ฟ้า พูลวรลักษณ์ | พลังทางการเมือง กับการเคลื่อนลงมาในโลกอินเตอร์เน็ต

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๖๘)

ฉันเข้าใจว่า ดาราในโลกอินเตอร์เน็ตทุกคน ต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา มิฉะนั้น พวกเขาก็ต้องออกจากความเป็นดารา

หากพวกเขาเกียจคร้าน เหนื่อยล้า หลับใหล เพียงชั่วพริบตา พวกเขาก็จะถูกแทนที่

คุณจะเป็นเน็ตไอดอลหรือเป็นนักการเมืองในอินเตอร์เน็ต คุณก็ประมาทไม่ได้

ถึงคุณจะเป็นเจ้าของ Google ก็เช่นกัน จะมีคนมาซื้อ Google ไปจากคุณ

Google อาจจะยังคงอยู่ แต่เปลี่ยนเจ้าของ

สัมพันธภาพในอินเตอร์เน็ต เป็นเหมือนวังวน พวกมันเป็นคลื่นเล็กๆ ในมหาสมุทร มีมากมายนับไม่ถ้วน และไร้การควบคุม

คุณอาจกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในหนึ่งวัน

และหายไปในหนึ่งสัปดาห์

มันเป็นวังน้ำวนในมหาสมุทร

ไม่มีอะไรจะเหลวไหลยิ่งกว่าโลกในอินเตอร์เน็ตอีกแล้ว

การเมืองเป็นเรื่องของเกมอำนาจและอิทธิพล

งานส่วนใหญ่ทำกันในการสนทนา

ในโลกนี้ การสนทนาจึงมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง ในการเมือง ผู้คนจะพูดไม่หยุด

และในอินเตอร์เน็ต ผู้คนก็จะยิ่งพูดไม่หยุด

ดังนั้น พลังในทางการเมือง จึงเคลื่อนลงมาในโลกอินเตอร์เน็ต

ชาวโลกจึงมักตื่นตะลึงในผลของมัน ในชั่วข้ามคืน

และแล้ววันหนึ่ง มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ในอินเตอร์เน็ตเกือบตลอดเวลา พวกเขาจะกลับเข้ามาในโลกแห่งความเป็นจริง เฉพาะเวลาจำเป็นจริงๆ มาจ่ายภาษี ชำระบิล จัดการเรื่องธนาคาร หรือกิจการอันใด เพียงเพื่อที่รัฐบาลจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับพวกเขา

ทีละน้อยๆ พวกเขาจะสูญหายไปในโลกเหมือนจริง

ทีละน้อยๆ พวกเขาจะสูญหายไปในโลกอินเตอร์เน็ต

โดยนาม พวกเขายังเป็นประชากรของประเทศนั้นๆ แต่ในความเป็นจริง พวกเขาเป็นประชากรอินเตอร์เน็ต

น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน มนุษย์เปลี่ยนไปแล้ว โลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว และปรากฏให้เห็นซึ่งหน้านี่เอง

และประชากรอินเตอร์เน็ตเดินทางได้รวดเร็วกว่ามาก จาก Los Angeles X มายัง Bangkok X พวกเขาเดินทางได้รวดเร็วแค่ปลายนิ้วสัมผัส

หรือจากแดนหิมพานต์ก็เช่นกัน จะไปยังสวรรค์ชั้นไหน

ดินแดนอันไร้เปรียบปาน ก็กำเนิดขึ้น

คุณมาจากไหน

ฉันมาจากเขาหิมพานต์

อินเตอร์เน็ตเป็นโลกไร้พรมแดน

แต่มันกลับมีพรมแดนมากขึ้นด้วย

เกิดเป็นโลกซ้อนโลก พิสดารเกินกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้ ต้องท่องไปด้วยตัวเองจึงจะรู้

และแล้วมนุษย์ก็สร้างโลกเหมือนจริงได้สำเร็จ โลกที่เป็นอิสระจากโลกนี้ อยู่ได้ด้วยตัวมันเอง และเคียงคู่ขนานกับโลกนี้

นี้คือจุดมุ่งหมายของโลกเหมือนจริง

อยู่ได้แบบเคียงคู่ขนาน และเป็นอิสระ

ต้องการศัพท์ใหม่มาใช้เรียกสิ่งที่เคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง ในโลกยุคใหม่

สมมุติเราจะเรียกมันว่า it 2.0

บริษัทต่างๆ องค์กรต่างๆ แม้แต่รัฐบาล ก็คือวังวนในน้ำนิ่ง

วังวนในน้ำนิ่ง วังวนนี้จะอยู่ได้นานพอควร แม้ในที่สุดพวกมันก็จะเปลี่ยนไป สลายตัวไปตามธรรมชาติของวังวน

ถูกแล้ว Google, Facebook หรือสิ่งใดเหล่านั้น ล้วนต้องสลายตัวไป

แต่ยามที่มันอยู่ มันคือวังวนที่ดึงดูดสิ่งต่างๆ เข้าไปหามัน

มนุษย์เอง ก็เป็นเพียงวังวนเล็กๆ ในกาลเวลา

เป็นเพียงจุดเล็กๆ ในมหาสมุทร

เป็นจุดเล็กๆ ในอวกาศ

กะพริบๆ แล้วก็หายไป

๕วันหนึ่งฉันมาเจอโลกของ Idea โลกที่ยิ่งใหญ่ และซับซ้อน เรียงตัวต่อกันอย่างมีระบบ ระเบียบ แต่ฉันก็เข้าไปไม่ได้ ฉันแก่เกินไปแล้ว ฉันไม่อาจเรียนรู้ภาษาใหม่ ไม่อาจเรียนรู้กฎระเบียบใหม่

นี้คือพรมแดนของโลกยุคใหม่ ที่ฉันเข้าไปไม่ได้ ฉันเหมือนลิงยุคเก่า ที่เคยอยู่แต่ในป่า แล้ววันหนึ่งฉันก็มาถึงทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ที่ฉันไม่เคยเห็น ไม่รู้จะอยู่รอดได้อย่างไร

ร่างของฉันหยุดอยู่ตรงที่พรมแดนนี้ อายุของฉัน ๖๗ ปีแล้ว

ฉันมีดีอะไรบ้าง มีเพียงแค่นิดเดียว ไม่พอยาไส้

และนิดเดียวนี้ก็กำลังเสื่อมสลายลง เหมือนเนื้อที่ค่อยๆ เน่า เช่น สภาวะกวีของฉัน สิ่งที่ดีที่สุดในอดีต วันนี้มันก็เจือจาง เหลือเพียงแค่หนึ่งในสิบ ที่ฉันไม่ทิ้งมัน ก็เพราะไม่รู้จะทิ้งไปไหน จะไปหาอะไรมาแทนที่ ล้วนว่างเปล่า

เหลือแต่หลักธรรม ที่ยังดีอยู่ แม้จะนานมากแล้ว ฉันยังคงความเป็นพระภิกษุ ที่ไม่ได้บวช แต่ก็ยังมีความสุขสงบ ความนิ่งเงียบ

แต่กระนั้น ฉันก็อยู่ได้แค่พรมแดนความคิดใหม่นี้ ร่างของฉันคล้ายจะเข้าไปได้หน่อยหนึ่ง แต่ก็ค้างคาอยู่แค่นั้นเอง ไม่อาจขยับไปไหนได้ ฉันกำลังจะกลายเป็นแมลงแห้งกรอบ ที่ถูกหนีบอยู่บนหน้ากระดาษในหนังสือ

ทุกสิ่งทุกอย่างมันกะพริบๆ เป็นแววเรืองรองนิดหน่อย แล้วก็หายไป ความทรงจำของฉัน ความรักของฉัน ความใฝ่ฝันของฉัน ทุกความโหยหา

มันกะพริบๆ แล้วมันก็เลือนหาย

ทุกอย่างมันเคลื่อนไหวเร็วเหลือเกิน เร็วจนฉันคิดไม่ทัน เร็วจนฉันไม่รู้สึก ความรู้สึกของฉันก็ไม่ทัน และมันยังหมุนอีกต่างหาก

หมุนควงเป็นวังวน