(ใครคือ) “บอส” ตัวจริง

ไม่แปลกที่ “บอส อยู่วิทยา” จะมีชื่อจริงว่า “วรยุทธ”

เพราะกลวิธีการเดินเกมจนรอดคดีขับรถชนคนตายโดยประมาทนั้นเหนือชั้นจริงๆ

ถ้าไม่มี “วรยุทธ” คงทำไม่ได้

คิดดูสิว่าจะมีคดีขับรถชนคนตายคดีไหนที่ใช้เวลาการพิจารณายาวนานถึง 8 ปี

และเมื่อทนายยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปเรื่อยๆ

ทั้ง “ตำรวจ” และ “อัยการ” ก็ให้ความเป็นธรรมจนคดีหมดอายุความไปทีละคดี

ขนาดคดีสุดท้ายที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องไปแล้ว

ยังให้ความเป็นธรรมรื้อคดีกลับมาใหม่

โดยมีตัวช่วยคือ คณะกรรมาธิการกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในยุค คสช.เรืองอำนาจ

ฝาโลงที่ปิดตายจึงถูกแง้มขึ้นมาอีกครั้ง

ก่อนจะ “รุกฆาต” ด้วยการยกฟ้อง “บอส” แบบไม่เกรงใจใคร

“คนชน” ไม่ผิด

“คนตาย” ผิด

กรรมาธิการชุดนี้มี พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชาย พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน

พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ เพื่อนสนิทและขุนพลข้างกายของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายอีกคนหนึ่งของ พล.อ.ประวิตร เป็นรองประธานคนที่ 1

ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด (1 ตุลาคม 2558-30 กันยายน 2560) เป็นรองประธานคนที่ 2

มี ผบ.ตร.ทั้งในอดีตและปัจจุบันเป็นกรรมการ 3 คน คือ พล.ต.อ.พัชรวาท, พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา

มีนายตำรวจใหญ่ๆ อีกหลายคน เช่น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ พ.ต.ท.พงษ์ชัย วราชิต ฯลฯ

ล้วนแต่นายตำรวจที่เชี่ยวชาญด้านคดีทั้งนั้น

ทุกคนรู้ว่ายุค คสช.นั้นใครใหญ่

และกระแสลมที่ให้ “ความเป็นธรรม” กับ “บอส” มาจากไหน

“กระบี่” ที่ตั้งตรงจึงลู่เอนเป็น “ไผ่” ต้องลม

ใครจะเอาพยานมาสอบสวนเพิ่มเติม…เชิญ

จะลงมติอย่างไร…เชิญ

ในที่สุด มติของกรรมาธิการให้ส่งรายงานผลการสอบสวนไปยังอัยการสูงสุด

ไม่มีใครรู้ว่าเนื้อหาในรายงานฉบับนี้เป็นอย่างไร

แต่ “ฝาโลง” ได้เปิดขึ้นใหม่อีกครั้ง

พยานที่เคยสอบไปแล้วก็นำมาสอบใหม่

ทำอย่างไรก็ได้ให้เฟอร์รารี่หรูของ “บอส” วิ่งด้วย “ความเร็ว” ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามกฎหมายกำหนด

ต่อให้วัดความเร็วด้วย “สายตา” ก็เชื่อ

แต่ “บอส” ที่อยู่เบื้องหลังการพลิกคดีครั้งนี้กำลังถูกสังคมไทยพิพากษา

งานนี้ถ้า “น้อง” หลบไม่ดี

ระวังไปทั้ง 3 คน