บทวิเคราะห์ | ครม.ประยุทธ์ 2/2 เดินหน้า จับตา 2 รมต.อัพเกรดแรงงาน

เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนปฏิบัติหน้าที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ สำหรับ 7 ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2/2 ได้แก่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา

นับจากนี้ ครม.พล.อ.ประยุทธ์ 2/2 ต้องเร่งเดินหน้าทำผลงาน ฟื้นศรัทธา เรียกความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลและประชาชน โดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากมหาวิกฤตโรคระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รอดรีมทีมเศรษฐกิจชุดใหม่โชว์ฝีมือ

แต่สิ่งที่หลายฝ่ายให้ความสนใจและโฟกัสการทำงาน คงไม่พ้นกระทรวงแรงงานภายใต้การคุมทัพของแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สายตรง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. อย่าง “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน

ว่าจะยกระดับอัพเกรดขึ้นชั้นขับเคลื่อนเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ อย่างที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ให้เหตุผลถึงการปรับ ครม.และแต่งตั้งให้มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานขึ้นมาอีกเก้าอี้

เพราะแค่จัดห้องทำงานของทั้ง 2 รัฐมนตรีในกระทรวงจับกัง ยังเริ่มเห็นอาการเกาเหลากันบ้างแล้ว

โดยทีมงานของนายสุชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เข้ามาดูห้องทำงานรัฐมนตรีรวมถึงห้องทำงานของทีมงาน ที่ชั้น 6 สำนักงานรัฐมนตรี อาคาร 15 ชั้น

ขณะที่นางนฤมล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน จากเดิมกำหนดให้ใช้ห้องทำงานอาคารกระทรวงแรงงาน ชั้น 6 ของอาคาร 15 ชั้นเช่นเดียวกัน แต่อยู่โซนทิศใต้ ฝั่งกรมการจัดหางาน

แต่ปรากฏว่าล่าสุด ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่กระทรวงไปปรับปรุงห้องประชุมชั้น 6 อาคาร 25 ปี กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) เพื่อเป็นห้องทำงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานแทน

โดย “สุชาติ” และ “นฤมล” มีกำหนดเข้ากระทรวงแรงงานพร้อมกันโดยยึดฤกษ์เวลา 07.29 น.วันที่ 14 สิงหาคมนี้ และจะเริ่มเข้ากระทรวงเพื่อแบ่งงานและมอบนโยบายให้กับข้าราชการอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 สิงหาคมนี้

อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงห้องทำงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เกิดขึ้นภายหลัง พล.อ.ประวิตรนั่งหัวโต๊ะเป็นคนกลางพูดคุยถึงเรื่องการแบ่งงาน ระหว่าง “สุชาติ” และ “นฤมล”

เพราะเดิมทีนายสุชาติจะไม่มีการมอบหมายให้นางนฤมลกำกับดูแลกรมใดกรมหนึ่ง แต่จะให้ดูเป็นรายภารกิจ

แต่ล่าสุดนางนฤมลจะได้กำกับดูแลกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงได้ย้ายห้องทำงานจากชั้น 6 อาคาร 15 ชั้น ไปอยู่ที่ชั้น 6 อาคาร 25 ปี ก.พ.ร.แทน

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของข้าราชการว่า การแยกห้องทำงานไปอยู่คนละอาคาร อาจเพื่อป้องกันปัญหาแย่งซีนระหว่างรัฐมนตรีทั้ง 2 คน ซึ่งอาจบานปลายเป็นปัญหาความขัดแย้งจนส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาคนตกงานของรัฐบาล

ทั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน แยกตึกนั่งทำงานชัดเจน

เพราะที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อตั้งกระทรวงปี 2536 แม้จะมีรัฐมนตรีที่มาจากต่างพรรคการเมือง ทางฝ่ายการเมืองมักจะทำงานอยู่อาคารเดียวกัน และชั้นเดียวกันมาตลอด

ดังนั้น จึงต้องจับตาดูกันอีกครั้งว่า ในการแบ่งงานระหว่างรัฐมนตรีว่าการกับรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงแรงาน ซึ่งมีเพียง 3 กรม ได้แก่ กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กับอีก 1 สำนักงานประกันสังคม อย่างเป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานจะเป็นอย่างไร

เพราะโดยหลักการทั่วไป รัฐมนตรีว่าการจะเป็นคนกำกับดูแลกรมหรือหน่วยงานสำคัญไว้ในมือทั้งหมด แต่บางกระทรวงใหญ่ รัฐมนตรีว่าการอาจแบ่งบางกรมให้รัฐมนตรีช่วยดูแล แต่แทบทุกอย่างล้วนต้องขึ้นตรงและผ่านรัฐมนตรีว่าการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งบอร์ดในหน่วยงานที่รัฐมนตรีช่วยดูแลก็ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการแทบทั้งสิ้น

โดยความตั้งใจเดิม “สุชาติ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หวังจะกำกับดูแลทั้ง 3 กรม และสำนักงานประกันสังคม แต่จะมอบหมายแบ่งงานให้ “นฤมล” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานตามภารกิจๆ ไป

แต่ในความจริงการขับเคลื่อนกระทรวงแรงงานนั้นไม่ง่าย เพราะ “บิ๊กป้อม” ถือใหญ่กว่ารัฐมนตรีทั้ง 2 คน สามารถชี้ทิศทางและแบ่งงานในกระทรวงแรงงานด้วยตัวเองว่าจะให้ใครทำอะไร ตรงไหน

ยิ่งสำนักงานประกันสังคม ถือที่ว่ามีเงินกองทุนก้อนใหญ่ มีช่องทางนำไปลงทุนสร้างผลตอบแทนให้สมาชิก หรือไปสร้างคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลได้ในหลากหลายรูปแบบ ดังนั้น “นฤมล” ที่ถือว่าเป็นสายตรง “บิ๊กป้อม” อาจไม่ต้องเกรงใจกับเจ้ากระทรวงจับกังอย่าง “สุชาติ”

เรื่องด่วน เรื่องร้อนอะไร แทนที่จะผ่าน “สุชาติ” ก็สามารถรายงานตรงผ่านไปยัง “บิ๊กป้อม” ได้ทันที เพราะรู้ดีว่า “สุชาติ” คงจะไม่กล้างัดข้อกับ “บิ๊กป้อม” ที่เป็นผู้มีบารมีตัวจริงในกระทรวง

กระทรวงแรงงานในยุค 2 รัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการอาจเจอสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่ารัฐมนตรีว่าการกับรัฐมนตรีช่วย ใครจะใหญ่กว่ากัน

เป้าหมายที่จะผลักดันให้กระทรวงแรงงานขึ้นชั้นมาเป็นกระทรวงเศรษฐกิจได้แค่ไหน

คงต้องรอการพิสูจน์ฝีมือของทั้ง 2 รัฐมนตรี