สไลม์ : ผู้ร้ายรายใหม่

ไม่นานมานี้ มีข่าวว่า “สไลม์” หรือที่เรียกกันว่าซาลาม ทำให้เด็กคนหนึ่งป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล จากนั้นก็ถูกมองว่าเป็นของเล่นอันตราย ถึงขั้นมีองค์ประกอบที่เป็นพิษ และถ้าสูดดมเข้าไปก็อาจจะทำอันตรายแก่สมองและการเจริญเติบโตของเด็ก

ในยุคแห่งความกลัวสารเคมีและโรคระบาด มันจึงกลายเป็น “ผู้ร้าย” ไปในชั่วพริบตาเดียว

สไลม์ คือของเล่นที่มีลักษณะข้นเหนียว ยืด มีสีมากมายทั้งใสและทึบ ส่วนมากทำมาจากส่วนประกอบหลักๆ ไม่กี่อย่าง เช่น แป้งฝุ่น กาวใส บอแรกซ์ แชมพู ฯลฯ ทำได้เองและพลิกแพลงสูตรได้หลายแบบ

ในขณะที่ผู้ใหญ่เห็นเป็นขี้มูกหรือรู้สึก “หยะแหยง” แต่เด็กสนุกมาก ฮิตกันถึงขนาดที่ขาดตลาดไปหลายครั้ง ถ้าพูดถึงประโยชน์ของมัน บางคนก็จะบอกว่าอย่างน้อยก็ช่วยบริหารกล้ามเนื้อมือของเด็ก

เมื่อข่าวแพร่ออกไป สาธารณสุขได้แถลงว่า ส่วนผสมหลายชนิดของสไลม์ เช่น สี กาว กากเพชร และคิวเซอร์ลีน ไม่น่าจะมีอันตราย แต่เนื่องจากมี “ผู้ผลิตบางราย” ใส่บอแรกซ์ สารหนู หรือโลหะหนัก เมื่อนำมาผสมรวมกันแล้วอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย จึงลงความเห็นว่าไม่ควรนำมาให้เด็กเล่นเพราะก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวเด็ก หากสัมผัสเป็นระยะเวลานาน และอาจจะออกประกาศห้ามขายในอนาคต

อันที่จริง ถ้าถึงขนาดจะห้ามปรามกัน เราควรรู้ว่า ทำไมสไลม์จึงฮิตหรือเป็นของเล่นยอดนิยมของเด็กๆ ได้อย่างไร?

ความจริงก็คือ สไลม์เป็นของที่เด็กฝรั่งเล่นกันมานานหลายสิบปีก่อนจะมาถึงเมืองไทย ทำมาจากโพลิเมอร์ (polymer) ซึ่งใช้ในการผลิต nylon, polyester และ polystyrene ในร่างกายของเราก็มีสารนี้ นั่นคือโปรตีนบางประเภท เช่น tubulin และ actin ซึ่งมีหน้าที่สร้าง microtubules และ microfilaments อันเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์

การค้นพบโพลิเมอร์ เกิดในช่วงทศวรรษที่ 1920 โดยนักเคมีชื่อ Hermann Staudinger เขาพบวิธีทำให้มันมีโมเลกุลเป็นเส้นยาวแทนที่จะเป็นวงกลม และกลายเป็นของที่เหลวแต่ข้นหรือเหนอะๆ ต่อมามีการทดลองอีกหลายอย่าง แต่สไลม์ ซึ่งแต่ก่อนเรียกว่า goo กลายเป็นของเล่นสำหรับเด็กในช่วงทศวรรษที่ 1980 และผู้ผลิตคนสำคัญคือ Mattel ประเทศสหรัฐอเมริกา

เป็นที่รู้กันว่า ของเหลวส่วนมากมีความข้น-ใสต่างกัน เช่น น้ำผึ้งข้นกว่าน้ำ แต่สไลม์จะมีความข้นที่ไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับ stress หรือ forces ถ้าดึงหรือปาแรงๆ ก็จะข้นและแตก ถ้าเทเบาๆ ก็จะไหลเหมือนของเหลว และจะข้นมากขึ้นถ้าคนแรงๆ หรือกดแรงๆ

รู้กันว่าสสารมีสถานะสามอย่าง คือ ของแข็ง ของเหลว และก๊าซ สไลม์เป็นสิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างแข็งกับเหลว สำหรับเด็ก มันจึงมีความมหัศจรรย์

พูดอีกอย่าง สไลม์เป็นของเหลวแบบ non-Newtonian สารที่มีคุณสมบัติคล้ายกันได้แก่ ซอสมะเขือเทศหรือ ketchup แต่ตรงข้ามกับสไลม์ เพราะจะใสขึ้นถ้าถูกคนหรือเขย่า นอกจากนั้น ถ้าเก็บไว้เฉยๆ และนานๆ ก็จะข้นขึ้น อันนี้ทุกคนรู้ดีเพราะเคยเทซอสมะเขือเทศจากขวดที่ซื้อมาใหม่ๆ และถ้าเขย่าขวด มันก็จะใสขึ้นและเทง่ายขึ้น

นี่อาจจะเป็นคำตอบหนึ่งว่าทำไมเด็กจึงชอบสไลม์มาก

ไม่เพียงเป็นของเล่น ผู้ที่เห็นประโยชน์ของมัน ก็จะบอกว่าทำให้เด็กคุ้นเคยกับวิทยาศาสตร์ เช่น สร้างความเข้าใจเรื่องโมเลกุล หรือใช้ในการทดลองทางชีววิทยา เช่น ให้เด็กเอาผักใส่ถุงพลาสติกที่ปิดแน่น และคอยสังเกตดูการเปลี่ยนแปลงจากผักสีเขียว เป็นเมือกสีดำ

มีหนังสือสำหรับเด็กที่ให้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสไลม์หลายเล่ม นอกจากนั้น ยังมีนิทานและนิยาย รวมทั้งวิดีโอเกม บอร์ดเกม อีกมากมาย

หนังสือเล่มคลาสสิคคือ Gobs of Goo (1983) ของ Vicki Cobb ซึ่งเด็กๆ ชอบกันมาก อีกเล่มคือ The Book of Slime ของ Ellen Jackson ซึ่งมองว่าสไลม์ คืออะไรก็ได้ที่ oily, greasy, goopy และ gross ที่สำคัญ เป็นของจำเป็นในชีวิตและมีประโยชน์มากมาย เช่น ไข่ขาว มีไว้ปกป้องไข่แดง, ไข่กบมีไว้ป้องกันภัยจากสิ่งแวดล้อมเช่นกอหญ้า

สไลม์คือชีวิต ถ้าคำนี้หมายถึงชีวิตของหอยแบบต่างๆ ด้วย เพราะสัตว์ประเภทนี้ต้องมีสารเหนอะหนะเพื่อหล่อลื่นร่างกายขณะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ไม่ต้องพูดถึงน้ำลายของเรา ซึ่งมีไว้ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง

เท่านั้นยังไม่พอ ผู้เขียนยังสืบสาวเรื่องของสไลม์ในอารยธรรมโบราณ เช่น การทำขนมปังสไลม์ของชาวแอสเท็ก นอกจากนั้น ยังมีนิทาน เรื่องตลก และกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสไลม์อีกมากมาย

อย่างไรก็ตาม ในสายตาของผู้ใหญ่ ของเล่นชนิดนี้ดูหยะแหยง ซึ่งผู้ใหญ่ที่ว่านี้ส่วนมากก็เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่เคยเล่นของแบบนี้ในยุคของตน การไม่รู้กระทั่งว่ามันมีที่มาอย่างไร ทำให้นึกถึงสิ่งอันตรายในทันทีที่เห็น

สาเหตุหนึ่ง อาจจะเพราะสไลม์มีลักษณะคล้ายน้ำลายของสัตว์ต่างดาวในหนังไซ-ไฟที่ออกมาในช่วง 1980 ชื่อ Alien สำหรับพ่อแม่ยุคปัจจุบัน การที่สไลม์มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า “น้ำลายเอเลี่ยน” ทำให้ฟังดูน่ากลัวขึ้น

บางคนอาจจะนึกไปถึงสัตว์ร้ายในหนังเก่าๆ เรื่อง The Blob หรือ Brain slugs ในหนังการ์ตูนชุด Futurama ซึ่งเป็นสัตว์แบบพาราสิต ที่เข้ามาเกาะและดูดกินสมองมนุษย์ อาการของเหยื่อที่ไร้สมองจะคล้ายซอมบี้ คือพูดด้วยเสียงต่ำๆ และพยายามจะขยายพันธุ์ของตัวเองออกไปให้มากที่สุด นอกจากนั้น ยังมีการตั้งกลุ่มการเมืองชื่อ the Brain Slug Party on Earth ซึ่งมีเป้าหมาย คือยึดครองโลกและเกาะกินมนุษย์ทุกคน

หนังจะบอกว่า Brain slugs คือโรคของคนที่ดูโทรทัศน์มากเกินไป จะเห็นได้ว่า บางครั้ง Futurama ก็เอามันมาล้อเลียนตนเอง หรือบอกว่าคนที่เชื่อเรื่องพิษร้ายของสไลม์ (และดูการ์ตูนชุดนี้มากเกินไป) ก็เพราะมีสิ่งนี้เกาะสมองอยู่นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สไลม์กลายเป็นผู้ร้ายแล้ว ข่าวที่ออกมาทำให้คนเกิดความตกใจกลัว และเสียงห้ามปรามการเล่นได้แพร่ไปอย่างรวดเร็ว

ลาก่อนสไลม์