ทวีปที่สาบสูญ | ทำไมกัน ทำไม… โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์

“วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศกันดีกว่า”

หล่อนพูดพลางเดินนำหน้าเข้าไปใต้ถุนบ้านหลังหนึ่ง มองไปรอบๆ เป็นสวนร่มครึ้ม มีต้นไม้ใบไม้เขียวขจี ผู้หญิงคนหนึ่งนุ่งซิ่นกับเสื้อลูกไม้สีขาวยิ้มต้อนรับอย่างอัธยาศัยดี

“เอาห้องข้างล่างหรือข้างบนดีคะ”

“อืม…” หล่อนนิ่งคิดสักครู่ “ข้างบนฮะ จะได้เห็นวิวหน่อย…เอ๊ะ เห็นอะไรบ้าง”

“เห็นท้องฟ้าค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นตอบ

คนตัวสูงชะงักทันที แล้วคลี่ยิ้ม

คนทั้งสองยิ้มใส่ตากัน ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้น มีความไม่พอใจไหลเวียนกะทันหัน

“กุญแจค่ะ ขึ้นบันไดแล้วเลี้ยวซ้าย จะทานเครื่องดื่มอะไรโทร.ลงมาบอกได้ค่ะ กดศูนย์”

“โอเค” หล่อนตอบคำฝรั่ง

มือขาวหย่อนกุญแจร้อยติดป้ายไม้สี่เหลี่ยมให้ มือใหญ่รับ

ฉันจ้องตาไม่กะพริบ แต่ก็ไม่มีอะไรนอกไปจากนั้นอีก

“ไป” หล่อนหันมาบอก

บันไดไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าด เราต้องถอดรองเท้าไว้ที่ข้างล่าง แต่มีชั้นวางเป็นสัดส่วนดี หล่อนเปลือยเท้าอย่างว่าง่าย ขณะที่ฉันเสียอีก ไม่อยากจะถอดรองเท้าเลย

ชั้นบนของ “เกสต์เฮ้าส์” แห่งนั้น เป็นระเบียงไม้ทอดไปชั่วหกเจ็ดวา มีห้องเรียงราย ติดป้ายหมายเลขหน้าประตู คนตัวสูงดูรู้จักอะไรๆ เต็มไปหมด รู้ถึงว่ามีที่ให้เช่านอนซ่อนอยู่ในตรอกซอกซอยอย่างนี้ ฉันเสียอีกที่เหมือนคนหูหนาตาเล่อ แม้เป็นคนเชียงใหม่ ใช่จะมีความรู้เท่า

ประตูเปิดออก เดินข้ามธรณีประตูเข้าไป ในห้องไม่ร้อนอย่างที่คิด ทั้งๆ ที่ข้างนอกมีเปลวแดดระยิบพร่าตา หนนี้มีหน้าต่างบานกว้าง ติดม่านลูกไม้เบาบาง ลมพัดชายพะเยิบไหว

ดูที่นี่จะชอบผ้าลูกไม้ ทั้งตัวคนเฝ้าบ้านและการตกแต่งข้างใน

มองไป เห็นเตียงขนาดใหญ่ ปูผ้าสีขาวสะอาดตา สายม่านมุ้งห้อยลงมา ดูก็เข้าใจได้ว่าถ้าจะนอนค่อยกางออก

คนมีเงินนี่ดีจังนะ ได้อยู่ ได้รู้ ได้เห็นอะไรมากมาย ถ้าฉันไม่ได้มากับหล่อน คงไม่มีวาสนาจะได้เห็นห้องสวยๆ อย่างนี้อีก

“ชอบมั้ย” หล่อนเหลียวมาถาม

บางครั้ง ฉันอดคิดไม่ได้ว่า หล่อนจะถามฉันเพื่ออะไร ชอบไม่ชอบ ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะเลือกได้

อะไรก็ได้ แค่มีที่ซุกหัวนอน ดีที่สุดแล้วยามนี้

“พี่ได้ตั๋วมาแล้ว คราวนี้สบายใจละ ตกลงใจว่า อีกสองวันค่อยไป ยังไงเขาก็หาเราไม่เจอหรอก”

ฉันเกือบลืมไปแล้วว่าหล่อนหมายถึงใคร

“ถึงเจอ ก็ทำอะไรน้องไม่ได้”

ฉันไม่มีคำพูดอะไรจะตอบ เพียงพยักหน้ารับ

“หิวมั้ย เดี๋ยวลงไปกินขนมกัน” หล่อนพูดอ่อนโยนกับฉัน

แต่ฉันไม่รู้สึกถึงความอร่อยเลย กับพวกขนมในจานสวยๆ ข้างหน้า แม้จะจัดวางมาอย่างน่าดู ตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยม มีครีมขาวฟู เสียบด้วยลูกผลไม้เชื่อมเล็กๆ กลมๆ สีแดงแจ้ด มีก้าน

หล่อนกินกาแฟร้อน และสั่งนมเย็นให้

ผู้หญิงในบ้านพักเดินวนเข้ามาเสิร์ฟสิ่งต่างๆ และทุกครั้งจะเข้ามาด้วยรอยยิ้มเสมอ

“ที่นี่สวยมากฮะ” หล่อนเอ่ยปากขึ้น

คำลงท้ายฟังแปลกหูไป และฉันสังเกตว่า หล่อนนั่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ตามสบาย พาดแขนไปกับราวพนัก

ดูช่างเปิดเผยและผ่อนคลาย

“ถ้าคนชอบความเงียบค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นตอบ

“แขกเยอะไหมฮะช่วงนี้”

“เกือบเต็มค่ะ แต่ส่วนใหญ่มีแต่ต่างชาติ”

คนตัวสูงหัวเราะเบาๆ เห็นฟันเรียงตัวสวย

เสื้อคอปกทำให้ดูผาดๆ ยิ่งเหมือนผู้ชาย

“คุณดูแลที่นี่หรือ?”

“ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นวางเครื่องดื่มลงบนโต๊ะเพียงแผ่วเบา ยิ้มทุกครั้งที่พูด

“เอ แล้วที่เป็นคุณยายละฮะ”

“อ๋อ นั่นคุณแม่ค่ะ ตอนนี้ท่านมาเองไม่ค่อยไหวแล้ว”

ทั้งสองสบตากันอีก

“รู้จักคุณแม่หรือคะ”

“ไม่ๆ” หล่อนโต้ตอบ “อ่านจากในไกด์บุ๊กน่ะฮะ นี่ก็มาตามที่เขาแนะนำไว้”

ฉันรู้สึกว่า ขนมเนื้อเบายุ่ยเกินไป อีกหวานเสียจนแสบไส้ นมเย็นก็คาวและน้ำแข็งละลายเร็วมาก แต่แม้จะพยายามใช้ช้อนเขี่ยบี้ให้เละๆ ก่อนจะตักเข้าปากอย่างเสียไม่ได้ หล่อนก็เพียงชำเลืองดู ไม่ได้ว่าอะไร

หล่อนคงไม่ว่างพอจะสนใจฉันอีก เพราะยิ่งเวลาผ่านนานไป สุดท้าย ผู้หญิงคนนั้นก็ลากเก้าอี้เข้ามานั่งเยื้องๆ ทำอย่างกึ่งเกรงใจ แต่ติดพันในการสนทนา

“น้องสาวหรือคะ”

ตามองมาทางฉัน และยิ้มให้อย่างมีไมตรี แต่ฉันไม่ยิ้มตอบ

“ฮะ” หล่อนพยักหน้า และราวว่าอยากพูดเรื่องอื่นมากกว่า

“กวนเวลาคุณหรือเปล่า มานั่งคุยกันแบบนี้”

“ไม่หรอกค่ะ” นังเจ้าของบ้านพักตอบ “บ่ายๆ แบบนี้ ส่วนใหญ่แขกออกไปเที่ยวกันค่ะ ถ้ามีคนเข้ามาก็จะได้ยินเสียงโมบาย”

“อ้อ” หล่อนพยักหน้า ทำหน้าพออกพอใจ

“งั้นนั่งคุยกันหน่อยนะฮะ…เพิ่งเคยมาเชียงใหม่ เผื่อคุณจะแนะนำอะไรๆ ให้อีก”

“ยินดีค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นตอบ

“สวนสวยนะฮะ” คนตัวสูงเบือนมองข้างใน มีทางโรยกรวดเล็กๆ ทอดยาวไปอีก “เข้าไปชมจะได้ไหม”

“ได้สิคะ” ไม่พูดเปล่า นังเจ้าของบ้านรีบลุกขึ้น “เดี๋ยวแววพาชม ข้างในมีสวนเฟิร์นด้วยค่ะ”

“ชื่อ…คุณแวว?”

“ค่ะ”

“นลฮะ” หล่อนบอกชื่อตัวเอง ลุกขึ้นโดยเร็ว

ร่างยิ่งดูสูงสง่าเมื่อฉันเงยหน้ามอง

“เดี๋ยวพี่มานะ”

หล่อนไม่ชวนฉันเลยสักคำ ไม่ใส่ใจว่าฉันจะตอบรับอย่างไร

เสียงหัวเราะคละเคล้ากันไปยินอยู่แว่วๆ หล่อนกับนังคนนั้น พากันเดินลับหายเข้าไปในสวน

หล่อนจะไปถึงไหนกัน ฉันอดรู้สึกร้อนในอกไม่ได้ ทำไมถึงไปนานนัก นมเย็นในแก้วเหลือแต่คราบขุ่นติดก้อนน้ำแข็ง รสชาติห่วยสิ้นดี ชะเง้อมองตามไปสองสามครั้ง แต่ก็ไม่กล้าจะลุกตามไปดู

ฉันยังไม่ชินจะทำอะไรตามใจตัวเอง ในเวลาที่มากับคนอื่น

หล่อนสิ…หล่อนควรรู้ว่าที่พาฉันมาด้วยตรงนี้ หล่อนต้องรับผิดชอบฉัน

นานแสนนาน แทบจะจับเวลาหายใจเข้าออกของตัวเองได้ หล่อนก็ยังไม่กลับมา

แต่ให้ตายเถอะ…สมองของฉันพลันคิดเป็นภาพที่…ไม่รู้มาได้อย่างไร

ทำไมหล่อนต้องมองตากับนังคนนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทำไมต้องยิ้มให้กัน เมื่อไปอยู่ด้วยกันในสวนข้างในโน้น ทั้งสองคนจะพูดกันเรื่องอะไรอีก?

เหมือนมีไฟกองเล็กๆ สุมเข้ามาในอก มันเป็นความรู้สึกที่ฉันไม่เคยพบ

วูบหนึ่งเกือบตระหนก…มันคืออะไร ทำไมฉันต้องโกรธอย่างนี้

หรือเพราะ…เพราะบางสิ่งที่ยังอยู่กับตัวฉัน มันยังคงปั่นป่วนก่อกวนข้างใน

[หล่อนวางเท้าของฉันลง ละทิ้งปลายนิ้วร้อนผ่าวออกไปจากฝ่าเท้า เหงื่อฉันไหลซึมจนแน่ใจว่ามันอาจจะถึงกับเปื้อนโซมหน้า อากาศร้อนเหลือเกิน และไม่ใช่ที่ที่ฉันควรมีความคิดอื่นเลย

มันจะเป็นอย่างไรนะ ถ้าหล่อนไม่ผลักเท้าฉันกลับมา ถ้าหล่อน…ถ้าหล่อนจะทำอย่างครูลินดา

“ชอบมั้ยคะ”

ครูลินดาถามฉัน อีกหนที่หล่อนขัดเท้าให้

มันกลายเป็นกิจวัตรในอีกหลายๆ ช่วงบ่าย ฉันเคยแอบเก็บจดบันทึกเอาไว้ ในกระดาษล่องหนบนอากาศ

หล่อนจะนั่งข้างหน้า รั้งข้อเท้าเบาๆ ให้ฉันเอาขาเหยียดพาด วักน้ำดีดใส่ปลีน่อง ค่อยๆ พลิกมือไปมา ครูลินดาจะใช้ฝ่าอุ้งและหลังมือสลับกันแผ่วเบา เหมือนปลาตัวหนึ่งกำลังแหวกว่ายเคลื่อนไหว

หล่อนยังจะคอยแกล้ง ให้ละอองน้ำเปียกฉ่ำเข้ามาจนถึงผ้านุ่ง

บางวัน หล่อนบอกให้ฉันนุ่งผ้าถุง เป็นหล่อนที่หามาให้

“ไม่ต้องนุ่งกางเกงใน ไม่มีใครเห็นเราเลย”

จะไม่มีใครเห็นฉัน — หล่อนมักกระซิบแผ่วเบา

ก่อนลงมือใช้ก้อนหินกลมมนเล็กๆ ลูบไล้แทรกซอนไปบนผิวเนื้อ พลางกางฝ่ามือแทรกมาในนิ้วเท้า หล่อนมีกลวิธีที่ฉันไม่เคยพบจากใคร ไม่ก็อาจเพราะ…ฉันยังไม่เคยมีประสบการณ์เท่าไหร่

“ดีมั้ยคะ” หล่อนชอบถาม

และเวลาเช่นนั้น น้ำเสียงจะพร่าเครือ

ฉันอดพอใจไม่ได้ แม้ฉันไม่ค่อยชอบสิ่งที่หล่อนมักทำต่อจากนั้น

การใช้ฟันขบเบาๆ บางนิ้วเท้าของฉัน

ฉันขาสั่นจะระริกในเวลาเช่นนั้น และต้องรู้สึกทุกข์ทรมานอยู่กับความซ่านซาบที่ไม่เคยขัดขืนได้ ครูลินดาฉลาดเสมอ หล่อนรู้ว่าจะต้องหลอกล่ออย่างไร

นัยน์ตาของหล่อนมัวมนเหลือเกิน เวลาปล่อยผ้าถุงฉันถลกรั้งขึ้น หล่อนจะไม่แตะในส่วนที่ฉันต้องการง่ายๆ แต่ใช้ทุกสัมผัสเรียกร้องให้ฉันรีบหลับตา

สูญสิ้นสติสัมปชัญญะ กระทั่งยอมแล้วที่จะตามหล่อนไป

ยอมจนหมดใจ]

ขาฉันสะท้านสั่น ระริกอยู่ในกางเกงเสื้อผ้าที่หล่อนหาให้ อีกหล่อน…คนตัวสูงไม่ใช่ครูลินดา และฉันก็หวังว่าจะไม่มีวันเหมือน ไม่มีวันใช่

ทำไมกัน ทำไม ฉันจึงอยากให้หล่อนทำอย่างนั้นดูบ้าง…ทำไม…