แมนๆ คุยกัน! ลูกผู้ชายชาติทหารตัวจริง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” กล้าคิด กล้ารับ!

ทีแรกตั้งชื่อเรื่องไว้ล่วงหน้าตรงไปตรงมาว่า “เทศกาลด่าตำรวจ” แต่เขียนไปเขียนมา มีข้อมูลข่าวสารใหม่ กับมโนภาพในอนาคต เรื่องด่าตำรวจกลายเป็นเรื่อง “เทศกาลด่ากราด” ต่างหาก

มันก็เพราะเรื่องจะเข้มงวดกับกฎหมายจราจรช่วงเทศกาลสงกรานต์นั่นแหละ

ปีนี้ไม่เพียงแต่ตำรวจเท่านั้นที่โดนด่า กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม โฆษกและรัฐบาลทั้งคณะก็โดนด่าไปด้วย

อดีตที่ผ่านมาราชการชอบออกกฎข้อบังคับและระเบียบปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาจราจรกันแบบมักง่ายอย่างปัจจุบันนี่แหละ ผู้ปฏิบัติจะทำได้หรือไม่ได้อีกเรื่องหนึ่ง จะมีปัญหาอะไรบานปลายตามมาก็อีกเรื่องหนึ่ง

ยกตัวอย่างเช่น ออกคำสั่งห้ามรถบางชนิดหรือรถความเร็วต่ำแล่นเลนขวา (เลนใน) ทำให้เลี้ยวขวาและกลับรถไม่ได้ หรือกลับได้ด้วยความยากลำบากและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ตำรวจจราจรกับผู้ใช้รถใช้ถนนถกเถียงกัน เพราะความไม่แน่นอนของกฎ ความไม่มีมาตรฐาน ความไม่สากลและผิดธรรมชาติ

อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ ห้ามรถบางชนิดวิ่งในบางเวลาที่กำหนด ก็ต้องมาถกเถียงกันเรื่องนาฬิกาซึ่งบอกเวลาไม่ตรงกัน (ฮา) รถบรรทุกที่ใช้งานประกอบอาชีพ เป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แต่ต้องมามีปัญหาเพื่อความสะดวกสบายของรถเก๋งส่วนบุคคล

การมีคำสั่งให้เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายการคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วบานปลายไปห้ามนั่งท้ายรถกระบะและแค็บของรถครั้งนี้ก็รวบรัดเช่นเดียวกันกับในอดีต เพียงแต่คราวนี้มักง่ายกว่าและเร็วกว่าเท่านั้น เพราะเป็นยุคที่มี ม.44 เป็นดาบอาญาสิทธิ์และเป็นยันต์กันผีไปด้วยในตัว จึงไม่จำเป็นต้องศึกษาให้วุ่นวาย ไม่ต้องคำนึงถึงวิถีชีวิตชาวบ้าน ไม่ต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่ต้องถามผู้ปฏิบัติให้มากความ ผู้ปฎิบัติเป็นแค่ตำรวจเล็กๆ ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น

มองกันในแง่ร้ายก็คือหาเหตุขึ้นภาษีรถยนต์ หรือหาทางช่วยบริษัทผู้ผลิตและขายรถยนต์ เพิ่มยอดค่าปรับให้ตำรวจ สร้างกระแสใหม่เพื่อกลบกระแสเก่า ฯลฯ

มองกันอย่างมีอารมณ์ขันก็คือ รัฐบาล คสช. พยายามจะลดตัวเลขคนตายในช่วงสงกรานต์ให้ได้ เพื่อจะได้บันทึกเป็นประวัติศาสตร์ไว้อวดลูกหลาน (ฮา)

ที่ตลกไปกว่านั้นเป็น “ขำขื่น” ที่ฮาไม่ออก คือหลายคนคิดว่า รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมคงเห็นว่าคนร้าย 4 จังหวัดภาคใต้นั่งกระบะท้ายรถปิกอัพกราดปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ ท่านจึงออกกฎห้ามนั่งกระบะท้ายรถเสียเลย

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือถูกบริภาษ ตำรวจก็ทำได้และทนได้ทุกกรณีอยู่แล้ว เพียงแต่คราวนี้ผู้ถูกบริภาษไม่เฉพาะแต่ตำรวจเท่านั้น แต่กระจายจ่ายแจกไปทุกผู้ที่เกี่ยวข้อง…กรมการขนส่งทางบก คสช. และรัฐบาล เหตุการณ์หลังจากนี้ก็คือบริภาษกันด้วยคำหยาบคายในโลกออนไลน์ เหมือนสาดน้ำโคลนใส่กันในวันสงกรานต์ระหว่างนักเลงคีย์บอร์ดทั้งหลาย ร่วมด้วยดารา พิธีกรโทรทัศน์คนดัง และกองเชียร์ของแต่ละฝ่าย

จนในที่สุด คสช. ยอมล่าถอย ทิ้งไว้แต่ปรากฏการณ์เป็นข้อสังเกตซึ่งต้องติดตามวิพากษ์วิจารณ์กันต่อไปอีกหลายเรื่อง…

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แอ่นอกออกมายอมรับว่าเป็นคนคิดและเสนอห้ามนั่งท้ายกระบะเอง โดยที่ประชุม ครม. เห็นชอบ ดังนั้น อย่าไปด่านายกฯ ถ้าอยากด่าให้มาด่าตนเอง

กลายเป็นว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้รับคำยกย่องว่า “ลูกผู้ชายตัวจริง”?!

ถัดมานายกรัฐมนตรีออกมาขอโทษคนไทยว่า ไม่ได้มุ่งละเมิดสิทธิ์ หรือทำให้คนจนลำบาก คนรวยสบาย ฯลฯ นายกฯ ขอร้องว่าอย่าสร้าง “วาทกรรม” ให้เกิดความไม่ร่วมมือ ขอให้สื่อโซเชียลมีเดียและประชาชนช่วยลดระดับ (วาทกรรม) ลงไปบ้าง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับยกย่องว่า “สมชายชาติทหาร”?!

ส่วน พ.ต.ท.เอกราช หุ่นงาม สารวัตร อก. สภ.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งห้ามนั่งกระบะท้ายและแค็บรถปิกอัพ และแนะนำให้ควบคุมความเร็วจะดีกว่า ถูก ผบก.ภ. จว.ชุมพร สั่งให้ทำหนังสือชี้แจง และอาจตั้งกรรมการสอบสวนวินัย

โดยเหตุผลว่า “ตำรวจแสดงความคิดเห็นในพื้นที่สาธารณะลักษณะนี้ไม่ถูกต้อง”?!

ข้อสังเกตส่วนตัวของผมคือ การชะลอการใช้กฎหมายโดยไม่ยอมยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไข “ดอง” เอาไว้วิวาทะกันอย่างนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกว่ากฎหมายเป็น “ไม้หลักปักขี้ควาย” ไปทันที

ทำให้บทที่กำหนดให้คาดเข็มขัดนิรภัยซึ่งเป็นเรื่องดีและถูกต้องพลอยง่อนแง่นไปด้วย

ข้อสังเกตสำคัญสำหรับรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารคือ ความผิดพลาดครั้งนี้เหมือนลาภหล่นใส่เท้าของคนฝ่ายตรงข้าม ทำให้มีเงื่อนไขนัดชุมนุมใหญ่หน้าทำเนียบและหน้าศาลากลาง มีข่าวว่าทนายความคนดังพยายามขยายความไปสู่การ “รังแกประชาชน” คนใช้รถกระบะ…ข่าวจะจริงหรือเต้าขึ้นมาก็ตาม แต่รัฐบาลย่อมมีงานทำ

เครื่องหมาย “?!” (สงสัยและตกใจ) หลังคำพูดที่สื่อยกย่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “ลูกผู้ชายตัวจริง” กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “สมชายชาติทหาร” ตรงกันข้ามกับคำพูดของผู้บังคับบัญชาตำรวจที่พูดถึง พ.ต.ท.เอกราช หุ่นงาม… “ตำรวจแสดงความคิดเห็นในพื้นที่สาธารณะลักษณะนี้-ไม่ถูกต้อง”

มันช่างน่าสงสัยและน่าตกใจเสียจริงๆ …คนคิดผิดทำผิดได้รับคำยกย่องเสียเลิศเลอ คนพูดถูกพูดดีถูกตำหนิว่าไม่ถูกต้องและอาจถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย?!

ผมมีประสบการณ์ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทำนองนี้มาแล้ว แต่เรื่องมันยาว เอาไว้พูดกันสัปดาห์หน้า ตอนนี้ขอแค่ดักคอไว้ก่อนว่า

“ผู้บังคับบัญชาชั้นผู้ใหญ่ของตำรวจ กรุณาอย่าหวาดกลัวคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกผู้ชายชาติทหารตัวจริงมากเกินไปก็แล้วกัน”