รายงานพิเศษ / ‘บิ๊กตู่-บิ๊กแดง’ จัดทัพ ทหารคอแดงยึดหัวหาด ทัพไทย-ทัพบก-ทัพ 1 จับตา ‘พี่ต่อ-น้องอ๊อบ’ เกมนี้อีกยาว กับภารกิจ ‘บิ๊กบี้’ หลังรับธง เตรียมเซ็ตซีโร่ ‘ผบ.แดง’ บนถนนสายใหม่

รายงานพิเศษ

 

‘บิ๊กตู่-บิ๊กแดง’ จัดทัพ

ทหารคอแดงยึดหัวหาด

ทัพไทย-ทัพบก-ทัพ 1

จับตา ‘พี่ต่อ-น้องอ๊อบ’

เกมนี้อีกยาว

กับภารกิจ ‘บิ๊กบี้’ หลังรับธง

เตรียมเซ็ตซีโร่ ‘ผบ.แดง’

บนถนนสายใหม่

 

โผ ครม.เรียบร้อยลงตัวแล้ว บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ พร้อมส่งสัญญาณให้ ครม. “ประยุทธ์ 2/2” เตรียมเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ที่คาดกันว่าอาจจะเป็นในช่วง 12 สิงหาคมพอดี

หลังจากที่บริหารจัดการนักการเมืองได้ในระดับหนึ่ง เพราะมีบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รับหน้าเสื่อในเกมเจรจาต่อรอง

อันสอดคล้องกับการจัดโผโยกย้ายทหารครั้งใหญ่ ที่จะมีการเปลี่ยนตัวทั้ง ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. พร้อมกันหมด

โดย พล.อ.ประยุทธ์นัดหมายให้ ผบ.เหล่าทัพส่งบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายทหารให้กลาโหมในวันที่ 3 สิงหาคม เพื่อให้บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม นำไปดำเนินการด้านธุรการ

หลังจากที่ได้มีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการระหว่างนายกฯ กับ ผบ.เหล่าทัพ และในหมู่ ผบ.เหล่าทัพกันเองมาแล้ว

ทั้งนี้เพราะ พล.อ.ประยุทธ์จะเข้ากลาโหมประชุมสภากลาโหม 31 กรกฎาคม ที่คาดว่าจะมีการหารือวงเล็กกับ ผบ.เหล่าทัพ เรื่องโผทหารก่อน

หากทุกอย่างเรียบร้อย ก็จะเป็นการประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารขั้นนายพลของกลาโหม หรือ 7 เสือกลาโหม ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ร่วมด้วย รมช.กลาโหม ปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.3 เหล่าทัพไปเลย

ก่อนที่จะมีการส่งโผที่เสร็จสมบูรณ์มาให้กลาโหม จากนั้นจะมีการลงลายเซ็นร่วมกันในโผโยกย้ายทหารตามระเบียบ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ที่คาดว่าจะเป็นช่วงไล่เลี่ยกับโผ ครม.

จนทำให้คาดการณ์กันว่า โผ ครม.และโผทหาร อาจจะคลอดออกมาใกล้ๆ กัน

แต่ทว่าโผโยกย้ายทหารก็ดูจะมีบางตำแหน่งที่ยังไม่ลงตัวนัก และรอ “ไฟเขียว” ในขั้นสุดท้าย

โดยเฉพาะเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 หลังมีกระแสข่าวสะพัดแรงใน ทบ. ว่า รองอ๊อบ พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เลย ด้วยเพราะมี “พลังหนุนพิเศษ” เพื่อให้เตรียมเข้าไลน์การเป็น ผบ.ทบ.ในอนาคตอันใกล้

ที่สำคัญ เมื่อขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก็จะทำหน้าที่รอง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (รอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904) ด้วย

กระแสข่าวนี้ไปสอดรับกับกระแสข่าวลือก่อนหน้านี้ ที่มีการฟื้นอดีตว่า เคยเกิดเรื่องคาใจระหว่างบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผช.ผบ.ทบ. ที่คาดว่าจะขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ และจะเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย กับบิ๊กต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพน้อยที่ 1 รุ่นน้องเตรียมทหาร 23

จนมีการร่ำลือกันในกองทัพว่า เตรียมทหารรุ่น 20 รุ่นของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. วางทายาทหนุนเตรียมทหาร 23

ขณะที่เตรียมทหาร 22 รุ่นของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ หนุนเตรียมทหาร 24 จนเป็นที่มาของข่าวลือที่ว่า พล.อ.อภิรัชต์หนุน พล.ท.เจริญชัย ส่วน พล.อ.ณรงค์พันธ์หนุน พล.ต.ทรงวิทย์

แต่ข่าวลือนี้ก็ถูกสยบด้วยการที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์มาร่วมงานวันสถาปนา 32 ปีกองทัพน้อยที่ 1 เมื่อ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตามคำเชิญของ พล.ท.เจริญชัย

ไม่แค่นั้น บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ก็มาร่วมงานด้วย ในฐานะที่เคยเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1

แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.อภิรัชต์สนับสนุน พล.ท.เจริญชัยให้ขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 อยู่แล้ว

อีกทั้ง พล.ท.เจริญชัยได้ชื่อว่าเป็นน้องรักสายทหารเสือราชินีของ พล.อ.ประยุทธ์

และเป็นน้องเลิฟคนเดียวที่ฝ่าด่านขึ้นมาถึงจุดนี้ และเข้าไลน์ที่จะให้ได้เป็น ผบ.ทบ.ในอนาคตมากที่สุด

จากการวางทายาท จัดสูตรอำนาจเดิม “ตู่-ติ่ง-ต่อ-ตั้ม” ที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยผลักดันให้เติบโต ทั้งบิ๊กติ่ง พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ ที่เคยเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 แต่ก็ต้องข้ามมา บก.ทบ. จากสายคุมกำลัง มาเป็นเจ้ากรมกิจการพลเรือน ทบ.

ส่วนบิ๊กตั้ม พล.ต.วรยุทธ แก้ววิบูลย์พันธุ์ ที่เคยเป็น ผบ.ร.21 รอ. และ ผบ.พล.ร.11 แล้วก็มาเป็นรองแม่ทัพน้อยที่ 1

ทั้ง พล.ท.สันติพงศ์ และ พล.ต.วรยุทธ ต้องเปลี่ยนเส้นทางเดิน เบี่ยงออกจากไลน์สู่เก้าอี้ ผบ.ทบ. เพราะไม่ได้เข้าฝึกหลักสูตร ฉก.ทม.รอ.904 และไม่ได้เป็นทหารคอแดง

ด้วยเพราะเป็นที่รู้กันดีว่า ในยุคนี้จะเป็นทหารสายวงศ์เทวัญ บูรพาพยัคฆ์ ทหารเสือราชินี หรือจะสายวงษ์สุวรรณ จันทร์โอชา ถ้าไม่ใช่ทหารคอแดง ก็ไม่สามารถเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ที่คุมกำลังรบภาคกลาง คุมขุมกำลังปฏิวัติได้ และก็ไม่อาจเป็น ผบ.ทบ.ได้

ด้วยเพราะ พล.อ.อภิรัชต์เป็นทหารคอแดงคนแรกที่ได้เป็น ผบ.ทบ. และได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 คนแรก และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) คนแรกอีกด้วย

ก่อนที่ต่อมา พล.อ.ณรงค์พันธ์จะได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายทหารพิเศษประจำ ทม.รอ. เป็นคนที่ 2

และจ่อจะเป็น ผบ.ทบ.คนที่ 2 ที่เป็นทหารคอแดง และเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 คนที่ 2 ด้วย

เช่นเดียวกับที่บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร ก็จ่อขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนแรก ที่เป็นทหารคอแดง เพราะเมื่อครั้งอยู่ ทบ. ก็เป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ. ก่อนที่ขยับเป็นหัวหน้าสำนักประสานงาน ฉก.ทม.รอ.904 เมื่อย้ายข้ามจาก ทบ. มา บก.กองทัพไทย

เหล่านี้เองจึงทำให้แนวทางรับราชการของทหารใน ทบ.เปลี่ยนแปลงไป

และส่งผลให้นายทหารที่จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก็ต้องเป็นทหารคอแดงด้วย จึงทำให้น้องรักบิ๊กตู่ ทั้ง พล.ท.สันติพงศ์ต้องเปลี่ยนเส้นทางเดิน และ พล.ต.วรยุทธต้องเดินในทางสายเบี่ยง

 

ความหวังเดียวของ พล.อ.ประยุทธ์ คือ พล.ท.เจริญชัยที่จ่อจะขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 อยู่แล้ว

หากแต่ว่าตำแหน่งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ แม้เป็นนายกฯ เป็น รมว.กลาโหม รวมทั้ง พล.อ.อภิรัชต์ที่เป็น ผบ.ทบ. แต่ก็ไม่สามารถเนรมิตสั่งการให้ใครเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ได้เองโดยลำพัง

แต่การที่ พล.อ.อภิรัชต์สนับสนุนใครเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ ก็ถือว่าคนนั้นมีโอกาสสูง หาก พล.อ.อภิรัชต์เอ่ยปากให้ แม้จะไม่ 100% ก็ตาม

เช่นนี้เอง จึงทำให้ชื่อของ พล.ต.ทรงวิทย์ถูกจับตามองว่า อาจขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ด้วยกองหนุนพิเศษ

แต่ทว่าสัญญาณบางอย่างในกองทัพภาคที่ 1 ก็ชี้ไปที่ พล.ท.เจริญชัยจะขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่แทนบิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธรรมนูญ วิถี ที่จะขยับเป็น ผช.ผบ.ทบ. ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ

ทั้งนี้เพราะ พล.ท.เจริญชัยเป็นรุ่นพี่ ตท.23 และติดยศพลโทก่อน แถมจ่อเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ที่ในระยะหลัง ไลน์แม่ทัพภาคที่ 1 มักขึ้นมาจากแม่ทัพน้อยที่ 1 ก่อน แม้ว่าจะขึ้นจากรองแม่ทัพภาคที่ 1 ก็ตาม

จึงมีแนวโน้มว่า พล.ต.ทรงวิทย์แม้ไม่ได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แต่ก็จะได้ขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ติดยศพลโท รอจ่อคิวเอาไว้ก่อน

แม้จะยังมีกระแสข่าวลือที่ว่าให้ระวังเรื่องเซอร์ไพรส์ อาจจะเกิดขึ้นทั้งในกองทัพบก และกองทัพภาคที่ 1 อยู่ก็ตาม

แต่กระนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า เมื่อ พล.ท.เจริญชัยขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนแล้วจะเป็นการชี้ชัดว่าจะเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่จะนั่งเป็น ผบ.ทบ.นานถึง 3 ปีจนเกษียณ 2566

เพราะในระหว่าง 3 ปีนี้ พล.ต.ทรงวิทย์ก็จ่อคิวขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ต่อจาก พล.ท.เจริญชัยได้ แล้วก็มาทันกันในระดับห้าเสือกองทัพบก เพื่อชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.กันอีกที ในโยกย้ายกันยายน 2566 นั่นเอง

แม้ พล.ต.ทรงวิทย์จะจบจากโรงเรียนนายร้อย VMI สหรัฐอเมริกา แต่การจบนอกในยุคนี้ ไม่ได้เป็นปัญหาในการเติบโตแล้ว เมื่อได้ชื่อว่าเป็นนายทหารคอแดง อีกทั้งเมื่อเทียบรุ่นเตรียมทหาร พล.ต.ทรงวิทย์ก็เป็นเตรียมทหารรุ่น 24

แต่ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่รุ่นติดกัน อายุไล่เลี่ยกัน ก็จะถูกจับคู่กลายเป็นคู่แข่งกัน เช่น พล.ท.เจริญชัยที่เกษียณ 2567 และ พล.ต.ทรงวิทย์ที่เกษียณ 2568 แม้ว่าโดยอายุราชการแล้ว จะเป็นต่อกันก็ได้

แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอน โดยเฉพาะยุคนี้ซึ่งอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ. ไม่ได้อยู่แค่ที่ ผบ.ทบ., รมว.กลาโหม หรือนายกรัฐมนตรี

ปัจจุบัน พล.อ.อภิรัชต์เป็น ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 โดยตำแหน่ง และมี พล.อ.ณรงค์พันธ์ พล.ท.ธรรมนูญ และ พล.ท.เจริญชัย เป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904

แต่อย่างไรก็ตาม พล.อ.อภิรัชต์ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในการจัดโผทหารครั้งนี้ ส่งท้ายก่อนเกษียณ และหลังเกษียณ

เพราะแม้ว่า พล.อ.อภิรัชต์จะเกษียณราชการจากกองทัพบก จากตำแหน่ง ผบ.ทบ. 30 กันยายนนี้ก็ตาม

แม้ พล.อ.อภิรัชต์จะบอกว่า จะ set zero ตัวเองแล้ว แต่ก็ยังถูกจับตามองว่า หลัง 30 กันยายน จะไปทำอะไร หรือมีตำแหน่งใดที่ไม่ใช่ทางการเมืองรองรับ

แต่คาดกันว่า พล.อ.อภิรัชต์อาจจะยังคงทำงานเกี่ยวข้องกับกองทัพ ในส่วนของ ฉก.ทม.รอ.904 ต่อไป

เพราะมีข่าวบางกระแสว่า อาคารศรีสิทธิสงคราม ใน บก.ทบ. ที่เป็นอาคารเก่า ที่ พล.อ.อภิรัชต์สั่งปรับปรุงใหม่นั้น จะเป็นสำนักงานประสานงาน ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย โดยที่ด้านหน้ามีการติดป้ายสัญลักษณ์ ร.1 รอ. และ ร.11 รอ. ในสมัยโบราณไว้ด้วย

บรรดานายทหารในกองทัพบกต่างเชื่อว่า พล.อ.อภิรัชต์แม้จะเกษียณแต่ก็ไม่ได้หายไปไหน ยังคงอยู่ใกล้ๆ

ยังคงทำหน้าที่เป็นกองหนุนให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ท่ามกลางกระแสการเมืองที่เชี่ยวกราก จากความเคลื่อนไหวของขบวนการล้มล้างสถาบัน และความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ รวมทั้งนักศึกษา

ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องออกมาเตือนว่าอย่าล่วงละเมิดสถาบัน เพราะคนไทยไม่ยอมและจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีกในประเทศไทย

พล.อ.อภิรัชต์จะต้องส่งไม้ ส่งธง ผบ.ทบ.ให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนระอุ ด้วยใจที่ยังเป็นห่วงว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเอาอยู่ ดูแลไหวหรือไม่

แต่เป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์แม้จะไม่ค่อยพูด แต่ก็เป็นในด้านที่มีจุดยืนชัดเจนในการปกป้องสถาบันและรักในเกียรติศักดิ์ศรีของกองทัพ และมีความเด็ดขาดอย่างยิ่ง

ที่สำคัญ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เรียกได้ว่า แข็งไม่น้อยเลยทีเดียว จนมีเสียงคาดการณ์ว่า ในอนาคตอาจไม่ฟัง พล.อ.อภิรัชต์เท่าใดนัก

พล.อ.ณรงค์พันธ์เรียนจบจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ รุ่นที่เรียกว่ารุ่น “สกายแล็บ” ที่ส่วนใหญ่มักจะมองว่าคนที่เรียนอำนวยศิลป์มักจะไม่ธรรมดา แม้หากไม่เกเร แต่ก็ไม่ใช่จะยอมใครง่ายๆ

แต่เป็นคนเรียบง่าย ปกติจะไม่ใช้รถนำ ยกเว้นที่จำเป็น เป็นคนขี้เกรงใจ ไม่มีพิธีรีตอง และไม่ชอบให้ใครเข้าหา แห่แหนห้อมล้อม แต่ถ้าอยากจะเจอ อยากจะคุย พล.อ.ณรงค์พันธ์จะไปหาเอง

พล.อ.ณรงค์พันธ์นั้นรู้ดีว่า หลังรับธง ผบ.ทบ. จาก พล.อ.อภิรัชต์แล้ว จะมีอะไรรออยู่เบื้องหน้า ในฐานะ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904

เพราะสถานการณ์ทางการเมืองเข้มข้นตั้งแต่ตอนนี้ และคาดว่าจะต่อเนื่องไปตลอดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

ที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์จะมาทำหน้าที่กองหนุนรัฐบาลแทน พล.อ.อภิรัชต์ แต่ในดีกรีที่ลดน้อยลง ในแง่การแสดงบทบาท การแสดงออกทางการเมือง ที่ต่างสไตล์ไปจาก พล.อ.อภิรัชต์

   แต่ในแง่ของปกป้องสถาบันแล้วจะเข้มข้น หนักหน่วงเป็นที่สุดแน่นอน