แย้มโผ “ประยุทธ์ 2/2” พลังประชารัฐฝุ่นตลบ เกมชิง 6 เก้าอี้รัฐมนตรี “สุริยะ-นฤมล” อก(ไม่)หัก?

การเมืองกลับมารุกเร้าเขย่ารัฐบาลอีกรอบ

เมื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประกาศทิ้งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ

พร้อมกลุ่ม 4 กุมาร นำโดย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ที่ลาออกจากรัฐมนตรีและตำแหน่งทางการเมือง

ให้เหตุผลต้องการเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินหน้าปรับ ครม.ได้โดยสะดวก

ส่งผลให้กลุ่มก๊วนภายในพรรคพลังประชารัฐต่างเดินเกมช่วงชิงเก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่างลงกันดุเดือด

ประกาศทวงคำมั่นคำสัญญาที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคเคยให้ไว้

เมื่อครั้งร่วมหัวจมท้ายตั้งพรรคพลังประชารัฐด้วยกันมา

ความระส่ำระสายภายในรัฐบาลไม่จบเพียงแค่นายสมคิดกับกลุ่ม 4 กุมาร โบกมือลารัฐบาลแบบยกทีม

เมื่อรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลอย่างชาติพัฒนาและรวมพลังประชาชาติไทย ต่างชิงจังหวะไขก๊อกจากตำแหน่ง

เริ่มจากนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ประกาศลาออกจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ข่าวแจ้งว่าการชิงลาออกก่อน เพราะได้รับสัญญาณมาว่าในการปรับ ครม.ประยุทธ์ 2/2 พรรคชาติพัฒนาอาจโดนริบโควต้าคืน

ด้วยเหตุที่พรรคชาติพัฒนามี ส.ส.เพียง 4 เสียง

อย่างไรก็ตาม นายเทวัญและนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคต่างยืนยัน ชาติพัฒนายังจะสนับสนุนรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป

ส่วนพรรครวมพลังประชาชาติไทย ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตหัวหน้าพรรค ร่อนใบลาออกจาก รมว.แรงงานตามมาติดๆ

เนื่องจากผลงานในรอบ 1 ปีไม่เข้าตาสมาชิกพรรค จึงเตรียมสลับให้นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการบริหารพรรคมาเป็น รมต.แทน

พร้อมประกาศไม่ต่อรองเปิดดีลแลกเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรีกับพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคร่วมรัฐบาลอื่นใดทั้งสิ้น

สรุปว่าถึงตอนนี้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลงถึง 6 ตำแหน่ง

เป็นตัวเร่งสำคัญให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องลงมือปรับ ครม.เร็วขึ้นกว่าเดิม จากที่เคยคาดไว้ตอนแรกจะเกิดขึ้นหลัง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 ผ่านสภา ราวเดือนกันยายน

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ ต่างประสานเสียงสยบข่าวปรับ ครม.ภายในพรรค

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ต่างก็ประกาศไม่มีเปลี่ยนรัฐมนตรีของพรรคในการปรับ ครม.รอบนี้

โจทย์ใหญ่ในการหาคนเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลในยุคโควิด-19

เป็นเรื่องยากและท้าทาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างมาก

แม้มีความพยายามทาบทามคนดังและนักบริหารมืออาชีพด้านเศรษฐกิจเข้ามาร่วมงาน แต่หลายคนเลือกที่จะปฏิเสธคำเชิญ

เริ่มจากนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ออกมาปฏิเสธเทียบเชิญร่วมทีมเศรษฐกิจ

ระบุมีภารกิจสำคัญต้องดูแลและกลั่นกรองโครงการและแผนงานเงินกู้ 4 แสนล้านบาทให้แล้วเสร็จ

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ไม่ขอเข้าร่วมงาน ครม.ประยุทธ์ 2/2 เช่นกัน ด้วยเหตุผลว่าครอบครัวไม่อนุญาต

รวมถึงคนมีฝีมืออย่างนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท.ปัจจุบันที่กำลังจะพ้นวาระ ออกมาขอบคุณความหวังดีของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ไว้วางใจเชิญเข้าร่วมงาน แต่แจ้งกลับไปแล้วว่า คงไม่สามารถรับตำแหน่งใดๆ ได้

ทำให้ตำแหน่งสำคัญทางเศรษฐกิจถูกจับตาไปที่ชื่อของนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นตัวเต็งที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง

เช่นเดียวกับนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และอดีต รมช.คมนาคม ซึ่งเคยร่วมงานกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

มีชื่อติดโผเข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรีคุมเศรษฐกิจ ควบเก้าอี้ รมว.พลังงาน

โดย 2 ตำแหน่งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องเจรจากับแกนนำกลุ่มก๊วนในพรรคพลังประชารัฐ

นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่าอาจปรับเปลี่ยนตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ ด้วยการปรับนายดอน ปรมัตถ์วินัย ออก แล้วมีชื่อนายบรรสาน บุนนาค รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง ขยับขึ้นมาแทน

ความชุลมุนฝุ่นตลบในพรรคพลังประชารัฐเป็นอีกความเคลื่อนไหวที่น่าจับตา

เมื่อกลุ่มก้อนการเมืองในพรรคต่างแสดงแสนยานุภาพ ประกาศทวงโควต้ารัฐมนตรีและสัญญาใจจากผู้ใหญ่ในพรรคและในรัฐบาลที่เคยให้ไว้เมื่อครั้งก่อน

นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกตัวแรง ประกาศผลักดันนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมและแกนนำกลุ่มสามมิตร ให้สลับมาเป็น รมว.พลังงานที่ว่างอยู่

พร้อมเตะสกัดโควต้าคนนอกอย่างนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ที่มีชื่อติดโผเข้ามาว่า เป็นไปไม่ได้เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากเคยเป็นผู้บริหาร ปตท.มาก่อน

ยืนยัน พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรมองพรรคพลังประชารัฐเหมือนเป็นพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง ทั้งที่ความจริงต้องดูแลพรรคพลังประชารัฐเหมือนพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น

งานนี้ร้อนถึงพี่ใหญ่อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐใหม่ๆ หมาดๆ ต้องออกมาเบรกปมร้อนนี้

ยืนยันตนเองไม่เคยมีสัญญาใจกับนายสุริยะ ว่าจะให้นั่ง รมว.พลังงาน

“จะเอาสัญญาใจที่ไหนมา ผมไม่เคย ไม่มีสัญญาใจกับใครทั้งนั้น”

รวมถึงแรงเชียร์และผลักดันจาก ส.ส.พลังประชารัฐต้องการให้ พล.อ.ประวิตรควบเก้าอี้ รมว.มหาดไทยอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย

ทำให้ พล.อ.ประวิตรต้องรีบออกมาปฏิเสธทันควัน บอกว่าตอนนี้แค่เดินยังไม่ค่อยไหวเลย

เป็นอันว่าเก้าอี้ มท.1 ยังคงเป็นชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ดังเดิม

ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม

มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเป็นประธานการประชุม พิจารณาเคาะรายชื่อรัฐมนตรีในส่วนของพลังประชารัฐในการปรับ ครม.ที่กำลังจะมีขึ้น

ผลสรุปออกมาเป็น 2 สูตร

สูตรแรก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ โยกจาก รมว.อุตสาหกรรม มาเป็น รมว.พลังงาน แล้วให้นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคเข้ามาเป็น รมว.อุตสาหกรรมแทน

ส่วน รมว.แรงงาน พรรคจะเสนอให้นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ส่วนพรรครวมพลังประชาชาติไทยสลับเก้าอี้ เป็น รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

สูตรสอง หาก พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันให้ รมว.พลังงานเป็นโควต้าคนนอก นายสุริยะก็ต้องนั่งเป็น รมว.อุตสาหกรรมตามเดิม

ส่วนนายอนุชา นาคาศัย กับนายสุชาติ ชมกลิ่น นายกฯ จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าใครจะไปอยู่ตำแหน่งใด ระหว่าง รมว.การอุดมศึกษฯ กับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

โดยสูตรนี้ไม่เหลือเก้าอี้ว่างให้นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์

เหมือนว่าจะมีการเลือกใช้สูตร 2 โดยมีชื่อนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร เป็น รมว.พลังงานในโควต้าคนนอกของ พล.อ.ประยุทธ์

นายสุริยะอกหักนั่งเป็น รมว.อุตสาหกรรมตามเดิม นายอนุชาและนายสุชาติ แต่งตัวรอลุ้นใครจะเป็น รมว.การอุดมศึกษาฯ ใครจะเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถือว่าเก้าอี้ไม่ใหญ่ทั้งคู่

ส่วนนางนฤมล เจ้าตัวยืนยันถึงไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ไม่เป็นไร เพราะอยู่ตำแหน่งไหนก็ทำงานได้

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรได้ส่งรายชื่อปรับ ครม.พรรคพลังประชารัฐให้นายกฯ ตัดสินใจขั้นสุดท้าย

โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันจะเร่งปรับ ครม.เร็วที่สุด ส่วนโผ ครม.ชุดใหม่ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว

จากนี้จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติ และนำรายชื่อเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ไปถึงขั้นตอนการถวายสัตย์ฯ

ยืนยันไม่หนักใจและไม่มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ ในตำแหน่ง รมว.พลังงาน

เพราะพูดคุยหารือกับ พล.อ.ประวิตรแล้ว

โค้งสุดท้ายการปรับ ครม.ประยุทธ์ 2/2 เป็นอีกจังหวะการเมืองที่น่าจับตา

ทั้งการเขย่ากันในพรรคพลังประชารัฐที่สะเทือนมาถึงรัฐบาล เพื่อแย่งชิงเก้าอี้สำคัญอย่าง รมว.พลังงาน

เสมือนเป็นการวัดกำลังกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับกลุ่มก๊วน ส.ส.ในพรรค

สุดท้ายต้องติดตามดูว่า การปรับ ครม.รอบนี้จะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง หรือเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่

รอวันปะทุเปรี้ยงปร้างในอนาคต