะเวลาที่กำหนด และตนเองก็เกษียณอายุราชการตามเวลาอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม หลักการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ไม่มีในกฎหมายหรือหลักเกณฑ์ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ที่ระบุว่าต้องมีการแสดงวิสัยทัศน์ และอาจไม่ใช่สาระสำคัญที่มีผลต่อการตั้งแต่ง ผบ.ตร. เพราะสุดท้าย พล.ต.อ.จักรทิพย์ก็ต้องเสนอชื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เป็นผู้เลือกอยู่ดี

และเมื่อแคนดิเดตรอง ผบ.ตร.คนใดคนหนึ่งขยับขึ้น ผบ.ตร.แล้ว เก้าอี้รอง ผบ.ตร. ว่างทันที 2 ตำแหน่ง

หากปีนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ที่จะเกษียณในปี 2565 หลีกทางให้ พล.ต.อ.มนู ซึ่งเกษียณก่อน 1 ปีขึ้นเป็น ผบ.ตร.ก่อน

ปี 2564 จะเจอตัวแปรอย่าง พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.38 เกษียณปี 2565 พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เกษียณปี 2566 และ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.40 เกษียณปี 2567 ที่คาดว่าทั้งหมดจะได้อัพขึ้นรอง ผบ.ตร.ในปีนี้

ส่งผลให้ทุกคนมีสิทธิ์ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.ในปี 2564 ทันที ถึงตอนนั้น “บิ๊กปั๊ด” หืดขึ้นคอ เพราะต้องแข่งแคนดิเดตหลายคน

ท้ายที่สุดแล้ว การเลือกเก้าอี้เจ้าของรหัส “พิทักษ์ 1” จะเป็นใครนั้น ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจจะตัดสินใจ และฟ้ากำหนด